ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ -แม้หลายฝ่ายมองธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังมีปัจจัยเสี่ยงเกี่ยวกับการก่อสร้างที่ล่าช้า เนื่องจากปัญหาต้นทุนวัสดุก่อสร้างที่แพงขึ้น ค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท และการขาดแคลนแรงงานในอุตสาหกรรมก่อสร้าง ซึ่งอาจเกิดแรงกระทบต่อการส่งมอบบ้านให้แก่ผู้ซื้อ รวมไปถึงความเสี่ยงเรื่องการปล่อยสินเชื่อสูงเกินมูลค่าแท้จริงของที่อยู่อาศัยจากการแข่งขันกันในกลุ่มสถาบันการเงิน
แต่ปี 2556 ต้องถือเป็นจังหวะก้าวสำคัญที่ทุกบริษัท โดยเฉพาะในกลุ่มบิ๊กอสังหาริมทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็นแสนสิริ พฤกษา แลนด์แอนด์เฮ้าส์ ศุภาลัย แอลพีเอ็น พร็อพเพอร์ตี้เพอร์เฟค หรือควอลิตี้เฮาส์ ต่างหมายมั่นต้องการสร้างรายได้และยอดขายชนิดทุบสถิติ หลังจากผ่านพ้นวิกฤตน้ำท่วมครั้งใหญ่เมื่อปี 2554 และเร่งฟื้นฟูความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ปลุกยอดขายกลับมาเติบโตได้อีกครั้งในปีที่ผ่านมา
ที่สำคัญ ทุกค่ายทุ่มงบลงทุนจำนวนมหาศาลขยายโครงการชนิดไม่หวั่นเกรงปัญหา “ฟองสบู่” และสรรหากลยุทธ์การแข่งขันเพื่อขยายฐานกลุ่มลูกค้า โดยเฉพาะการรุกแนวรบในสมรภูมิต่างจังหวัด ซึ่งถือเป็น “พระเอก” ที่มีกำลังซื้อสูงและแนวโน้มเติบโตสวยหรูอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 2-3 ปี
ตัวเลขล่าสุดพบว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ทั่วประเทศมีมูลค่ากว่า 6 แสนล้านบาท แบ่งเป็นตลาดที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ประมาณ 3 แสนล้านบาท อัตราเติบโต 15% และอีกกว่า 3 แสนล้านบาท อยู่ในตลาดต่างจังหวัด ซึ่งมีอัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปีสูงมากกว่า 30-40%
ขณะเดียวกัน ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ระบุว่า มีผู้ประกอบการอสังหาฯ จากส่วนกลางเข้าไปขยายโครงการในหัวเมืองใหญ่มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในหัวเมืองเศรษฐกิจสำคัญที่มีชายแดนติดต่อกับเมืองเวียงจันทน์และสะหวันเขต ของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ซึ่งถือเป็นเขตเศรษฐกิจของลาว ที่มีเส้นทางเชื่อมออกสู่เวียดนามและจีน ทำให้จังหวัดที่มีศักยภาพในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยต่อไปในอนาคตจะย้ายจากเมืองท่องเที่ยวในแถบภาคใต้และตะวันออกไปสู่จังหวัดใหญ่ๆ ในภาคอีสานและภาคเหนือตามเส้นทางคมนาคมหลักในปัจจุบันและอนาคต และอยู่ใกล้ประเทศเพื่อนบ้าน
ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางยุทธศาสตร์ East-West Economic Corridor หรือเส้นทางหมายเลข 9(R9) ทางหลวงแผ่นดิน หรือมอเตอร์เวย์สายใหม่ เส้นทางรถไฟความเร็วสูง สนามบินที่มีเที่ยวบินสะดวก รวมถึงสะพานข้ามแม่น้ำโขง
ราคาที่ดินในพื้นที่เศรษฐกิจ หรืออำเภอเมืองของหลายจังหวัดของภาคอีสานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เช่น อุบลราชธานี มุกดาหาร อุดรธานี หนองคาย บางพื้นที่พุ่งสูงกว่าเท่าตัวด้วย
เศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี 2556 บริษัทวางแผนพัฒนา 45 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 61,000 ล้านบาท ใน 10 จังหวัดทั่วประเทศ แบ่งเป็นในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 70% ต่างจังหวัด 30% ประกอบด้วย คอนโดมิเนียม 24 โครงการ มูลค่ารวม 35,300 ล้านบาท บ้านเดี่ยว 13 โครงการ มูลค่า 22,500 ล้านบาท และทาวน์เฮาส์ 8 โครงการ มูลค่า 2,700 ล้านบาท โดยตั้งเป้าหมายยอดขาย 48,000 ล้านบาท เติบโตขึ้น 14% จากปีก่อนที่มียอดขาย 42,600 ล้านบาทและเป้าหมายรายได้ตั้งไว้ที่ 34,000-36,000 ล้านบาท
กลยุทธ์สำคัญอันหนึ่งก็คือ การขยายฐานลูกค้าไปสู่ต่างจังหวัดมากขึ้นตามนโยบายการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นของรัฐบาลและนโยบายส่งเสริมสินค้าเกษตร ซึ่งส่งผลให้เกิดกำลังซื้อเพิ่มมากขึ้น โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม
กลุ่มแรก 6 จังหวัด ได้แก่ หัวหิน ภูเก็ต เขาใหญ่ เชียงใหม่ พัทยา และขอนแก่น ซึ่งบริษัทเริ่มพัฒนาโครงการไปแล้วในปีที่ผ่านมาและมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ๆ ในหลายเซกเมนต์ให้ครอบคลุมกลุ่มลูกค้ามากขึ้น
กลุ่มที่ 2 อีก 6 จังหวัด 7 ทำเล ได้แก่ ระยอง อุดรธานี นครราชสีมา มหาสารคาม ศรีราชา บางแสนและหาดใหญ่ จะเปิดตัวโครงการใหม่ โดยนำร่องโครงการ “ดีคอนโด เนินพระ” ที่ จ. ระยอง เป็นโครงการแรก ราคาเริ่มต้น 1.39 ล้านบาท
ส่วนกลุ่มที่ 3 เป็นการศึกษาโอกาสในตลาดที่มีศักยภาพสูงจากแผนโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง โครงการมอเตอร์เวย์ตัดใหม่ เช่น พิษณุโลก สุราษฎร์ธานี อุบลราชธานี และกาญจนบุรี
การเร่งบุกตลาดต่างจังหวัดของแสนสิริยังต่อยอดไปถึงการเพิ่มสัดส่วนกลุ่มลูกค้าต่างชาติจากปัจจุบันมีเพียง 3% และคาดหวังว่าการเปิดเขตการค้าเสรีอาเซียน (เออีซี) จะดึงชาวต่างชาติเข้าสู่ประเทศไทยมากขึ้น มีเงินทุนไหลเวียนทะลักเข้ามามากขึ้น
ล่าสุด บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ เพิ่งเปิดตัวเว็บไซต์ www.rentalforholidays.com เพื่อเป็นศูนย์กลางนำเสนออสังหาริมทรัพย์ในเครือแสนสิริทั่วประเทศ และตั้งเป้าเป็นผู้นำตลาดที่อยู่อาศัยสำหรับคนต่างชาติภายใน 2-3 ปีข้างหน้า
ด้านคู่แข่งอย่างบริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) ซึ่งประกาศแผนธุรกิจในปี 2556 จะเปิดโครงการใหม่ 78 โครงการ มูลค่ารวม 55,000 ล้านบาท แบ่งเป็น ทาวน์เฮาส์ 47 โครงการ บ้านเดี่ยว 16 โครงการ คอนโดมิเนียม 13 โครงการ และต่างประเทศ 2 โครงการ แบ่งเป็นโครงการในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล 67 โครงการ และมีโครงการในต่างจังหวัด 9 แห่ง เช่น ภูเก็ต พัทยา ขอนแก่น ซึ่งภูเก็ตมีที่ดินกว่า 180 ไร่ จะพัฒนา 4 โครงการทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ และคอนโดฯ ส่วนที่เชียงใหม่จัดเตรียมที่ดินไว้แล้ว แต่รอศึกษาตลาดเพื่อกำหนดรูปแบบโครงการและกลยุทธ์ชิงส่วนแบ่งจากคู่แข่ง
ค่ายแอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ ปีนี้มีแผนขยายโครงการแรกในอุดรธานี ซึ่งถือเป็นหัวเมืองร้อนแรงในภาคอีสาน มีค่ายยักษ์ใหญ่อย่างแลนด์แอนด์เฮ้าส์และศุภาลัยเข้าไปเปิดโครงการยึดครองส่วนแบ่งก้อนใหญ่อยู่
เปิดปีงูเล็กไม่ทันไร สมรภูมิตลาดอสังหาฯ ในต่างจังหวัดทั้งร้อนแรงและขยายแนวรบอย่างกว้างขวาง ที่สำคัญมีแต่ “บิ๊ก” ทั้งสิ้น