“สุขุมพันธุ์” ถึงดีเอสไอ รับทราบข้อกล่าวหาต่อสัญญารถไฟฟ้าบีทีเอส ม็อบแห่แต่งดำให้กำลังใจ ด้านอดีตปลัด กทม.-ปธ.กรุงเทพธนาคม เลื่อนเข้าพบ สอบสวนกว่า 2 ชั่วโมง เจ้าตัว เผยปฏิเสธทุกข้อหา ยันจ้างระยะยาวหวังพัฒนาบีทีเอสเป็นระบบโลก ย้ำทำถูกกฎหมาย สุดงงแจ้งฟันทั้งในตำแหน่งและส่วนตัว หวังไม่มีการเมืองแทรก ขอหาเสียงต่อ แย้มถกทีม กม.ฟ้องกลับ เย้ยโดนเล่นเพราะกลัวจะชนะเลือกตั้ง ลั่นหนักแน่น อดทน ก่อนทักทายมวลชน จ่อยื่นลาออกวันนี้
วันนี้ (8 ธ.ค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้มีกลุ่มมวลชนราว 200 คน โดยส่วนใหญ่ได้สวมใส่ชุดสีดำ เดินทางมารอให้กำลังใจ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้เกี่ยวข้องรวม 11 คน ที่จะเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหากรณีการต่อสัญญาให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงโครงการรถไฟฟ้า BTS เป็นเวลา 30 ปีโดยมิชอบ
จนเมื่อเวลา 09.45 น. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ได้เดินทางมาถึงด้วยสีหน้าเรียบเฉยและได้โบกมือทักทายมวลชนที่มาให้กำลังใจ ก่อนที่จะเดินเข้าอาคารที่ทำการดีเอสไอ ทั้งนี้ มีรายงานข่าวแจ้งว่าวันนี้จะมีผู้เกี่ยวข้องเข้ารับทราบข้อกล่าวหาคดีดังกล่าวรวม 6 จาก 11 ราย ส่วนอีก 5 รายประกอบด้วย นายเจริญรัตน์ ชูติกาญจน์ อดีตปลัด กทม. และนางนินนาท ชลิตานนท์ ปลัด กทม. นายประพันธ์พงศ์ เวชชาชีวะ ประธานกรรมการบริษัท กรุงเทพธนาคม นายอมร กิจเชวงกุล กรรมการอำนวยการ บริษัท กรุงเทพธนาคม และผู้อำนวยการสำนักจราจร กทม.แจ้งขอเลื่อนเข้ารับทราบข้อกล่าวหาเป็นวันที่ 15-16 ม.ค.นี้
ขณะที่การรักษาความปลอดภัยได้มีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการตำรวจนครบาล 2 ทั้งในและนอกเครื่องแบบ จำนวน 1 กองร้อย มาดูแลความสะดวกเรียบร้อยอยู่บริเวณโดยรอบกรมสอบสวนคดีพิเศษ โดย พ.ต.อ.พีระพงศ์ วงษ์สมาน รอง ผบก.น.2 เปิดเผยว่า เบื้องต้นทางดีเอสไอไม่ได้มีการร้องขอกำลังตำรวจเพื่อดูแลเพิ่มเติม เนื่องจากการประเมินสถานการณ์เบื้องต้นคาดว่าจะมีผู้ร่วมเดินทางมาและกองเชียร์จำนวนไม่มาก ไม่น่าสร้างความวุ่นวายอะไร เพราะมารับทราบข้อกล่าวหาเท่านั้น จึงวางกำลังเฉพาะตำรวจ สน.ทุ่งสองห้อง ที่ดูแลพื้นที่ดังกล่าวอยู่แล้ว ทั้งฝ่ายสืบสวน ปราบปราม และจราจร ประมาณ 50 นาย เพื่อดูแลพื้นที่ให้เป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย เท่าที่จำเป็น และไม่มีการจัดกำลังเพิ่มเติม เนื่องจากไม่มีสิ่งบ่งบอกเหตุรุนแรง หรือมือที่ 3 ป่วน แต่อย่างใด
ต่อมาเมื่อเวลา 12.00 น. ม.ร.ว.สุขุมพันธ์เปิดเผยภายหลังใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมงรับทราบข้อกล่าวหากรณีการต่อสัญญาให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงโครงการรถไฟฟ้าเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา (บีทีเอส) เป็นเวลา 30 ปีโดยมิชอบจากพนักงานสอบสวนว่า ขอยืนยันว่าระบบบีทีเอสคือระบบขนส่งมวลชนที่ดีที่สุดของคนกรุงเทพฯ ตนจึงอยากให้บีทีเอสพัฒนาเป็นระบบขนส่วนมวลชนระบบโลก ด้วยเหตุนี้จึงได้ดำเนินการในเรื่องการว่าจ้างบีทีเอสระยะยาว เพื่อนำไปสู่ความเป็นระบบขนส่งมวลชนระดับสากล และทุกสิ่งที่ตนทำไปนั้นถูกต้องตามกฎหมาย จึงได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาทุกประการ และยังมีความไม่เข้าใจในข้อกล่าวหาบางข้ออีกด้วย
“ต่อจากนี้ไปก็อยากให้เป็นเรื่องของการดำเนินการอย่างเป็นธรรม โดยที่ไม่มีการเมืองเข้ามาแทรกแซง การที่ผมอาจจะต้องไปขึ้นศาลยุติธรรมใดๆ ก็ยังคงต้องทำไป แต่จากวันนี้เป็นต้นไป ผมจะเดินหน้าต่อไป รณรงค์หาเสียงเพื่อกลับมาเป็นผู้ว่าฯ กทม.และทำสิ่งดีๆ ให้แก่คน กทม.” ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในส่วนของข้อกล่าวหาที่ไม่เข้าใจนั้นเป็นประเด็นใดบ้าง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์กล่าวว่า ทางพนักงานสอบสวนได้ระบุว่าฟ้องร้องและแจ้งข้อกล่าวหาตนเป็นการส่วนตัว ทั้งที่ตนดำเนินการในฐานะผู้ว่าฯ กทม. ดังนั้นจะมากล่าวหาตนในฐานะ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ที่เป็นบุคคลธรรมดาคงไม่ได้ และยังมีอีกหลายประเด็นที่มีความไม่ชัดเจน ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่าดีเอสไอเตรียมกล่าวหาในเรื่องกองทุนของบีทีเอสอีกประเด็นหนึ่งนั้น ยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับทาง กทม.เลย เป็นเรื่องสัมปทานเดิมที่บีทีเอสดำเนินการอยู่แล้ว ทราบว่าในช่วงบ่ายทางบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอสซี คงมีการแถลงข่าวในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามตนจะปรึกษาทางทนายความเพื่อดำเนินการฟ้องร้องผู้เกี่ยวข้องของดีเอสไอต่อไปด้วย
“ถูกกล่าวหาทุกวัน เพราะว่าเขากลัวผมจะชนะเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ไม่ต้องกลัวหรอกเพราะผมเป็นแค่คนธรรมดา ทำไมไม่แข่งขันแบบบริสุทธิ์ยุติธรรม ผมไม่ว่าอะไรถ้าผมแพ้ ผมหนักแน่นอดทนพร้อมที่จะรับทุกสิ่งทุกอย่าง อะไรเกิดขึ้นในอดีตไม่เป็นไร ขอให้ทุกอย่างต่อจากนี้เป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ผมก็พอใจแล้ว” ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ระบุ
ขณะที่ นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าฯ กทม.ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ในขั้นตอนการสอบสวนมีความพยายามสอบถามว่าเราได้ปฏิบัติหน้าที่ตามอำนาจผู้ว่าฯ กทม.หรือไม่ ซึ่งเราก็ได้ส่งเอกสารหลักฐานในเรื่องการปฏิบัติราชการแทนผู้ว่าฯ กทม.ไปหมดแล้ว ซึ่งเราก็ได้ถามกลับว่าตกลงแล้วดีเอสไอฟ้องเราในฐานะผู้ว่าฯ กทม.และรองผู้ว่าฯ กทม.หรือไม่ ทางพนักงานสอบสวนกลับบอกว่ากล่าวหาในฐานะนายธีระชน เพราะความเป็นจริงอำนาจตั้งข้อกล่าวหาเช่นนี้เป็นของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แสดงว่าดีเอสไอกระทำนอกอำนาจ ซึ่งก็จะมีการปรึกษาทนายความเพื่อดำเนินการคดีทางอาญาต่อนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ รวมไปถึงพนักงานสอบสวนทั้งหมดที่เกี่ยวข้องด้วย
จากนั้น ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์พร้อมคณะได้เดินทักทายและรับดอกไม้จากมวลชนที่มาให้กำลังใจบริเวณด้านหน้าที่ทำการดีเอสไออย่างใกล้ชิด โดยมีเสียงโห่ร้องให้กำลังใจ “ผู้ว่าฯ...สู้สู้” และ “คุณชาย...สู้สู้” ตลอดเวลา ก่อนที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์จะเดินทางกลับไปยังที่ว่าการ กทม.เพื่อยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.ในช่วงเวลา 14.00 น.ต่อไป
ทางด้าน พ.ต.ท.ถวัล มั่งคั่ง ที่ปรึกษาอธิบดีดีเอสไอ ในฐานะหัวหน้าชุดพนักงานสอบสวน เปิดเผยภายหลังดำเนิการแจ้งข้อกล่าวหาต่อ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ และนายธีระชนแล้วเสร็จว่า ได้รับความร่วมมือจากทั้ง 2 คนเป็นอย่างดี โดยทางพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาตามกระบวนการ ซึ่ง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ และนายธีระชนได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยได้เตรียมเอกสารหลักฐานเข้ายื่นประกอบคำให้การด้วย ทั้งนี้ มีบางประเด็นที่ทางผู้บริหาร กทม.ไม่พร้อมที่จะให้การ อาทิ การลงนามมอบอำนาจให้ผู้อื่นดำเนินการแทน ซึ่งอาจเข้าข่ายรับรู้มีส่วนร่วม หรือปล่อยปละละเลยให้มีการกระทำผิด ในส่วนนี้ทาง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ได้มอบหมายให้ทางทนายความเป็นผู้ยื่นเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมมายังดีเอสไอภายใน 15 วัน