xs
xsm
sm
md
lg

“อภิสิทธิ์” แนะชาวกรุงเลือกผู้ว่าฯ สั่งสอน “แม้ว” จี้รัฐเอาจริงแก้ปัญหาผลค่าแรง 300

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (แฟ้มภาพ)
หน.ประชาธิปัตย์ เย้ยเพื่อไทยส่งผู้สมัครลงชิงผู้ว่าฯ ขอให้ดีกว่าเสาไฟฟ้า แนะคนกรุงช่วยตัดสินใจส่งกลับ “นช.แม้ว” เชื่อเจ้าตัวจ้อคงมั่นใจอำนาจรัฐ-เงิน งง “โสภณ” ให้ข่าวแก้ ม.309 แต่เชื่อพรรครัฐติดใจเรื่องอะไรชัด ชี้เป้าแท้จริงทำเพื่ออะไร จี้รัฐเอาจริงแก้ปัญหาผลค่าแรง 300

วันนี้ (8 ธ.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย ออกมาระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เผยพรรคเพื่อไทยจะส่งเสาไฟฟ้าลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ก็ชนะ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.ว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยคิดว่าจะส่งเสาไฟฟ้ามาก็เป็นสิทธิ์ของพรรคเพื่อไทย และถ้าหากจะส่งคนอื่นมาก็ขอให้ดีกว่าเสาไฟฟ้า ซึ่งตนคิดว่าพี่น้องประชาชนคงจะต้องพิจารณาว่า เมื่อเขามองว่าคนกรุงเทพฯ จะส่งอะไรมาก็ต้องเลือก ก็ลองช่วยกันตัดสินใจแล้วก็บอกกับ พ.ต.ท.ทักษิณกลับไปในวันเลือกตั้ง ส่วนอะไรเป็นสิ่งที่ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณมีความเชื่อมั่นอย่างนั้น ตนคิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ก็คงเชื่อมั่นในอำนาจรัฐ แล้วก็เชื่อมั่นในความพร้อมเรื่องอื่นๆ อาทิเรื่องเงิน เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณก็จะพยายามพูดว่าเขาชนะการเลือกตั้งทุกครั้ง และแม้กระทั่งประชามติ 24 ล้านเสียงก็บอกหมูๆ

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ยังกล่าวถึงกรณีนายโสภณ เพชรสว่าง ประธานคณะอนุกรรมการพิจารณาศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญ สภาผู้แทนราษฎร บอกว่าแนวทางของการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น น่าจะมีการแก้มาตรา 309 เพื่อป้องกันการทำรัฐประหารนั้นว่า ตนไม่แน่ใจว่าคณะอนุกรรมการชุดดังกล่าวคือชุดใด เพราะมีหลายชุดที่ทำงานเรื่องนี้อยู่ แต่ตนก็สนใจเพราะเริ่มเห็นชัดเจนขึ้นว่าการที่พรรคเพื่อไทยบอกว่าจะต้องจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับนั้นเขาติดใจเรื่องอะไร ซึ่งก็ดูค่อนข้างชัดอย่างที่เคยตั้งข้อสังเกตไว้ ในเรื่ององค์กรอิสระต่างๆ เพราะรัฐบาล และพรรคเพื่อไทยเคยยกย่องรัฐธรรมนูญปี 40 ว่าเป็นประชาธิปไตย แต่จะยกเลิกองค์กรอิสระที่เกิดจากรัฐธรรมนูญปี 40 และสิ่งที่น่าสนใจอีกอย่าง คือ มาตรา 309 ที่รัฐบาลเหมือนกับบอกว่ายืนยันจะไม่ให้มีผลย้อนหลังกลับไปกระทบกับคดีต่างๆ ซึ่งรัฐบาลจะต้องพิสูจน์ให้เห็นว่ารัฐบาลพูดจริงหรือเปล่า

“ซึ่งกรณีนี้ก็ชัด และเป็นการฟ้องออกมาว่าสุดท้ายแล้วเป้าหมายที่แท้จริงคืออะไร และผมก็คิดว่าอันนี้ก็ทำให้ประชาชนเข้าใจชัดเจนยิ่งขึ้นว่า ในการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ที่มันขัดแย้งกันกับคนที่เขาไม่เห็นชอบกับแนวความคิดแบบนี้มันเกิดขึ้นจากอะไร และผลประโยชน์ของส่วนรวมมันอยู่ที่ตรงไหน”

นอกจากนี้ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ยังกล่าวถึงกรณีผลกระทบจากนโยบายการขึ้นค่าแรง 300 บาททั่วประเทศของรัฐบาลว่า เราก็เตือนแล้วว่าการขึ้นค่าแรงแบบก้าวกระโดดมากไป จะมีธุรกิจจำนวนหนึ่งที่ไม่สามารถอยู่ได้ และสิ่งที่ตามมาแทนที่จะช่วยคนงานก็กลายเป็นคนงานจำนวนหนึ่งจะตกงานเพราะถูกเลิกจ้าง เพราะโครงสร้างค่าจ้างเดิมนั้นก็ไม่ได้เป็นอัตราเดียวกันทั้งประเทศ เพราะต้องคำนึงถึงค่าครองชีพ คำนึงถึงต้นทุนด้านลอจิสติกส์และเรื่องอื่นๆ แต่พอขึ้นค่าแรง 300 บาททั่วประเทศนั้น การปิดกิจการ เลิกจ้างจึงไม่น่าแปลกใจ เพราะต้นทุนค่าแรงมันเพิ่มขึ้นบางที่อาจจะเพิ่มขึ้น 70-80% ภายในระยะเวลาสั้นๆ ซึ่งธุรกิจก็ปรับตัวไม่ได้ ซึ่งเราก็พูดมาโดยตลอดว่าขอให้มีมาตรการรองรับเพื่อช่วยให้ภาคธุรกิจปรับตัวได้ ซึ่งสภาอุตสาหกรรมก็พยายามเสนอว่าให้ไปชดเชย เพื่อให้เปลี่ยนผ่านไปได้ในช่วงนี้ ซึ่งก็เป็นข้อเสนอที่แก้ปัญหาได้ตรงจุด แต่รัฐบาลก็เพิกเฉยมาตลอดทั้งที่มีเวลาเตรียมการเป็นปี พอมาวันนี้จึงเริ่มมาติดตามดูแล้วเสนอ แต่เวลาเลิกจ้าง ปิดโรงงานไปแล้ว จะมาช่วยก็คงไม่เป็นประโยชน์ เพราะฉะนั้นเรื่องนี้เป็นเรื่องเร่งด่วนมากตนจึงอยากเห็นรัฐบาลเอาจริงเอาจัง

เมื่อถามว่า การปรับถ้าจะคิดว่านโยบายการขึ้นค่าแรง 300 บาทจะส่งผลกระทบระยะยาว ในเรื่องการเกิดโรงงานใหม่น้อยลง หรือไปเกิดในประเทศเพื่อนบ้านแทน ทำให้คนตกงานเพิ่มขึ้น มีการย้ายฐานการผลิตหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การคงมีการปรับตัวในลักษณะนั้น แต่ประเทศไทยก่อนหน้านี้เป็นประเทศที่ถือว่าอยู่ในกลุ่มที่ค่อนไปในทางขาดแคลนแรงงานมากกว่ามีคนว่างงาน เพราะฉะนั้นก็เลยเหมือนยังไม่มีผลกระทบมาก เหมือนกับบอกว่าประเทศเรามีหนี้ไม่สูง ตอนนี้กู้กันเยอะซึ่งก็จะทำไปได้อีกระยะหนึ่ง แต่ที่น่าเป็นห่วงถ้ารัฐบาลวางนโยบายอยู่บนความชะล่าใจจากพื้นฐานหรือความสำเร็จในอดีต แล้วก็คิดว่าทำอะไรก็ได้ในช่วงนี้ แล้วมันจะไม่กระทบนั้น ตนเห็นว่าเป็นการคิดที่ผิด และอยากให้รัฐบาลรีบมาดูแลเรื่องนี้ เพราะจะเป็นผลกระทบใหญ่ต่อไปในอนาคตในแง่ของความสามารถการแข่งขัน


กำลังโหลดความคิดเห็น