ประชาธิปัตย์นัดถก ส.ก.-ส.ข.-ส.ส.กทม. “สุขุมพันธุ์” ลั่นไม่รักษาการ ลาออกก่อนครบวาระแน่ แต่ยังกั๊กวันนี้หรือพรุ่งนี้ อ้างงานเยอะ พร้อมแจงดีเอสไอ แย้มถ้าทำเกินอำนาจเจอฟ้องกลับ บอกอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ยันจริงใจ ตอบได้ทุกเม็ด เย้ย “นช.แม้ว” กลัวนโยบายเอาสายไฟลงใต้ดินเลยจะเอาเสาไฟฟ้ามาแข่ง ด้าน “แทนคุณ” ซัดดูถูกชาวกรุง จวกรัฐยกเมฆ จี้ กกต.ดูป้ายโฆษณา “พงศพัศ” เข้าข่ายผิด กม.หรือไม่ หวั่นคดี “ราเมศ” ซ้ำรอย “ชุติเดช”
วันนี้ (8 ธ.ค.) เมื่อเวลา 11.30 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุม ส.ก., ส.ข. และส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ถึงกรณีการลาออกจากตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.ว่า ตนยืนยันว่าจะไม่รักษาการในช่วงเลือกตั้ง เพราะอยากให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างยุติธรรม และให้มีเวลาก่อนการเลือกตั้งมากขึ้น ส่วนการลาออกนั้นตนจะลาออกก่อนครบวาระ แต่จะยื่นจดหมายลาออกในวันนี้หรือวันที่ 9 ม.ค.นั้นตนต้องตัดสินใจอีกที เพราะยังมีเรื่องงานที่ต้องสะสางอยู่ และปลัด กทม.เองก็ไม่อยู่ ซึ่งหากตนยื่นทันวันนี้ก็จะยื่นภายในวันนี้ ซึ่งการลาออกก็จะมีผลในเวลา 24.00 น.ของวันที่ยื่น ส่วนการเตรียมตัวเข้ารับทราบข้อกล่าวหาจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นั้น ตนจะเตรียมเอกสารไปชี้แจงด้วย ส่วนจะมีการแจ้งความดำเนินคดีกลับหรือไม่นั้น ต้องให้โอกาสดีเอสไอก่อน แต่หากยังคงปฏิบัตินอกเหนืออำนาจหน้าที่ เราก็ต้องพึ่งศาลยุติธรรม ซึ่งหากดูจากข้อมูลที่ดีเอสไอให้ต่อประชาชนนั้น ก็มองได้ว่าเป็นการทำที่เกินอำนาจหน้าที่ ทั้งนี้เรื่องดังกล่าวเป็นเพียงการสอบสวนเบื้องต้น ยังไม่มีการสอบสวนพยานบุคคล ส่วนจะส่งผลกระทบต่อการเลือกตั้งหรือไม่นั้น ตนมองว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด เพราะที่ผ่านมาตนทำทุกอย่างด้วยความจริงใจ ทั้งเรื่องต่อสัญญาบีทีเอส และเรื่องสนามฟุตซอล ยืนยันว่าสามารถตอบได้ในทุกประเด็น
เมื่อถามว่า การดำเนินคดีกลับนั้นจะดำเนินคดีต่อคณะสอบสวน หรือรวมถึงนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอด้วย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์กล่าวว่า คิดว่าต้องรวมถึงทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง อาจรวมถึงคณะกรรมการดีเอสไอด้วย ซึ่งรวมถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการคดีพิเศษ (กพค.) เมื่อถามว่า นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย ออกมาระบุคำพูดที่ว่าส่งเสาไฟฟ้าลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ก็ชนะนั้นเป็นคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์กล่าวว่า อาจเป็นเพราะฝ่ายนั้นรู้ว่าหากตนได้กลับมาเป็นผู้ว่าฯ กทม.อีกครั้งตนจะเอาสายไฟฟ้าลงใต้ดิน จึงต้องส่งเสาไฟฟ้ามาแข่งกับตน
ด้านนายแทนคุณ จิตต์อิสระ โฆษกผู้นำฝ่ายค้านฯ กล่าวว่า หากเป็นคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ จริงก็อยากเห็นท่าทีของพรรคเพื่อไทย เพราะขณะนี้ให้ชัดเจนด้วยการส่งเสาไฟฟ้าลงจริงๆ แทนการส่งผู้สมัครลง เพื่อพิสูจน์ว่าคน กทม.จะเลือกเสาไฟฟ้าตามที่ พ.ต.ท.ทักษิณแสดงความมั่นใจหรือไม่ ทั้งนี้เห็นว่าเป็นการพูดที่ดูถูกคนไทยและชาว กทม. จึงอยากให้คนไทยได้พิจารณาว่าการใช้คำพูดลักษณะนี้มีความเหมาะสมหรือไม่ ทั้งนี้ยังเห็นว่านอกจากจะเกิดปรากฏการณ์ “เหนือเมฆ” จากการถอดละคร “เหนือเมฆ 2” กลางอากาศแล้ว รัฐบาลกำลังปฏิบัติการ “ยกเมฆ” ด้วยการบิดเบือนข้อมูลข่าวสารต่อประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยเชื่อว่าจะมีกระบวนการแทรกแซงการให้ข้อมูลข่าวสารกับประชาชนทั้งผ่านสื่อมวลชนปกติหรือแม้แต่ในละครจึงขอตั้งฉายารัฐบาลชุดนี้ว่า “รัฐบาลยกเมฆ”
นายแทนคุณยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า ในวันพรุ่งนี้ (9 ม.ค. 55) ถ้า ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ลาออกจากตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. กกต.จะต้องพิจารณาป้ายโฆษณาของ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เลขา ธิการ ป.ป.ส. ว่าที่ผู้สมัครของพรรคเพื่อไทย ที่มีการติดป้ายรณรงค์หาเสียงผ่านโครงการของ ป.ป.ส.ร่วมกับนายกรัฐมนตรี โดยใช้งบประมาณของราชการว่าจะเข้าข่ายผิดกฎหมายหรือไม่ และจะต้องปลดป้ายดังกล่าวลงเพื่อให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรมหรือไม่ เพราะหลังจาก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ลาออกก็เท่ากับเข้าสู่โหมดการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.แล้ว
นอกจากนี้ นายแทนคุณยังกล่าวถึงคดีลอบทำร้ายนายราเมศ รัตนะเชวง ทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ ที่ถูกทำร้ายร่างกายว่า เวลาเลยมากว่า 1 เดือนเศษแล้วแต่คดียังไร้ความคืบหน้า จึงมีความเป็นห่วงว่าคดีจะหายเข้ากลีบเมฆ ซ้ำรอยกรณีการฆาตกรรมนายชุติเดช สุวรรณเกิด หรือคม ลูกทีมของตนที่ถูกลอบฆ่ามากว่าปีแล้ว แต่คดีก็ยังไม่มีความคืบหน้า สำหรับอาการของนายราเมศนั้นดีขึ้นตามลำดับ แต่ยังมีปัญหาเรื่องความจำ จึงยังไม่พร้อมที่จะให้ปากคำ พร้อมกันนี้ยังขอให้ประชาชนจับตาการแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐบาลอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเห็นว่าจะสะท้อนปัญหาของภัยพิบัติระลอกใหม่ผ่านการทำลายระบบตรวจสอบ ทำให้มีการรวบอำนาจและทุจริตเชิงนโยบายรุนแรงมากขึ้น จากการพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญทำให้องค์กรอิสระอ่อนแอลง
