xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ปชป.-พท.ดูถูกคนกรุง ส่ง 2 เสาไฟฟ้า “จูดี้-ชายหมู” ชิงผู้ว่าฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ประเดิมลาออกไปเป็นที่เรียบร้อย สำหรับ “คุณชายหมู”ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร หลังสามารถฝ่าด่านในพรรคประชาธิปัตย์ มาเป็นตัวแทนชิงชัยในตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) แต่กว่าจะคุณชายหมูจะแหกด่านมาได้ก็เรียกว่างัดข้อ วัดกำลังภายในไม่น้อยเช่นกัน สำหรับศึกในของพรรคประชาธิปัตย์

เนื่องเพราะมีการงัดข้อกันระหว่างเลขาฯ พรรคคนเก่าคือนายสุเทพ เทือกสุบรรณ กับเลขาฯ พรรคคนปัจจุบัน คือนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ที่ไม่ลงรอยกันอย่างหนัก กลายเป็นว่านายสุเทพต้องการจะขวางทุกอย่างที่เลขาฯพรรคคนปัจจุบันทำ ว่ากันว่านายสุเทพ ได้พยายามล็อบบี้คนในคณะกรรมการบริหารพรรคให้เลือกคุณชายสุขุมพันธุ์ ขณะที่นายเฉลิมชัยอยู่ในฝั่งตรงข้าม ทว่า สุดท้ายแล้วนายสุเทพก็ส่งให้คุณชายหมูถึงฝั่งจนได้

ทั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์รู้อยู่เต็มอกว่างานนี้จะต้องไม่มีคำว่าแพ้เกิดขึ้น จึงออกตัวแรงด้วยการจัดกำลังและระดมสรรพกำลังทุกอย่างของพรรคมาใช้ แต่ก็ใช้ว่าศึกครั้งนี้จะได้รับชัยชนะโดยง่าย

ดอกแรกคงไม่พ้นต้องไม่ลืมว่า สภาพของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ มีบาดแผลเยอะ และพรรคเพื่อไทยก็ไม่รีรอที่จะดิสเครดิตในทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นในกรณีต้องหอบคณะผู้บริหาร กทม. อีก 9 คน ไปรับทราบข้อกล่าวหาต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในข้อหาร่วมกันประกอบกิจการรถราง โดยไม่ได้รับอนุญาตหรือได้รับสัมปทานจาก รมว.มหาดไทย ตามประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 58 จากกรณีที่ต่อสัญญาขยายระยะเวลาสัมปทานรถไฟฟ้าบีทีเอสออกไปอีก 13 ปี จากระยะเวลาสัมปทานที่เหลืออยู่ 17 ปี รวม 30 ปี

และถ้าว่าไปตามเนื้อผ้า สิ่งที่เกิดขึ้น การต่อสัญญารถไฟฟ้าก็ดูเหมือนหมกเม็ด ไม่เคลียร์ เพราะถ้าว่ากันตามความเป็นจริงแล้วสัญญายังเหลืออีกนับ 10 ปี แต่แอบไปซิกแซ็กต่อกันก่อน ทำนิติกรรมอำพราง เร่งรีบกันอย่างมีพิรุธ จึงไม่พ้นถูกตั้งคำถามจากสังคมว่ามีนอกมีในอะไรหรือไม่อย่างไร

รวมทั้งโครงการก่อสร้างสนามกีฬาบางกอกฟุตซอลอารีนาที่แม้จะเร่งก่อสร้างจนแล้วเสร็จ แต่สุดท้ายฟีฟ่าก็ไม่ประกาศรับรองให้ใช้เป็นสนามแข่ง อีกทั้งยังมีประเด็นเรื่องการก่อสร้างที่เพื่อไทยชงเรื่องให้ดีเอสไอสืบสวนสอบสวนว่า อาจเข้าข่ายทำผิด พ.ร.บ.ฮั้ว หรือไม่ นอกจากนี้ ยังมีเรื่องอุโมงค์ยักษ์ 7 แห่ง ของ กทม.และงบลอกท่อระบายน้ำของ กทม. ที่เห็นชัดว่าไม่ได้มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร

เรียกว่าถ้าจะว่าไปแล้ว ตามโปรไฟล์อย่างที่เห็นกัน อยู่มา 4 ปี สำหรับ คุณชายหมูไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เพิ่งจะมีนโยบายออกมาตอนหาเสียงเลือกตั้งใหม่เท่านั้นด้วยซ้ำ

เอาเป็นว่า ด้วยฐานต้นทุนส่วนตัวของคุณชายสุขุมพันธุ์ไม่ได้เหนือกว่าคู่แข่งแต่อย่างใด แต่อาศัยคะแนนนิยมของคนกรุงเทพฯ โดยเฉพาะเขตชั้นในที่ปักใจอยู่กับยี่ห้อประชาธิปัตย์ ที่วิสัยคนกรุงยังไงก็ไม่เอาแก๊งเผาเมือง ไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์ส่งใครก็เป็นต่ออยู่วันยังค่ำ ไม่ได้ต่างจากการบีบคอคนกรุง เลยด้วยซ้ำ คล้ายคลึงกับช่วงเลือกตั้งใหญ่ที่ผ่านมาไม่มีผิด ที่พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้มีนโยบายอะไรใหม่มาเสนอประชาชน จนต้องไปขุดวิชาก้นกุฏิ หากินกับผีทักษิณ ประหนึ่งว่า ถ้าไม่เลือกเราเขามาแน่ อย่างไรอย่างนั้น และมาถึงนาทีนี้ในการเลือกตั้งผู้ว่า กทม. ก็ไม่ได้ต่างกันเลยแม้แต่น้อย

เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ครั้งนี้ ชาวกรุงเทพฯ อยากเห็นผู้สมัครที่มีความรู้ความสามารถ ดูแล้วมีความหวัง สามารถเปลี่ยนแปลงกรุงเทพฯ และชีวิตความเป็นอยู่ให้พวกเขา แต่แค่เริ่มต้นตัวผู้สมัครก็เห็นแล้วว่าไม่ได้คัดตัวเลือกที่ดีที่สุดมาให้ชาวบ้านเลือก ซึ่งที่สุดแล้วพรรคประชาธิปัตย์ก็พิสูจน์ให้เห็นแจ่มแจ้งแล้วว่า ไม่มีใครหน้าไหนดีกว่า คุณชายหมู ถึงได้กระเตงมาเป็นตัวเลือกให้คนกรุงเทพฯ ชนิดที่มีบาดแผลเต็มตัว ผลงานไม่ประจักษ์แจ้งเป็นชิ้นเป็นอัน เอวัง พรรคประชาธิปัตย์ เสียจริง

หรือประชาธิปัตย์คิดว่าอย่างไรก็ชนะ ถึงส่งเสาไฟฟ้าอย่างคุณชายสุขุมพันธุ์ลงสนาม

ขณะเดียวกัน ข้ามฟากไปทางพรรคเพื่อไทยก็ยังคงดุเดือดเลือดพล่านทีเดียว สำหรับศึกในพรรคกันเองกรณีการเลือกคนลงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เพราะ ดูเหมือนคลื่นลมแรงใต้น้ำภายในพรรคยังคงกระเพื่อมไม่หยุดหย่อนและ ที่เหมือนว่าจะจบศึกไปแล้ว แต่ไปๆ มาๆ ก็ไม่จบลงง่ายๆ ล่าสุดก็เกิดข่าวสกัด พล.อ.พงศพัศ พงศ์เจริญ รองผบ.ตร. เลขาธิการป.ป.ส.และรวมไปถึงการสกัด คุณหญิงหน่อย สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตสมาชิกบ้านเลขที่ 111

ทั้งในกรณี ส.ส.กทม.ในกลุ่มคุณหญิงสุดารัตน์ยังมีความพยายามเสนอชื่อคุณหญิง อยู่ตลอดเวลา โดยมีรายงานข่าวเดิมมีแผนว่าการประชุมโซน วันที่ 8 ม.ค.ซึ่งจะมีเป็นประจำก่อนการประชุมส.ส.ของพรรคทุกวันอังคาร ปรากฏว่าแกนนำพรรคเพื่อไทยถึงกับสั่งแจ้งงดประชุมเพื่อตัดปัญหาและแผนของส.ส.กทม.ที่จะให้น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารหรือไอซีที ในฐานะประธานโซนสองฝั่งตะวันออกและเป็นคนสนิทขอมติโซนเสนอชื่อคุณหญิงสุดารัตน์เข้าสู่ที่ประชุมพรรค

และผลจากความขัดแย้งภายในพรรคเพื่อไทยทำให้นายอุดมเดช รัตนเสถียร ส.ส.นนทบุรี ซึ่งเป็นคนสนิทคุณหญิงสุดารัตน์เคยได้รับการผลักดันให้เป็น รมช.สาธารณสุข มาแล้ว ได้ยื่นหนังสือแสดงเจตจำนง ขอลาออกจากตำแหน่งประธานวิปรัฐบาล ที่รับหน้าที่อยู่ในปัจจุบัน

เรียกว่าดุเดือนกันจนจะนาทีสุดท้ายก่อนจะส่งคนมาชิงชัยในสนามผู้ว่าฯ กทม.เลยด้วยซ้ำ เพราะต้องบอกว่ายืดเยื้อมิใช่น้อย ที่ศึกในพรรคเพื่อไทยยังคง แสดงพลังขัดง้อกันอย่างหนักหน่วง

แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามถึงจะทะเลาะกันบ้านแตกสาแหรกขาดปานใดหรืองัดข้อแสดงพลังต่อรองอำนาจกันขนาดไหน เพราะถึงที่สุดแล้วคนที่เลือกเคาะชื่อก็คือ นช.ทักษิณ ชินวัตร คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร รวมไปถึง 2 เจ๊อย่าง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และเจ๊ด.แห่งพรรคเพื่อไทย

ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าไม่ว่าบรรดาลิ่วล้อจะออกมาขย่มกันเพียงใด ชื่อสุดท้ายที่จะลงชิงชัยก็ยังคงเป็น พล.ต.อ.พงศพัศเฉกเช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

ขณะเดียวกัน ดูเหมือนบรรดาลิ่วล้อของคุณหญิงสุดารัตน์ก็ทราบดีและยอมยกธงขาวแต่โดยดี และที่ต้องขีดเส้นใต้ก็คือถ้อยคำของ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย ซึ่งเล่นตบหน้าคนกทม.เข้าฉาดใหญ่เลยทีเดียว

นายจิรายุกล่าวว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 5 มกราคมที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณได้สไกป์มาพูดคุยกับ ส.ส.กทม. ส.ก.และ ส.ข.ของ พท.กว่า 40 คน เพื่อหารือถึงความชัดเจนในการส่งตัวผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.ของพรรคกว่า 1 ชั่วโมง ที่โรงแรมเอสซีปาร์ค โดย พ.ต.ท.ทักษิณย้ำกับ ส.ส. ส.ก.และ ส.ข.ว่า ขอให้สนับสนุนคนที่พรรคมีมติให้ลงสมัคร และระบุว่าการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ครั้งนี้ ไม่ว่าพรรคเพื่อไทยจะส่งใครหรือเสาไฟฟ้าลงสมัครก็จะชนะ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์แน่นอน

แน่นอน คำพูดดังกล่าวย่อมไม่ต่างจากการตบหน้าคนกทม.เลยแม้แต่น้อย นายจิรายุและนช.ทักษิณ กำลังจะบอกว่า คนกทม.โง่เง่า ไม่มีสมองที่จะคิดพิจารณาอะไรเลยกระนั้นหรือ ว่าบุคคลแต่ละคนมีประวัติการทำงานอะไรมาบ้าง ที่ขนาดถึงกับกล้าพูดว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยส่งเสาไฟฟ้า ก็ยังชนะในศึกเลือกตั้ง

ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงอย่างคำขี้โม้โอ้อวดของนายจิรายุ ถามว่าทำไมพรรคเพื่อไทยถึงเคยมีแนวคิดที่จะส่ง พล.ต.อ.พงศพัศ ลงสมัครในนามผู้สมัครอิสระด้วย หรือเกรงกลัวว่าถ้าลงสมัครในนามพรรคเพื่อไทย ทางคนกทม.ที่ภาพยังติดตาตำใจในเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมืองของคนเสื้อแดง จะไม่เอา พล.ต.อ.พงศพัศ แต่ภายหลังทางพรรคเพื่อไทยก็ได้ตัดสินใจว่าจะส่งเสาไฟฟ้าคือ พล.ต.อ.พงศพัศ ไปสู้ศึกในนามพรรคเพื่อไทย

ขณะเดียวกัน ยิ่งย้อนมาดูสถิติ ในความน่าจะเป็นด้วยแล้ว ยิ่งห่างไกลความเป็นจริง โดยคะแนนของการเลือกตั้ง ส.ส.ในการเลือกตั้งใหญ่ ปัจจุบัน ส.ส.กทม.จำนวน 33 คนนั้น เป็นของประชาธิปัตย์ 23 คน และเพื่อไทย 10 คน โดยเพื่อไทยจะได้ในพื้นที่ส่วนรอบนอก กทม.เป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นแล้วบรรดาพรรคเพื่อไทยต้องหัดส่องกระจกชะโงกดูเงาด้วยเช่นกันว่า เอาสมองส่วนไหนมาคิดว่าเสาไฟฟ้าที่แปะยี่ห้อพรรคเพื่อไทยมันจะชนะง่ายๆได้อย่างไร

นอกจากนี้แล้วอีกประการหนึ่งของความเป็นจริงก็คือ ตามปกติวิสัยของคนกรุงเทพฯ มีความตื่นตัวทางการเมืองสูง ซึ่งจะมีผลในการผลักดันนโยบาย รวมถึงการแสดงออกความพอใจและไม่พอใจรัฐบาล ซึ่งเกิดผลสะเทือนกับรัฐบาลเสมอมา คำถามที่ต้องถามไปถึงพรรคเพื่อไทยก็คือ บรรดาคณะรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ที่แสดงท่าทีกระหยิ่มยิ้มย่อง กล้าหาญชาญชัยว่าส่งเสาไฟฟ้าลงก็ชนะการเลือกตั้ง ที่ต้องถามคือแน่ใจแล้วหรือว่าบรรดาคนในรัฐบาลทั้งหลาย บริหารบ้านเมืองจนดีเลิศประเสริฐศรีจนคนกรุงเทพฯ ต้องแห่ไปลงคะแนน เพราะความจริงที่ปรากฏในสายตาของคนกรุงเทพฯ ที่ไม่ได้กินหญ้าเหมือนคนเสื้อแดง การบริหารของรัฐบาลนั้นมีแต่เรื่องล้มเหลว แตะตรงไหนก็สะดุ้ง เพราะมีแต่แผลเต็มตัวไปหมด ของแพงกันทั่งบ้านทั่วเมือง ปัญหารถติดก็ดูจะหนักหน่วงขึ้นทุกวันจากนโยบายรถคันแรก

ดังนั้นแล้ว คงต้องบอกว่า คิดซ้ายคิดขวาคิดหน้าคิดหลัง ปวดหัวปวดใจแทนคนกทม.เสียจริง สำหรับงานนี้


พล.อ.พงศพัศ พงศ์เจริญ
กำลังโหลดความคิดเห็น