xs
xsm
sm
md
lg

“ก๊วนเจ๊หน่อย” ตีบทแตก เล่นละครยื้อชิงผู้ว่าฯ กทม.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์
รายงานการเมือง

โหมโรงกันเร้าใจระดับห้าดาวตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม สำหรับศึกชิงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) คนใหม่ที่คู่รักคู่แค้นอย่าง “ประชาธิปัตย์” และ “เพื่อไทย” เปิดเกมฟาดฟันกันทั้งวาทกรรมและเกมใต้ดินกันแล้ว

โดยเฉพาะฟากฝั่งพรรคสีแดงที่ชิงจังหวะเขี่ยลูกก่อน ตามเนื้อผ้าการเมืองที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ออกหนังสือเชิญ “ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร์” และคณะรวม 11 รายไปรับทราบข้อกล่าวหากรณีร่วมกันประกอบกิจการรถรางโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือได้รับสัมปทานจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ตามประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 58 พ.ศ. 2515

จนฝ่ายผู้กระทำต้องเทกแอ็กชันสู้ เพราะรู้อยู่ว่า “ดีเอสไอ” กำลังขับเคลื่อนปฏิบัติการดิสเครดิตตามคิวที่มีใครสักคนวางหมากเอาไว้ เพราะจังหวะเวลาที่แจ้งข้อกล่าวหาช่างแสนบังเอิญกับช่วงของการเคาน์ดาวน์เข้าสู่โหมดหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.แบบพอดิบพอดี

อย่างไรก็ตาม แม้พรรคประชาธิปัตย์จะถูก “เกมใต้ดิน” จู่โจมเข้าก่อนในศึกนี้ แต่ดูเหมือนพรรคเพื่อไทยที่เป็นฝ่ายเปิดฉากก่อนจะแพ้ภัยตัวเองอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะปัญหาเรื่องตัวผู้สมัครที่เหมือนทุกอย่างจะลงตัวแล้วว่าจะส่ง “พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ” รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) และเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ลงชิงชัย

โดยเฉพาะคิวที่ “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี สไกป์เข้ามากลางวงที่ประชุมพรรคเพื่อไทย เพื่อขอให้คนในพรรคสนับสนุน “บิ๊กจูดี้” พร้อมให้ “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” เจ้าของสมญานาม “เจ้าแม่ กทม.” หลีกทางให้

โดยยกเหตุผลยาหอมเบาๆ ว่า “เจ๊หน่อย” เคยดำรงตำแหน่งสำคัญๆ ของประเทศมาแล้ว ไม่ควรที่จะลดตัวลงไปชิงตำแหน่งดังกล่าว ขณะเดียวกันเปรยเป็นนัยว่าคู่ควรกับการมาเล่นเก้าอี้ดนตรีลุ้นกลับเข้าแท่นเสนาบดีมากกว่า

การเคาะดังกล่าวดูเหมือนทุกอย่างจะจบ ทว่าแรงกระเพื่อมภายในพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับซีกของ ส.ส.กทม.กลับมีความเคลื่อนไหวอย่างน่าสนใจต่อเนื่อง เนื่องจากยังมีพยายามผลักดันให้ “เจ๊หน่อย” ลงสู้ศึกในครั้งนี้ด้วยตัวเองมากกว่า “บิ๊กจูดี้”

ไม่ว่าจะเป็นในรายของ “จิรายุ ห่วงทรัพย์” ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองโฆษกพรรคที่นั่งแถลงและอยากจะแดกดันประชาธิปัตย์แต่ดันเข็มขัดสั้น จึงยกเอาคำพูด “นายห้างดูไบ” ว่า “เอาเสาไฟฟ้าลงก็ชนะ” จนสร้างผลกระทบต่อพรรคมากมาย โดยเฉพาะคะแนนเสียงเนื่องจากวลีดังกล่าวไม่ต่างอะไรจากการดูถูกคนกรุง กระทั่งภายหลังต้องลงมาแก้ข่าวและพลีชีพว่าเป็นคำพูดตัวเอง

นอกจากในรายแรกแล้วด้าน “วิชาญ มีนชัยนันท์” ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย คนสนิทของ “เจ๊หน่อย” ก็ห้าวเป้งลงทุนสไกป์ทางไกลถึง “นายใหญ่” โดยตรงเพื่อการันตีว่า ศึกชิงพ่อเมืองครั้งนี้หากส่ง “คุณหญิงสุดารัตน์” ลงประกวดดูจะมีภาษีดีกว่า

โดยมีเสียงกระซิบกระซาบกันว่า สาเหตุที่ ส.ส.กทม พรรคเพื่อไทย กลับลำเปลี่ยนใจมาหนุน “เจ๊หน่อย” อีกหน เพราะสบช่องที่ฝ่ายตรงข้ามเลือกส่ง “คุณชายหมู” ลงรักษาเก้าอี้ แทนที่จะเป็นคนอื่นลงแทนตามที่ทีม กทม.ของเพื่อไทยประเมินกันก่อนหน้านี้ เมื่อเห็นตัวคู่แข่งหน้าเดิมที่ผลงานไม่ค่อยโดนใจชาว กทม.เท่าไรนัก จากที่เคยทำทีว่าถอนตัวก็คิดจะกลับลำขอลองออกแรงเขย่าอีกซักตั้ง เพราะเชื่อลึกๆ ว่าหาก “หญิงหน่อย” ได้ลงโอกาสได้รับการชูมือในโค้งสุดท้ายนั้นเปิดกว้างมาก หรือหากไม่ได้ลงก็ยังถือเป็นการโชว์พาวเวอร์ประกาศศักดาของชาวคณะ “วังทองหลาง”

จึงจะเห็นว่าพอ “ประชาธิปัตย์” เคาะชื่อ “คุณชายหมู” เสร็จสิ้น “เด็กเจ๊หน่อย” ก็ออกท่าทางกระเหี้ยนกระหือรือแบบไม่ไว้หน้า “นายใหญ่”


ขณะที่อีกหนึ่งเด็กในสังกัด “ค่ายเจ๊หน่อย” อย่าง “อุดมเดช รัตนเสถียร” ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย ก็ไม่ได้หยุดนิ่ง รับลูกเล่นเกมเช่นเดียวกัน ซึ่งประกาศลาออกจากตำแหน่งประธานคณะกรรมการประสานงาน (วิป) พรรคร่วมรัฐบาล โดยอ้างปัญหาเรื่องสุขภาพที่ทำให้ไม่สามารถทำงานได้เต็มที่

ว่ากันว่า “อุดมเดช” แจ้งความประสงค์ขอไขก๊อกมาตั้งแต่เมื่อเดือน พ.ย.ปีก่อน และได้รับไฟเขียวให้ลาออกก็ช่วงก่อนสิ้นปีใหม่ไม่นาน ดูเผินๆ ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่และไม่น่าเชื่อมโยงกันได้ แต่น่าสังเกตว่าข่าวกลับหลุดออกมาในช่วงนี้พอดิบพอดีราวกับเขียนบทไว้อย่างไรอย่างนั้น

กลายเป็นว่าการเทกแอ็คชันหลายๆ ทางของ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย จับสัญญาณได้ว่ากำลังเล่นต่อรองอะไรบางอย่างที่นอกเหนือจากแค่ส่ง “เจ๊หน่อย” ลงชิงศึกพ่อเมืองกรุง

เพราะหากจับจังหวะให้ดี ชื่อของ “พงศพัศ” นั้นเป็นที่พออกพอใจของ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี และทีมงานอย่างมาก ผิดกับชื่อของ “สุดารัตน์” ที่ “แก๊งไทยคู่ฟ้า” ส่ายหน้าหนีไม่ว่าจะให้มานั่งในตำแหน่งรัฐมนตรีหรือแคนดิเดตผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ก็ตาม เนื่องด้วยปัจจัย “ราศีแอนด์รัศมี” ความเป็นหญิงแกร่งอาจบดบังทาบทับ “นายกฯ หญิง” ได้

รวมถึงกลิ่นอายความแค้นที่โดนขโมยซีนจากเมื่อครั้งมหาอุทกภัยถล่มกรุง ทำให้ “ไม่กินเส้น” กันมาถึงวันนี้ ที่วันก่อนไป “เอ็นจอยอีทติ้ง” ร่วมวงกินเลี้ยงในงานวันเกิดสื่อใหญ่แถวประชาชื่น มันก็แค่ละครฉากหนึ่งที่จับผลัดจับผลูร่วมกัน “สร้างภาพ” สมานฉันท์ย่อมๆในพรรคเท่านั้น

ฉะนั้น ต่อให้เด็กในสังกัด “เจ๊หน่อย” ออกมาดิ้นทุรนทุรายจะเป็นจะตายอย่างไร สุดท้ายก็ไม่สามารถเปลี่ยนใจมติพรรคได้ เพราะแม้แต่เจ้าตัวสู้อุตส่าห์งัดมุกเก่าๆบินตรงไปออดอ้อน “นายใหญ่” เพื่อขอลงแข่งเอง ก็ยังไร้สัญญาณตอบรับ จนหมดทางฝ่าด่าน “ทีมงานไทยคู่ฟ้า” ไปได้

ฟันธงเลยว่า “หญิงหน่อยแอนด์เดอะแก๊ง” รู้ดีว่าโอกาสจะส่งลูกพี่ลงชิงเก้าอี้พ่อเมืองหลวง สร้างประวัติศาสตร์เป็น “ผู้ว่าฯ กทม.หญิง” คนแรกนั้นเท่ากับศูนย์ แต่ที่ยังเรียงคิวออกมาอาละวาดเล่นเกมภายในพรรคไม่เลิก นั่นเป็นก็แค่ “ลูกไม้เก่า” ส่งสัญญาณแสดงพลังต่อรองไปถึง “นายใหญ่ - นายหญิง”

คงหนีไม่พ้นเก้าอี้ใน ครม.ระดับ “เกรดเอบวก” ที่สัญญาจะให้ “เจ้าแม่ กทม.”

แต่กระนั้นแม้ “ทักษิณ” จะสไกป์เป็นสัญญาใจแล้ว แต่ไม่มีใครการันตีได้ว่าจะได้แน่นอน ซ้ำร้ายวันนี้แรงเคาะของคนที่ขึ้นชื่อว่า “นายใหญ่” ก็เบาลงๆทุกที หลังถูกถ่วงดุลอำนาจจาก “น้องสาว” และ “แก๊งไทยคู่ฟ้า” ทำให้เสียงคำรามที่เป็น “อาญาสิทธิ์” เสื่อมมนต์ขลังไปทุกขณะ ดูได้จากกรณี “คางคกอดขึ้นวอ” ของ “จตุพร พรหมพันธุ์” ที่เป็นตัวอย่างได้เป็นอย่างดี

มองแบบขาดๆ คนผ่านร้อนผ่านหนาวมายาวนานอย่าง “หญิงหน่อย” ก็รู้ดีว่า ตราบใดที่ “ยิ่งลักษณ์” ยังคงนั่งเป็นเบอร์ 1 อยู่ที่ตึกไทยคู่ฟ้าโอกาสหวนกลับมาร่วม “เอนจอยคาร์บิเนต” แบบคนอื่นเขาก็สุดจะริบหรี่ จึงหวังลึกๆว่าการเล่นบท “นางเอก” เสียสละหลีกทางไม่ลงสมัครชิงผู้ว่าเมืองหลวงในครั้งนี้ ก็สมควรได้อะไรตอบแทนเป็นรางวัลปลอบใจบ้าง

อย่างน้อยก็ “โควตารัฐมนตรี” ให้แก่ชาวคณะ “วังทองหลาง” เพิ่มเติมซักเก้าอี้ก็ชื่นใจแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น