**กลายเป็น วลีฮิตชั่วข้ามคืน "ส่งเสาไฟฟ้า" ลงยังชนะ จิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกฝีปากกล้า แต่หมาไม่เห่า พรรคเพื่อไทย นำถ้อยความของนักโทษหลบหนีคดี "ทักษิณ ชินวัตร" มาขยายความผ่านสื่อ
สืบเนื่องจากศึกเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. แต่เมื่อเหตุการณ์ทำท่าจะบานปลาย กลายเป็นแต้มลบกับพรรคเพื่อไทย เลยต้องแจ้นออกมาแก้ข่าว แก้ตัวพัลวัน บอกว่าเป็นคำเปรียบเปรยของตัวเอง ไม่เกี่ยว "ทักษิณ"
ฤาษีรีบแปลงสาส์น กลัวผลกระทบจะลามมายังตัวผู้สมัครพรรคเพื่อไทย เพราะรู้อยู่แล้วว่ากระแสคนกรุงอ่อนไหวเพียงใด ไปพูดจาเชิงดูถูกถากถางแบบนี้ มีหวังม้วนเสื่อ ก่อนลงสนามแน่ !!
เรื่องการคัดเลือกตัวผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ของพรรคเพื่อไทย ถือว่าปั่นป่วนภายในกันหนักข้อพอสมควร เพราะรู้กันอยู่แล้วว่า ภาคกทม.อยู่ภายใต้การควบคุมของใคร คอการเมืองทั้งคอแข็งคออ่อนย่อมต้องนึกถึงชื่อ สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เจ้าแม่กทม. ที่สถาปนาตัวเองขึ้นมาตั้งแต่สมัยไทยรักไทย เรื่อยมาจนวันนี้
ส.ส.กทม. ส.ก. และ ส.ข. ในมือมากมาย สร้างเครือข่ายเอาไว้เยอะ เพียงแต่ผลงานระยะหลังไม่สู้ดี ถึงขั้นห่วย!! เลือกตั้งสนามใหญ่ สนามเล็ก แพ้ซ้ำซาก จนเจ้าตัวถอดใจ เบื่อหน่ายไปหลายเพลา
ตีชิ่งหนีหน้าไปนุ่งขาวห่มขาว เข้าวัดฟังเทศน์ ฟังธรรม ในช่วงโอกาสเว้นวรรคทางการเมือง ติดล็อกบ้านเลขที่ 111 แต่ดูเหมือนว่าจะจะข่มใจให้สงบไม่สำเร็จ กิเลสยังหนา ตัณหายังเยอะ พอปลดล็อกการเมืองก็เสนอหน้าเข้ามาสู่กระดานอำนาจทันที แต่เหมือนกระโจนมาผิดจังหวะ เร่งรีบเกินเหตุ
**กลายเป็นแผลเป็นที่ทำให้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีปูกรรเชียง ไม่ชอบหน้าอย่างร้ายกาจ ผู้หญิงด้วยกันรู้ไส้ดี อย่ามาสะเออะเด่นเกินหน้า "ปูไม่ปลื้ม"
จึงต้องหุบหน้ากลับไปเลียแผลพักใหญ่ ดีดลูกคิดนับนิ้วแล้วเห็นว่าโอกาสในสนามเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. น่าจะเป็นทางออกที่ดีเยี่ยม เพราะเมื่อสนามใหญ่ถนนยังไม่ราบรื่น ก็มาเล่นสนามเล็กไปพลาง ถ้าไปได้สวยก็เป็นการสร้างพาวเวอร์ระดับสูง ฝันถึงขั้นเป็นนายกฯได้เลยทีเดียว !!
ทว่าโอกาสที่มองเห็นก็ถูกปิดกั้นอีกครา เมื่อพรรคเพื่อไทยตัดสินใจไม่ส่ง "สุดารัตน์" ลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ครั้งนี้ เพราะเตรียมตัวผู้สมัครไว้นานแล้วคือ "จูดี้" พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เลขาธิการป.ป.ส. ตำรวจชอบสร้างภาพ โดยยกเหตุผลมาเอ่ยอ้างต่างๆ นานา ปลอบประโลม "หญิงหน่อยและลิ่วล้อ"
เรื่องมันจึงอีนุงตุงนังเรื่อยมา จนถึงวันสุดท้ายก็ยังป่วนไม่เลิก แม้พรรคเพื่อไทยจะชัดเจนแล้วว่าส่ง "พงศพัศ" แต่ก็ยังมีความพยายามยื้อให้ถึงที่สุด "สุดารัตน์" สั่งลูกน้องออกมาเดินเกมทวงถามการตัดสินใจของพรรคเป็นระยะ พร้อมขู่ให้เปลี่ยนตัวผู้สมัครอยู่เนืองๆ ด้วยหวังใจว่าจะพลิกเกมในโค้งสุดท้าย
คิดว่าอย่างไรเสียเสียงตัวเองย่อมดัง "ทักษิณ" ต้องฟัง ส.ส.กทม. แทบทั้งหมด ตลอดจน ส.ก.และ ส.ข. ล้วนอยู่ใต้อาณัติทั้งสิ้น จะสั่งซ้ายหันขวาหัน แหกมติพรรคเพื่อไทยก็ย่อมได้
วันนี้ "ทักษิณ" ก็เหมือนคนตาบอดได้ยินแต่เสียง ไม่รู้ความเคลื่อนไหวกลในลึกซึ้ง ก็จำต้องยอมอยู่ในที ปล่อยให้ "หญิงหน่อยและลิ่วล้อ" ออกงิ้วแสดงเดชจนสาแก่ใจ แถมนายใหญ่ยังหยอดด้วยว่า จะเตรียมตำแหน่งใหญ่ในรัฐบาลให้ "สุดารัตน์" แทน เพราะชั่วโมงนี้กำลังเผชิญศึกเลือกตั้งสนามเล็ก ยังต้องพึ่งกำลังภาคกทม.อยู่ ทะเลาะกันจนบ้านพังตอนนี้ไม่ใช่เรื่องดีแน่ !!
"หญิงหน่อย" ไม่ได้ลงสมัครผู้ว่าฯ กทม. งวดนี้ นับว่าเสียหาย ชอกช้ำ แม้เจ้าตัวจะเก็บอาการเก่ง สมฉายา "ตุ๊กตาทองสองหน้า" แต่สมุนลิ่วล้อปกปิดไม่มิด ออกมาร้องแรกแหกกระเชอให้แกนนำพรรคตัวเป้งได้ยินกันทุกวัน "หญิงหน่อย" รู้ดีว่า ถ้ายังกบดานไม่ได้ชักมีดออกจากฝักแบบนี้ต่อไป สนิมคงขึ้นเกรอะกรัง อยู่แบบเหี่ยวๆ แห้งตาย ถูกดองเค็มแช่แข็ง เสื่อมสภาพไปเรื่อยๆ
ต้องสำแดงฤทธิ์เดช ไม่ให้ลืมตัวตนกันเสียหน่อย แสดงความมั่นใจว่าถ้าตัวเองลงสนามจริงๆ ก็มีดีสามารถเอาชัยได้ ไม่รู้นายใหญ่หนีคดีจะเชื่อน้ำยามากน้อยแค่ไหน เพราะทำโพลสำรวจมาก็ยังเป็นรอง "สุขุมพันธุ์" อยู่ตลอด แต่ถึงอย่างไรก็ตาม อย่างน้อยๆ ก็สามารถทำให้นายใหญ่หันหลังเหลียวมามอง พร้อมตกปากรับคำจะให้ตำแหน่งรัฐมนตรี หรือรองนายกฯ เพราะอย่างที่บอกไป ต้องพึ่งกำลังของภาคกทม.อยู่
**ล่าสุดแม้แต่ "ยิ่งลักษณ์" ยังต้องง้องอนไปกินข้าวด้วย แต่ตามประสาผู้หญิงรู้กันดีว่าเป็นเกมสร้างภาพ หน้าเปื้อนยิ้มใส่กัน แต่แอบถือมีดไว้ข้างหลัง ยามหน้าสิ่วหน้าขวานต้องต่อสู้ศึกภายนอก ก็จำต้องยอมๆ ไปก่อน เสร็จนาค่อยฆ่าโคถึก เสร็จศึกแล้วค่อยเชือดขุนพล
วันนี้สถานการณ์การต่อสู้สนามเล็ก พรรคเพื่อไทยสำเหนียกดีว่าเป็นรองพรรคประชาธิปัตย์ กระแสยังตีตื้นขึ้นมาไม่ได้มากนัก จากเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมืองของคนเสื้อแดง ยังติดตราตรึงใจคนกรุงเทพฯเรื่อยมา ถูกมองว่าเป็นเครือข่ายเดียวกับพรรคเพื่อไทย ดังนั้นต้องทำทุกวิถีทางเพื่อกระตุกคะแนนคนเมืองหลวงให้กลับคืนมา
ต้องสร้างมิตรไว้ดีกว่าผลักเป็นศัตรู อะไรยอมได้ก็ต้องยอมๆกันไปก่อน ก๊วนสุดารัตน์เองก็นับว่ายังมีพาวเวอร์ในภาคกทม.อยู่มาก ส.ส. ตลอดจน ส.ก. และ ส.ข. ในมือ หากไม่รักษาน้ำใจกันไว้ ถีบหัวส่ง อาจเกิดการตัดแต้มกันเอง
ฝ่าย "สุดารัตน์" ก็รู้กันดีอยู่แล้วว่าไม่ธรรมดา เตรียมทางหนีทีไล่ทางการเมืองเอาไว้อยู่ตลอด ตั้งพรรคสำรองไว้อยู่แล้ว หากถึงคราวจนแต้มจริงๆ ก็อาจตีจากพรรคเพื่อไทยไปลุยงานการเมืองกันเอง !!
**ก็น่าสนใจ และน่าแปลกใจ ในเมื่อ "สุดารัตน์" อยากลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. จนตัวซีดตัวสั่น พร้อมทั้งมั่นใจว่าตัวเองมีดี ชนะเลือกตั้งได้ แล้วทำไมไม่ประกาศลงสมัครให้รู้แล้วรู้รอด เมื่อพรรคเพื่อไทยไม่ส่ง “ยิ่งลักษณ์”ไม่เอา ก็กล้าๆ ลงในนามอิสระไปเลย
ไม่รู้ว่ากลัวอะไรอยู่ มัวแต่มาเกาะมาแกะติดพันอยู่กับพรรคเพื่อไทยแบบนี้ ไม่มีสง่าราศีเอาเสียเลย ลิ่วล้อในสังกัดหลายคนก็ยุให้ลงให้รู้แล้วรู้รอด เมื่อคิดว่าตัวเองมีดีจะกลัวอะไร หรือเป็นเพราะกลัวว่าลงแล้วแพ้ กลัวว่าแยกตัวไปไม่มีนายใหญ่คุ้มกะลาหัว แล้วไปไม่รอด หรือว่ายังหวังตำแหน่งทางการเมืองสนามใหญ่ ตามที่"ทักษิณ"ยกมาล่อ
**สุดท้ายก็ไม่กล้าแตกตัวหาความยิ่งใหญ่ด้วยตัวเอง ต้องอยู่ใต้เงา "ทักษิณ" และพรรคเพื่อไทยอยู่เรื่อยไป เนื่องเพราะรู้ดีว่าตัวเองเป็น"ดาวเคราะห์" ไม่ใช่ "ดาวฤกษ์" ไม่สามารถส่องสว่างได้ด้วยตัวเอง !!
สืบเนื่องจากศึกเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. แต่เมื่อเหตุการณ์ทำท่าจะบานปลาย กลายเป็นแต้มลบกับพรรคเพื่อไทย เลยต้องแจ้นออกมาแก้ข่าว แก้ตัวพัลวัน บอกว่าเป็นคำเปรียบเปรยของตัวเอง ไม่เกี่ยว "ทักษิณ"
ฤาษีรีบแปลงสาส์น กลัวผลกระทบจะลามมายังตัวผู้สมัครพรรคเพื่อไทย เพราะรู้อยู่แล้วว่ากระแสคนกรุงอ่อนไหวเพียงใด ไปพูดจาเชิงดูถูกถากถางแบบนี้ มีหวังม้วนเสื่อ ก่อนลงสนามแน่ !!
เรื่องการคัดเลือกตัวผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ของพรรคเพื่อไทย ถือว่าปั่นป่วนภายในกันหนักข้อพอสมควร เพราะรู้กันอยู่แล้วว่า ภาคกทม.อยู่ภายใต้การควบคุมของใคร คอการเมืองทั้งคอแข็งคออ่อนย่อมต้องนึกถึงชื่อ สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เจ้าแม่กทม. ที่สถาปนาตัวเองขึ้นมาตั้งแต่สมัยไทยรักไทย เรื่อยมาจนวันนี้
ส.ส.กทม. ส.ก. และ ส.ข. ในมือมากมาย สร้างเครือข่ายเอาไว้เยอะ เพียงแต่ผลงานระยะหลังไม่สู้ดี ถึงขั้นห่วย!! เลือกตั้งสนามใหญ่ สนามเล็ก แพ้ซ้ำซาก จนเจ้าตัวถอดใจ เบื่อหน่ายไปหลายเพลา
ตีชิ่งหนีหน้าไปนุ่งขาวห่มขาว เข้าวัดฟังเทศน์ ฟังธรรม ในช่วงโอกาสเว้นวรรคทางการเมือง ติดล็อกบ้านเลขที่ 111 แต่ดูเหมือนว่าจะจะข่มใจให้สงบไม่สำเร็จ กิเลสยังหนา ตัณหายังเยอะ พอปลดล็อกการเมืองก็เสนอหน้าเข้ามาสู่กระดานอำนาจทันที แต่เหมือนกระโจนมาผิดจังหวะ เร่งรีบเกินเหตุ
**กลายเป็นแผลเป็นที่ทำให้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีปูกรรเชียง ไม่ชอบหน้าอย่างร้ายกาจ ผู้หญิงด้วยกันรู้ไส้ดี อย่ามาสะเออะเด่นเกินหน้า "ปูไม่ปลื้ม"
จึงต้องหุบหน้ากลับไปเลียแผลพักใหญ่ ดีดลูกคิดนับนิ้วแล้วเห็นว่าโอกาสในสนามเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. น่าจะเป็นทางออกที่ดีเยี่ยม เพราะเมื่อสนามใหญ่ถนนยังไม่ราบรื่น ก็มาเล่นสนามเล็กไปพลาง ถ้าไปได้สวยก็เป็นการสร้างพาวเวอร์ระดับสูง ฝันถึงขั้นเป็นนายกฯได้เลยทีเดียว !!
ทว่าโอกาสที่มองเห็นก็ถูกปิดกั้นอีกครา เมื่อพรรคเพื่อไทยตัดสินใจไม่ส่ง "สุดารัตน์" ลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ครั้งนี้ เพราะเตรียมตัวผู้สมัครไว้นานแล้วคือ "จูดี้" พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เลขาธิการป.ป.ส. ตำรวจชอบสร้างภาพ โดยยกเหตุผลมาเอ่ยอ้างต่างๆ นานา ปลอบประโลม "หญิงหน่อยและลิ่วล้อ"
เรื่องมันจึงอีนุงตุงนังเรื่อยมา จนถึงวันสุดท้ายก็ยังป่วนไม่เลิก แม้พรรคเพื่อไทยจะชัดเจนแล้วว่าส่ง "พงศพัศ" แต่ก็ยังมีความพยายามยื้อให้ถึงที่สุด "สุดารัตน์" สั่งลูกน้องออกมาเดินเกมทวงถามการตัดสินใจของพรรคเป็นระยะ พร้อมขู่ให้เปลี่ยนตัวผู้สมัครอยู่เนืองๆ ด้วยหวังใจว่าจะพลิกเกมในโค้งสุดท้าย
คิดว่าอย่างไรเสียเสียงตัวเองย่อมดัง "ทักษิณ" ต้องฟัง ส.ส.กทม. แทบทั้งหมด ตลอดจน ส.ก.และ ส.ข. ล้วนอยู่ใต้อาณัติทั้งสิ้น จะสั่งซ้ายหันขวาหัน แหกมติพรรคเพื่อไทยก็ย่อมได้
วันนี้ "ทักษิณ" ก็เหมือนคนตาบอดได้ยินแต่เสียง ไม่รู้ความเคลื่อนไหวกลในลึกซึ้ง ก็จำต้องยอมอยู่ในที ปล่อยให้ "หญิงหน่อยและลิ่วล้อ" ออกงิ้วแสดงเดชจนสาแก่ใจ แถมนายใหญ่ยังหยอดด้วยว่า จะเตรียมตำแหน่งใหญ่ในรัฐบาลให้ "สุดารัตน์" แทน เพราะชั่วโมงนี้กำลังเผชิญศึกเลือกตั้งสนามเล็ก ยังต้องพึ่งกำลังภาคกทม.อยู่ ทะเลาะกันจนบ้านพังตอนนี้ไม่ใช่เรื่องดีแน่ !!
"หญิงหน่อย" ไม่ได้ลงสมัครผู้ว่าฯ กทม. งวดนี้ นับว่าเสียหาย ชอกช้ำ แม้เจ้าตัวจะเก็บอาการเก่ง สมฉายา "ตุ๊กตาทองสองหน้า" แต่สมุนลิ่วล้อปกปิดไม่มิด ออกมาร้องแรกแหกกระเชอให้แกนนำพรรคตัวเป้งได้ยินกันทุกวัน "หญิงหน่อย" รู้ดีว่า ถ้ายังกบดานไม่ได้ชักมีดออกจากฝักแบบนี้ต่อไป สนิมคงขึ้นเกรอะกรัง อยู่แบบเหี่ยวๆ แห้งตาย ถูกดองเค็มแช่แข็ง เสื่อมสภาพไปเรื่อยๆ
ต้องสำแดงฤทธิ์เดช ไม่ให้ลืมตัวตนกันเสียหน่อย แสดงความมั่นใจว่าถ้าตัวเองลงสนามจริงๆ ก็มีดีสามารถเอาชัยได้ ไม่รู้นายใหญ่หนีคดีจะเชื่อน้ำยามากน้อยแค่ไหน เพราะทำโพลสำรวจมาก็ยังเป็นรอง "สุขุมพันธุ์" อยู่ตลอด แต่ถึงอย่างไรก็ตาม อย่างน้อยๆ ก็สามารถทำให้นายใหญ่หันหลังเหลียวมามอง พร้อมตกปากรับคำจะให้ตำแหน่งรัฐมนตรี หรือรองนายกฯ เพราะอย่างที่บอกไป ต้องพึ่งกำลังของภาคกทม.อยู่
**ล่าสุดแม้แต่ "ยิ่งลักษณ์" ยังต้องง้องอนไปกินข้าวด้วย แต่ตามประสาผู้หญิงรู้กันดีว่าเป็นเกมสร้างภาพ หน้าเปื้อนยิ้มใส่กัน แต่แอบถือมีดไว้ข้างหลัง ยามหน้าสิ่วหน้าขวานต้องต่อสู้ศึกภายนอก ก็จำต้องยอมๆ ไปก่อน เสร็จนาค่อยฆ่าโคถึก เสร็จศึกแล้วค่อยเชือดขุนพล
วันนี้สถานการณ์การต่อสู้สนามเล็ก พรรคเพื่อไทยสำเหนียกดีว่าเป็นรองพรรคประชาธิปัตย์ กระแสยังตีตื้นขึ้นมาไม่ได้มากนัก จากเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมืองของคนเสื้อแดง ยังติดตราตรึงใจคนกรุงเทพฯเรื่อยมา ถูกมองว่าเป็นเครือข่ายเดียวกับพรรคเพื่อไทย ดังนั้นต้องทำทุกวิถีทางเพื่อกระตุกคะแนนคนเมืองหลวงให้กลับคืนมา
ต้องสร้างมิตรไว้ดีกว่าผลักเป็นศัตรู อะไรยอมได้ก็ต้องยอมๆกันไปก่อน ก๊วนสุดารัตน์เองก็นับว่ายังมีพาวเวอร์ในภาคกทม.อยู่มาก ส.ส. ตลอดจน ส.ก. และ ส.ข. ในมือ หากไม่รักษาน้ำใจกันไว้ ถีบหัวส่ง อาจเกิดการตัดแต้มกันเอง
ฝ่าย "สุดารัตน์" ก็รู้กันดีอยู่แล้วว่าไม่ธรรมดา เตรียมทางหนีทีไล่ทางการเมืองเอาไว้อยู่ตลอด ตั้งพรรคสำรองไว้อยู่แล้ว หากถึงคราวจนแต้มจริงๆ ก็อาจตีจากพรรคเพื่อไทยไปลุยงานการเมืองกันเอง !!
**ก็น่าสนใจ และน่าแปลกใจ ในเมื่อ "สุดารัตน์" อยากลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. จนตัวซีดตัวสั่น พร้อมทั้งมั่นใจว่าตัวเองมีดี ชนะเลือกตั้งได้ แล้วทำไมไม่ประกาศลงสมัครให้รู้แล้วรู้รอด เมื่อพรรคเพื่อไทยไม่ส่ง “ยิ่งลักษณ์”ไม่เอา ก็กล้าๆ ลงในนามอิสระไปเลย
ไม่รู้ว่ากลัวอะไรอยู่ มัวแต่มาเกาะมาแกะติดพันอยู่กับพรรคเพื่อไทยแบบนี้ ไม่มีสง่าราศีเอาเสียเลย ลิ่วล้อในสังกัดหลายคนก็ยุให้ลงให้รู้แล้วรู้รอด เมื่อคิดว่าตัวเองมีดีจะกลัวอะไร หรือเป็นเพราะกลัวว่าลงแล้วแพ้ กลัวว่าแยกตัวไปไม่มีนายใหญ่คุ้มกะลาหัว แล้วไปไม่รอด หรือว่ายังหวังตำแหน่งทางการเมืองสนามใหญ่ ตามที่"ทักษิณ"ยกมาล่อ
**สุดท้ายก็ไม่กล้าแตกตัวหาความยิ่งใหญ่ด้วยตัวเอง ต้องอยู่ใต้เงา "ทักษิณ" และพรรคเพื่อไทยอยู่เรื่อยไป เนื่องเพราะรู้ดีว่าตัวเองเป็น"ดาวเคราะห์" ไม่ใช่ "ดาวฤกษ์" ไม่สามารถส่องสว่างได้ด้วยตัวเอง !!