xs
xsm
sm
md
lg

"สุขุมพันธุ์"ปฎิเสธโกงBTS "หญิงหน่อย"หนุน"พงศพัศ"ชิงผู้ว่า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-"สุขุมพันธุ์" น้ำตาคลอเบ้าไปดีเอสไอรับทราบข้อกล่าวหาต่อสัญญา BTS พร้อมปฏิเสธทุกข้อหา บ่นเสียดายที่ไม่ได้ทำงานทั้งที่เป็นวันสุดท้าย แถมโพสต์เฟซบุ๊กยืนยัน รัก กทม. "เจ๊หน่อย"ปะหน้า "ปู" กลบกระแสแลกเก้าอี้ใหญ่แทนไม่ลงชิงผู้ว่าฯ ยันขอทำงานบุญให้จบก่อน เชื่อ "พงศพัศ"มีคุณสมบัติดีพอสู้คุณชายได้ ส่วน "ปู"ขอโอกาสให้ พท. บริหารเมืองหลวง แก้ต่างแทนพี่ "ส่งเสาไฟฟ้าลงก็ชนะ"

วานนี้ (9 ม.ค.) ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ค ระบุว่า "ผมหนักแน่นครับ ผมอดทนครับ ผมพร้อมที่จะรับทุกสิ่งทุกอย่าง ผมรักกรุงเทพฯ" หลังจากมีนักข่าวถามถึงความรู้สึกหลังทำงานเหน็ดเหนื่อยมา 4 ปี แต่กลับต้องมาเจอเรื่องแบบ DSI พร้อมระบุว่า เมื่อวันก่อนได้ไปกราบท่านเจ้าอาวาสวัดธรรมมงคล สุขุมวิท 101 ท่านบอกกับผมว่า "เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครต้องหนักแน่นเหมือนแผ่นดิน ต้องอดทน แผ่นดินเป็นที่ตั้งของสิ่งดีๆ ในชีวิต แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นที่รองรับสิ่งปฏิกูลทั้งหลาย"

หลังจากนั้น ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ได้ให้สัมภาษณ์ก่อนไปรับข้อกล่าวหาที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ว่า ตนเสียใจที่ไม่ได้ทำงาน ทั้งที่เป็นวันสุดท้าย และพร้อมจะกลับมารับใช้ประชาชนอีกครั้ง ถ้ามอบความไว้วางใจเลือกผมในวันเลือกตั้งวันที่ 3 มี.ค. ทั้งนี้ ตนรักกรุงเทพฯ และพร้อมจะทำงานให้กทม. พร้อมเสียสละในทุกทางให้กทม.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ให้สัมภาษณ์ พบว่ามีอาการน้ำตาคลอเบ้าเล็กน้อย

**รับทราบข้อกล่าวหาดีเอสไอ

ช่วงเช้าที่ด้านหน้ากรมสอบสวนคดีพิเศษ ถ.แจ้งวัฒนะ ได้มีกลุ่มมวลชนราว 200 คน โดยส่วนใหญ่ได้สวมใส่ชุดสีดำ เดินทางมารอให้กำลังใจ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ และผู้เกี่ยวข้องที่จะเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหา กรณีการต่อสัญญาให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงโครงการรถไฟฟ้า BTS เป็นเวลา 30 ปีโดยมิชอบ

มีรายงานข่าวแจ้งว่า มีผู้เกี่ยวข้องเข้ารับทราบข้อกล่าวหาคดีดังกล่าวรวม 6 จาก 11 ราย ส่วนอีก 5 รายประกอบด้วย นายเจริญรัตน์ ชูติกาญจน์ อดีตปลัด กทม. และนางนินนาท ชลิตานนท์ ปลัด กทม. นายประพันธ์พงศ์ เวชชาชีวะ ประธานกรรมการ บริษัท กรุงเทพธนาคม นายอมร กิจเชวงกุล กรรมการอำนวยการ บริษัท กรุงเทพธนาคม และ ผู้อำนวยการสำนักจราจร กทม.แจ้งขอเลื่อนเข้ารับทราบข้อกล่าวหาเป็นวันที่ 15-16 ม.ค.นี้

**ตามคาดปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา

เวลา 12.00 น. ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ กล่าวภายหลังใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมงรับทราบข้อกล่าวหาว่า ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาทุกประการ พร้อมระบุว่า ยังมีความไม่เข้าใจในข้อกล่าวหาบางข้ออีกด้วย

“ต่อจากนี้ไป ก็อยากให้เป็นเรื่องของการดำเนินการอย่างเป็นธรรม โดยที่ไม่มีการเมืองเข้ามาแทรกแซง การที่ผมอาจจะต้องไปขึ้นศาลยุติธรรมใดๆ ก็ยังคงต้องทำไป แต่จากวันนี้เป็นต้นไป ผมจะเดินหน้าต่อไป รณรงค์หาเสียงเพื่อกลับมาเป็นผู้ว่าฯ กทม. และทำสิ่งดีๆ ให้แก่คน กทม.”ม.ร.ว.สุขุมพันธ์กล่าวและว่า ถูกกล่าวหาทุกวัน เพราะว่าเขากลัวผมจะชนะเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ไม่ต้องกลัวหรอก เพราะผมเป็นแค่คนธรรมดา ทำไมไม่แข่งขันแบบบริสุทธิ์ยุติธรรม ผมไม่ว่าอะไร ถ้าผมแพ้ ผมหนักแน่น อดทน พร้อมที่จะรับทุกสิ่งทุกอย่าง อะไรเกิดขึ้นในอดีตไม่เป็นไร ขอให้ทุกอย่างต่อจากนี้เป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ผมก็พอใจแล้ว”

ขณะที่นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าฯ กทม. ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ในขั้นตอนการสอบสวนมีความพยายามสอบถามว่า เราได้ปฏิบัติหน้าที่ตามอำนาจผู้ว่าฯ กทม. หรือไม่ ซึ่งเราก็ได้ส่งเอกสารหลักฐานในเรื่องการปฏิบัติราชการแทนผู้ว่าฯ กทม.ไปหมดแล้ว ซึ่งได้ถามกลับว่าตกลงแล้ว ดีเอสไอฟ้องเราในฐานะผู้ว่าฯ กทม.และรองผู้ว่าฯ กทม.หรือไม่ ทางพนักงานสอบสวนกลับบอกว่ากล่าวหาในฐานะนายธีระชน เพราะความเป็นจริงอำนาจตั้งข้อกล่าวหาเช่นนี้เป็นของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แสดงว่าดีเอสไอกระทำนอกอำนาจ ซึ่งก็จะมีการปรึกษาทนายความเพื่อดำเนินการคดีทางอาญาต่อนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ รวมไปถึงพนักงานสอบสวนทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง

พ.ต.ท.ถวัล มั่งคั่ง ที่ปรึกษาอธิบดีดีเอสไอ ในฐานะหัวหน้าชุดพนักงานสอบสวน กล่าวว่า พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาตามกระบวนการ ซึ่ง ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ และนายธีระชน ได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยได้เตรียมเอกสารหลักฐานเข้ายื่นประกอบคำให้การด้วย ทั้งนี้ มีบางประเด็นที่ทางผู้บริหาร กทม.ไม่พร้อมที่จะให้การ อาทิ การลงนามมอบอำนาจให้ผู้อื่นดำเนินการแทน ซึ่งอาจเข้าข่ายรับรู้มีส่วนร่วม หรือปล่อยปละละเลยให้มีการกระทำผิด ในส่วนนี้ ทาง ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ได้มอบหมายให้ทางทนายความเป็นผู้ยื่นเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมมายังดีเอสไอภายใน 15 วัน

**เพื่อไทยซัดอีกคดีตั้งกองทุนโกง

เวลา 14.00 น. นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ได้เดินทางเข้ายื่นเอกสารเพิ่มเติม เพื่อให้ดีเอสไอตรวจสอบพฤติการณ์ฉ้อโกงประชาชนจากการต่อสัญญาและขยายเส้นทางเดินรถ โดยข้อมูลเบื้องต้นทราบว่า ภายหลังการอนุมัติขยายอายุสัมปทานแล้ว มีการจัดตั้งกองทุน และเปิดขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งหากสัญญาดังกล่าวเป็นโมฆะ การจัดตั้งกองทุนการเงินอาจมีความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนและความผิดตามพ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า ขอเรียกร้องให้พรรคประชาธิปัตย์อย่าใช้อำนาจกดดันการทำงานของดีเอสไอ ควรปล่อยให้ดีเอสไอทำงานต่อไปตามปกติ

**“มาร์ค”หนุนคุณชายฟ้องดีเอสไอ

ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ต้องต่อสู้ไปตามกระบวนการทางกฎหมาย ซึ่งม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ได้ตอบชัดเจนว่า จะดำเนินการกับผู้ที่แจ้งข้อกล่าวหา ส่วนการเดินหน้าหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์หาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. รายงานกับตนว่า จะทยอยเปิดนโยบายการหาเสียงเป็นระยะๆ โดยเราจะไม่รอการจัดจับสลากหมายเลขประจำตัวผู้สมัคร แต่จะเดินหน้าหาเสียงไปเลย เพราะนโยบายต่างๆ ค่อนข้างพร้อมอยู่แล้ว

**ปชป.ดีเดย์ คิกออฟ หาเสียง 11 ม.ค.

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า ขณะนี้คู่แข่งของเรากำลังใช้ยุทธศาสตร์โจมตีพรรคและผู้สมัคร รวมถึงการดิสเครดิตอย่างดุเดือด ซึ่งหลังจากนี้เชื่อว่าจะมีคนของคู่แข่งไปแจ้งความดำเนินคดีเพิ่มอีกเพื่อลดกระแสพรรค และทำลายชื่อเสียง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ตนจึงขอเรียกร้องให้ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ทุกคน แข่งขันกันในเชิงนโยบายมากกว่าการทำลายล้างผู้สมัครคนอื่น

ทั้งนี้ นับตั้งแต่วันนี้ไป ศูนย์อำนวยการเลือกตั้งจะเริ่มต้นรณรงค์หาเสียง โดยนายอภิสิทธิ์ ได้แต่งตั้งคณะทำงาน 4 ด้าน ซึ่งในวันที่ 11 ม.ค.นี้ จะมีการเปิดศูนย์อำนวยการเลือกตั้ง และคาดว่าจะสามารถเปิดนโยบายได้ก่อนถึงวันที่ 21 ม.ค.ซึ่งเป็นวันสมัครรับเลือกตั้ง

**"เจ๊หน่อย" ปะหน้า "ปู" สยบเกาเหลา

เวลา 12.00 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เดินทางมาร่วมแสดงความยินดีวันครบรอบการก่อตั้งนสพ.มติชน ครบ 35 ปี รวมทั้งมีคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย มาร่วมงานด้วย ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เข้าไปทักทายคุณหญิงสุดารัตน์ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม พร้อมทั้งเชิญให้ร่วมโต๊ะรับประทานอาหารด้วยกัน

จากนั้นคุณหญิงสุดารัตน์ ให้สัมภาษณ์ โดยปฏิเสธว่า ไม่ได้คุยกับนายกรัฐมนตรีเรื่องการคัดเลือกตัวผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. เพราะไม่ได้มีประเด็นอะไร แค่พูดคุยเรื่องงานทั่วไป และให้กำลังใจนายกรัฐมนตรีเท่านั้น ยืนยันว่าไม่เคยเสนอตัวลงสมัครผู้ว่าฯ กทม. และไม่เคยต่อรองกับตำแหน่งรัฐมนตรี เรื่องนี้ตนเคยให้สัมภาษณ์ยืนยันแล้วตั้งแต่เดือนพ.ค.ที่ผ่านมา และได้ประกาศต่อเนื่องมาตลอด และย้ำว่าจะไม่รับตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาลไปอีกครั้ง ในการปรับครม.ครั้งที่ผ่านมาด้วย เพราะต้องการทำงานบุญที่ได้เริ่มมาตั้งแต่กว่า 2 ปีให้เสร็จสิ้นก่อน ทั้งการก่อสร้างที่ประสูติ และนำประโยชน์ของศาสนากลับมาช่วยบ้านเมืองและสังคมไทย

"ดิฉันไม่เคยเสนอตัวลงสมัครผู้ว่าฯกทม. ไม่เคยขอนายกฯ ทักษิณ นายกฯ ยิ่งลักษณ์ หรือแม้แต่ขอจากหัวหน้าพรรค และไม่เคยต่อรองจะเป็นรัฐมนตรี เรียนได้เลยว่าไม่อยากกลับไปเป็นรัฐมนตรีใดๆ โดยเฉพาะในช่วงเวลานี้ ดิฉันปฏิเสธทั้งต่อหน้าและลับหลังเหมือนกันหมด ข่าวที่ออกมาทำให้ดิฉันเสียหายหลายรอบแล้ว ไม่ค่อยมีคนพูดในทางที่ถูกต้อง"คุณหญิงสุดารัตน์กล่าว

**เชื่อ "พงศพัศ" มีคุณสมบัติเด่นสู้

เมื่อถามว่า จากนี้ไป ส.ส.กทม.ในสังกัดต้องหนุน พล.ต.อ.พงศพัศ ใช่หรือไม่ คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ก็ต้องเป็นอย่างนั้น เมื่ออยู่ในพรรคต้องปฏิบัติตามมติพรรค มีระเบียบวินัย พรรคมีมติอย่างไรทุกคนต้องเคารพ ไม่ว่าจะเป็นพล.ต.อ.พงศพัศหรือใคร และมั่นใจว่าในการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยวันที่ 13 ม.ค.นี้ จะไม่มีชื่อตนเสนอเข้าไปอย่างแน่นอน และจะมีการเสนอเพียงชื่อเดียว

**“ปู” ขอโอกาส พท. บริหารเมืองหลวง

ที่ทำเนียบรัฐบาล น.สงยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวในเรื่องการส่งคนลงสมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ว่า พรรคเพื่อไทย ในฐานะที่เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ยืนยันว่าเราพร้อมทำงานร่วมกับทางกรุงเทพฯ เพราะจริงๆ แล้ว ถือว่ากรุงเทพฯ เป็นเมืองหลวงที่มีความสำคัญ ถ้าได้ทำงานขับเคลื่อนร่วมกัน จะทำให้การทำงานต่างๆ เป็นไปในทิศทางที่เร็วและตรงสอดคล้องกับนโยบายของประเทศมากขึ้น

**สวนวลีแม้วคงไม่ใช่ส่งเสาไฟก็ชนะ

เมื่อถามว่า เห็นทางพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พูดในลักษณะมั่นใจถึงขนาดใช้คำว่า "ส่งเสาไฟ ลงก็ได้” น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ไม่หรอก คงไม่ใช่อย่างนั้น เพราะทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับประชาชนเป็นผู้ตัดสิน ซึ่งประชาชนคงจะดูประกอบทั้งในส่วนของตัวผู้สมัครนโยบาย และแนวทางการทำงานของพรรค ในสามส่วนนี้คงจะมีความชัดเจน โดยหลังเปิดตัวผู้สมัคร คงจะต้องมีการเปิดตัวเรื่องนโยบาย ซึ่งตรงนี้จะเป็นสิ่งที่ประชาชนนำไปพิจารณาใช้สิทธิเลือกตั้ง
กำลังโหลดความคิดเห็น