“จิรายุ” ยังหวังดัน “สุดารัตน์” ลงชิงผู้ว่าฯ กทม. อ้าง ส.ส.รวมทั้ง ส.ก.กทม.และแกนนำแก๊งแดงหนุน โวย “สุขุมพันธุ์” ย้าย ผอ.เขตนอกฤดูกาลหวังผลการเมือง พร้อมอัด ปชป.โยงดีเอสไอแจ้งข้อหา “สุขุมพันธุ์” ต่อสัญญารถไฟฟ้าบีทีเอสเป็นเรื่องการเมือง ตั้ง 10 คำถามให้ผู้ว่าฯ กทม.ตอบ
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส. กทม. รองโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงการคัดเลือกตัวผู้ลงสมัครผู้ว่าฯกทม.ของพรรคเพื่อไทยว่า พรรคพร้อมรับฟังความเห็นประชาชน และพร้อมจะพิจารณาผู้ที่มีคุณสมบัติในการประชุมกรรมการบริหารพรรค วันอังคารที่ 8 ม.ค.นี้ ส่วนตัวจากการได้รับฟังความเห็นจาก สมาชิกพรรค ทั้งสมาชิกสภาเขต (ส.ข.) สมาชิกสภากรุงเทพ (ส.ก.) และ ส.ส.รวมทั้งอดีตผู้สมัคร ยังคงเรียกร้องให้คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตสมาชิกบ้านเลขที่ 111 ลงสมัคร เพราะที่ผ่านมาตนยังยืนยันว่าไม่เคยได้เสียงปฏิเสธจากคุณหญิงเลย และก็ยังเห็นว่าพรรคยังไม่ปิดประตู และประชาชนในพื้นที่จำนวนมากก็ยังคงเรียกร้องให้คุณหญิงสุดารัตน์ลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.
“จากการที่ผมพร้อมด้วยสมาชิกพรรค รวมถึงแกนนำคนเสื้อแดง อาทิ น.พ.เหวง โตจิราการ นายก่อแก้ว พิกุลทอง เข้าอวยพรปีใหม่คุณหญิงสุดารัตน์ จะเห็นได้ว่าทุกคนต่างก็เรียกร้องให้คุณหญิงสุดารัตน์ลงสมัครรับเลือกตั้ง และต้องรอดูว่าสัปดาห์หน้าพรรคจะมีความคิดเห็นอย่างไร”
นายจิรายุยังกล่าวถึงการที่คุณหญิงสุดารัตน์ โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กส่วนตัวปฏิเสธการลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.ว่า เมื่อดูจากข้อความดังกล่าวแล้วเชื่อว่าไม่ใช่สำนวนของคุณหญิงสุดารัตน์ และคุณหญิงสุดารัตน์ก็ไม่เคยออกมาปฏิเสธการลงสมัครด้วยตนเอง และหากพรรคได้พูดคุยกันแล้วจับมือกัน คุณหญิงสุดารัตน์คงตอบตกลง
นายจิรายุกล่าวว่า ศูนย์อำนวยการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ของพรรคเพื่อไทยได้รับการร้องเรียนจาก ผอ.เขตบางคนที่ถูกสั่งย้ายจาก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.ว่า ผอ.กว่า 20 เขตถูกสั่งย้ายอย่างไม่เป็นธรรมเป็นการย้ายนอกฤดูกาล ทั้งนี้เพิ่งมีการโยกย้ายไปก่อนหน้านี้ไม่นาน และเป็นการย้ายก่อนหมดวาระ รวมทั้งยังมีการอนุมัติงบประมาณก่อนหมดวาระอีกด้วย ซึ่งมารยาทฝ่ายบริหารไม่ควรมีการโยกย้ายคนหรืออนุมัติงบประมาณในช่วงนี้ ดังนั้นจึงอยากเรียกร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จับตาเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด ว่าคนเหล่านี้ย้ายมาเพื่อตอบสนองผู้ว่าฯ กทม.เพื่อดำเนินการในการเลือกตั้งนี้หรือไม่
นายจิรายุยังกล่าวถึงกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เตรียมออกหมายเรียกผู้บริหาร กทม.เกี่ยวกับการต่อสัญญารถไฟฟ้าบีทีเอสว่า ขอเรียกร้องพรรคประชาธิปัตย์ให้เคารพการทำงานของส่วนราชการอื่นๆ บ้างไม่ใช่อะไรก็ระบุว่าเป็นเกมการเมือง และกรณีที่ดีเอสไอแจ้งข้อกล่าวหา ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.นั้นเพราะมีเหตุเกิดขึ้นจริง เป็นเพียงขั้นเริ่มต้นในกระบวนการยุติธรรมเท่านั้น ยังมีกระบวนการต่อไปอีกและที่สำคัญ ผู้ว่าฯ กทม.ทำไมจึงเร่งรีบต่อสัญญาทั้งๆ ที่ยังเหลือเวลาในสัญญาอีกตั้ง 13 ปี ทำไมไม่ไปต่อสัญญาในปี 2572 จึงมีคำถามถึง ผู้ว่าฯ กทม. คือ
1. ทำไมไม่รอให้ ครบสัญญาในปี พ.ศ.2572 2. เหตุใดจึงคิดแทนผู้ว่าฯ กทม.ในอนาคต 3. ทำไมต้องมาต่อสัญญาในช่วงที่จะหมดวาระ 4. รู้ได้อย่างไรว่าอีก 13 ปีข้างหน้าระบบรถไฟฟ้าแบบรางจะถูกลงหรือแพงขึ้น 5. ไปเซ็นสัญญาล่วงหน้าไว้ หากราคารถรางในโลกอนาคตถูกลงจะรับผิดชอบอย่างไร 6. ทำไมเป็นเอกชนรายเดิม ทำไมไม่เปิดโอกาสในการให้รายอื่นประมูลบ้าง7. ทำไมไม่เซ็นสัญญาที่ กทม.จ้างตรงกับเอกชนคือบริษัทบีทีเอสซี 8. เซ็นสัญญาครั้งนี้ทำไม กทม.ต้องไปจ้างวิสาหกิจกรุงเทพธนาคม ให้ไปจ้างต่อเอกชนบีทีเอสซี ทำเพื่ออะไร 9. ทำไมคุยนักหนาว่าผู้โดยสารได้ประโยชน์ เหตุใดจึงไม่ลดราคาลง และ 10.เหตุใดเวลาโดนตรวจสอบจึงต้องออกมากล่าวหาว่าเป็นเรื่องการเมือง
นายจิรายุกล่าวว่า การที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ และนายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าฯ กทม.ออกมาระบุว่าดีเอสไอไม่มีอำนาจดำเนินคดีเห็นว่าเป็นเพียงการแก้เกี้ยว และหาทางออกให้ตัวเองพ้นผิดมากกว่า เชื่อว่าคนเหล่านี้ทราบดีในสิ่งที่กระทำ เพราะไม่ใช่แค่มาทำเรื่องนี้ แต่มีการวางแผนเป็นขั้นเป็นตอน ทั้งการแก้ไขระเบียบ กทม. โดยการไปจ้างบริษัทลูกให้ทำงานเล็กๆ ก่อนเพื่อ มาจ้างต่อในเรื่องใหญ่ๆ หาก กทม.ดำเนินการอย่างถูกต้อง คงไม่มีใครร้องเอาผิดเรื่องนี้ได้แน่นอน
“ผมในฐานะที่ยื่นตรวจสอบเรื่องดังกล่าวกับหน่วยงานต่างๆ ยืนยันว่าการดำเนินการเรื่องนี้ไม่ใช้การเล่นเกมการเมือง และยื่นตรวจสอบตรงประเด็นตามความรับผิดชอบของแต่ละหน่วยงาน เพราะเห็นว่าการเซ็นสัญญาของ กทม. ไม่ชอบด้วยกฎหมายและประชาชนไม่ได้ประโยชน์จริง ซึ่งดีเอสไอก็ต้องปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย หากมั่นใจว่า กทม.ทำสัญญาเป็นไปตามขั้นตอนกฎหมายก็ไม่เห็นต้องกลัวอะไรไปสู้กันในชั้นศาล ได้”
