ผอ.ศูนย์อำนวยการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ปชป. เผยเริ่มลุยหาเสียงชู “คุณชาย” นั่งผู้ว่าฯ ต่อ พร้อมสานงานที่ค้างไว้ แจง “มาร์ค” ตั้ง คกก.ดูแล คาดนโยบายชัดเจน 21 ม.ค. จวกฝั่งตรงข้ามใช้วิธีเล่นงานตัวผู้สมัคร เย้ยไร้ความพร้อมท้าสู้กันที่นโยบาย ชี้รู้สันดาน วาทะส่งเสาไฟฟ้าชิงผู้ว่าฯ มาจาก “นช.แม้ว” ติงดูถูกคน กทม.แถมยังมั่นใจสูง หวั่นใช้อำนาจมืด ใช้วิธีสกปรกให้ชนะเลือกตั้ง ดัก พ.ร.บ.กทม.ไม่ระบุให้ มท.ขวางผู้ว่าฯ กทม.ลาออก
วันนี้ (9 ม.ค.) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. กล่าวถึงการเตรียมตัวเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ของพรรคประชาธิปัตย์ว่า นับตั้งแต่วันนี้ไปศูนย์อำนวยการเลือกตั้งจะเริ่มต้นรณรงค์หาเสียงเพื่อให้ประชาชน กทม.ได้มีข้อมูลข้อเท็จจริงในเรื่องต่างๆ รวมทั้งแนวนโยบาย เพื่อใช้ในการตัดสินใจสนับสนุน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ในนามพรรคประชาธิปัตย์ ให้กลับมาทำหน้าที่ผู้ว่าฯ กทม.อีกสมัย ในส่วนยุทธศาสตร์การเลือกตั้งนั้นจะพยายามให้ผู้สมัครชี้แจงในยุทธศาสตร์ที่จะเข้าไปทำงานต่อเนื่องจากที่พรรคประชาธิปัตย์บริหาร กทม.มาแล้วตลอด 8 ปีที่ผ่านมา หากมีโอกาสกลับมาทำงานต่อก็จะสานต่องานที่ค้างไว้ซึ่งจะเกิดประโยชน์ต่อประชาชน เพราะหากเปลี่ยนตัวผู้ว่าฯ หลายงานก็มีการเปลี่ยนแปลง และไม่มีการทำงานต่อเนื่อง
นายองอาจกล่าวต่อว่า ทั้งนี้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็ได้แต่งตั้งคณะทำงาน 4 ด้าน 1. คณะกรรมการที่ปรึกษาศูนย์อำนวยการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งมีนายอภิสิทธิ์เป็นประธาน 2. กรรมการศูนย์อำนวยการเลือกตั้ง ซึ่งจะมีตนเป็น ผอ. และมีนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานคณะยุทธศาสตร์ 3. ผู้ประสานงานโซนเลือกตั้ง ซึ่งมีการแบ่งออกเป็น 9 โซน ซึ่งก็มี ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรครับผิดชอบ และ 4. หัวหน้าศูนย์ประสานงานเขตพื้นที่เลือกตั้ง ซึ่งมอบหมายให้ ส.ก.รับผิดชอบ และมี ส.ส. อดีต ส.ส. และสาขาพรรคเป็นที่ปรึกษา ซึ่งในวันที่ 11 ม.ค.นี้จะมีการเปิดศูนย์อำนวยการเลือกตั้ง และคาดว่าจะสามารถเปิดนโยบายได้ก่อนถึงวันที่ 21 ม.ค.ซึ่งเป็นวันสมัครรับเลือกตั้ง
“เรามั่นใจว่าจากการทำงานร่วมแรงร่วมใจกันอย่างเป็นเอกภาพ เราจะสามารถทำให้ประชาชน กทม.มีข้อมูลที่จะตัดสินใจอย่างถูกต้องเพื่อให้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ได้มีโอกาสกลับมาเป็นผู้ว่าฯ กทม.อีกครั้ง” ผอ.ศูนย์อำนวยการเลือกตั้งพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
ส่วนกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แจ้งข้อกล่าวหาต่อ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์นั้น นายองอาจกล่าวว่า ตนในฐานะ ผอ.ศูนย์อำนวยการเลือกตั้งมองว่า ขณะนี้คู่แข่งของเรากำลังใช้ยุทธศาสตร์โจมตีพรรคและผู้สมัคร รวมถึงการดิสเครดิตอย่างดุเดือด ซึ่งหลังจากนี้เชื่อว่าจะมีคนของคู่แข่งไปแจ้งความดำเนินคดีเพิ่มอีกเพื่อลดกระแสพรรค และทำลายชื่อเสียง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ตนจึงขอเรียกร้องให้ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ทุกคนแข่งขันกันในเชิงนโยบายมากกว่าการทำลายล้างผู้สมัครคนอื่น โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยตนคิดว่าควรมาแข่งขันกันด้วยความเหมาะสมของตัวผู้สมัคร และนโยบายที่เป็นประโยชน์มากกว่าการโจมตีหรือดิสเครดิตคู่แข่ง หรือยังไม่มีความพร้อมในเรื่องนโยบายจึงใช้วิธีดิสเครดิตคู่แข่ง เพราะเมื่อวันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพิ่งจะสั่งให้รัฐมนตรีแต่ละกระทรวงคิดนโยบายเพื่อ กทม.มานำเสนอต่อรัฐบาล ส่วนกรณีมีคำพูดว่าเอาเสาไฟฟ้ามาลงก็ชนะนั้น ตนคิดว่าคนส่วนมากพออนุมานได้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นคนพูด เพราะชอบพูดในลักษณะนี้บ่อยๆ อย่างคำพูดบอกว่าการทำประชามติหมูๆ ซึ่งตนในฐานะ ผอ.ศูนย์อำนวยการเลือกตั้งมองว่าคำพูดดังกล่าวไม่เพียงดูถูกคน กทม.เท่านั้น แต่การที่ พ.ต.ท.ทักษิณพูดเรื่องนี้นั้นก็ต้องมีความมั่นใจสูงว่าจะชนะการเลือกตั้งครั้งนี้ให้ได้
“ผมกังวลว่าอาจมีการสั่งการใช้วิธีการที่ไม่ถูกต้องชอบธรรมหรือไม่ เพราะพ.ท.ต.ทักษิณ หรือรัฐบาลเองก็มีอำนาจรัฐ อำนาจตำรวจ และอำนาจเงินมากมายอยู่ในมือ ที่พร้อมนำมาใช้ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ผมจึงหวังว่าการที่พรรคเพื่อไทยมีความมั่นใจว่าส่งเสาไฟฟ้ามาลงสมัครก็ชนะนั้น จะเป็นการชนะด้วยวิธีการสุจริต และเที่ยงธรรม มากกว่าการใช้อำนาจที่ไม่ถูกต้องชอบธรรม ซึ่งเราต้องเตรียมการหาทางแก้ไข และทำความเข้าใจกับประชาชนว่าความไม่ถูกต้องชอบธรรมกำลังเกิดขึ้นอย่างไร ซึ่งก็เชื่อว่าประชาชนจะไม่สนับสนุนการเลือกตั้งที่ไม่ชอบธรรม ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์จะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด” นายองอาจกล่าว
เมื่อถามว่าหากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยไม่ลงนามอนุมัติการลาออกของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์จะส่งผลให้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ต้องรักษาการผู้ว่าฯ กทม.หรือไม่ นายองอาจกล่าวว่า ตามพระราชบัญญัติบริหารราชการกรุงเทพมหานคร ปี 2528 มาตรา 52 ระบุว่า ผู้ว่าฯ กทม.พ้นจากตำแหน่งด้วยการลาออก ให้ยื่นหนังสือลาออกต่อ รมว.มหาดไทย และให้มีผลนับแต่วันถัดจากวันยื่นหนังสือ ซึ่งไม่มีข้อความที่เปิดโอกาสให้ รมว.มหาดไทยยับยั้งการลาออก และตนเชื่อมั่นว่า รมว.มหาดไทย และรัฐบาลคงจะไม่ใช้วิธีการสกปรก และหวังว่าจะทำงานอย่างตรงไปตรงมา