ASTVผู้จัดการรายวัน-ปลุกสังคมอย่าปล่อยปม “เหนือเมฆ”หายไปกับกลีบเมฆ “มาร์ค”หวั่นปิดกั้นสื่อเพิ่ม ชี้เป็นสิทธิ์คนออนไลน์รวมตัวประท้วงช่อง 3 มัลลิกา บี้เอาผิด ปู และพวก ใช้ถ้วยพระราชทานปลอมจัดมวยช่วย”แม้ว ถ่ายทอดช่องหอยม่วง ชี้ข้อหาเดียวกับ “เสี่ยอู้ด” ติดคุก 5 ปี ยกทุกมาตราเทียบผิดเต็มประตู
อัลญะซีเราะห์รายงานกรณีถอดละครเหนือเมฆ 2 กลางอากาศ ระบุเมืองไทยหาความโปร่งใสยาก จับพิรุธช่อง 3 ใช้เวลากว่าห้าวันถึงหาเหตุผลมาอธิบายได้ ชี้แม้จะเป็นประเทศประชาธิปไตยแต่เหมือนเป็นการตัดสินใจของเผด็จการมากกว่า
วานนี้(10 ม.ค.56) สถานีโทรทัศน์อัลญะซีเราะห์ภาคภาษาอังกฤษของกาตาร์ได้เผยแพร่รายงานข่าวเกี่ยวกับการระงับการออกอากาศละคร “เหนือเมฆ 2 : มือปราบจอมขมังเวทย์” จากการออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาโดยนายเวย์น เฮย์ ผู้สื่อข่าวอัลญะซีเราะห์ที่กรุงเทพฯ ระบุว่า ละครเหนือเมฆถูกระงับออกอากาศด้วยข้ออ้างที่ว่ามีเนื้อหาที่สุ่มเสี่ยงไม่เหมาะสม
“เหนือเมฆเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรีขี้ฉ้อ และหมอผีที่มีอิทธิพลเหนือทั้งสองคน โดยมีการคาดหมายว่าละครเรื่องนี้ถูกระงับออกอากาศเนื่องจากการแทรกแซงทางการเมือง หลังจากมีการพิจารณาว่าเนื้อหานั้นกระทบกับรัฐบาล” รายงานของอัลญะซีเราะห์ระบุ
ผู้สื่อข่าวอัลญะซีเราะห์ระบุด้วยว่า ความโปร่งใสในเมืองไทยนั้นเป็นเรื่องที่หาได้ยาก โดยจากกรณีการระงับการออกอากาศละครเหนือเมฆ 2 นั้น ช่อง 3 ใช้เวลาถึง 5 วัน กว่าที่จะออกมาแถลงถึงเหตุผลของการระงับการออกอากาศ และอ้างว่าไม่มีการแทรกแซงจากฝั่งการเมือง ซึ่งช่องว่างดังกล่าวเปิดให้สังคมคาดเดาถึงสาเหตุของการระงับออกอากาศไปได้ต่างๆ นาๆ
สำนักข่าวอ้างบทสัมภาษณ์นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ นักวิชาการและปัญญาชนอาวุโส ได้ให้ความเห็นถึงปรากฏการณ์ของการแบนละครเหนือเมฆ 2 ซึ่งก่อให้เกิดข่าวลือต่างๆ มากมายว่า สังคมไทยยังคงอยู่ในวัฒนธรรมแบบหมู่บ้าน ที่พยายามหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า แต่ใช้วิธีการซุบซิบนินทาเป็นหลัก
“เป็นเรื่องน่าขันที่ดรามาทางการเมืองไทยเรื่องแรกของปี กลับกลายเป็นเรื่องละครน้ำเน่า ขณะที่การเมืองไทย ณ เวลานี้ก็เหมือนจะเป็นละครน้ำเน่าที่เต็มไปด้วยเล่ห์เพทุบาย ข่าวลือ ข่าวลวง หรือแม้แต่การกล่าวหาเรื่องความสัมพันธ์แบบชู้สาว และการฆาตกรรม” นายเฮย์ระบุ และกล่าวสรุปว่า แม้ประเทศไทยจะเป็นประชาธิปไตย แต่การแบนละครเรื่องนี้ไม่เปิดโอกาสให้ผู้ชมใช้วิจารณญาณด้วยตัวเอง และคล้ายว่าจะเป็นการตัดสินใจของเผด็จการเสียมากกว่า
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการที่สังคมออนไลน์เตรียมรวมตัวประท้วงหน้าสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ด้วยการสวมเสื้อสีขาวและใส่หน้ากากกรณีการถอดละครเรื่อง “เหนือเมฆ2” ออกจากผังรายการว่า ตนไม่ได้เข้าไปร่วมด้วย แต่ต้องการเห็นความกระจ่างว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร โดยใคร ซึ่งต้องมาช่วยกันว่าทำอย่างไรการปกป้องเสรีภาพของผู้ที่ทำงานโดยเฉพาะในวงการที่สามารถที่จะสะท้อนปัญหาของสังคมด้วยความสร้างสรรค์ แล้วก็เป็นสิทธิเสรีภาพของผู้ชมในฐานะผู้บริโภคสื่อว่าทำอย่างไรจะได้รับการดูแลคุ้มครอง ไม่เกิดเหตุอย่างที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา
“ผมคิดว่ามีความจำเป็นนะครับที่สังคมจะต้องมีความชัดเจนในเรื่องนี้ ถ้าปล่อยผ่านไปผมว่าก็จะเกิดกรณีแบบนี้มากขึ้นๆ แล้วก็สุดท้ายสังคมก็จะอยู่ในสภาพซึ่งถูกปิดกั้น แล้วนับวันก็จะมีความอึดอัดมากขึ้น ซึ่งไม่เป็นผลดีกับทุกๆ ฝ่าย”นายอภิสิทธิ์ กล่าว
อีกด้านน.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้เข้าพบผู้ตรวจการแผ่นดิน ยื่นเรื่องสอบสวนข้อเท็จจริงพร้อมชี้มูลความผิดส่งฝ่ายเกี่ยวข้องตามอำนาจ ขอให้ใช้อำนาจตามกฎหมายรัฐธรรมนูญทำการสืบสวนสอบสวนการ กระทำความผิดด้านจริยธรรม ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี และ ธรรมาภิบาล และส่งให้หน่วยงานเกี่ยวข้องดำเนินคดีกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และน.ส.ศันสนีย์ นาคพงศ์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
ทั้งยังให้เอาผิดกับ พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีตผบ.สส. ในฐานะประธานสหพันธ์มวยไทยอาชีพโลก เป็นประธานจัดงาน นายพานทองแท้ ชินวัตร ผู้โฆษณาเผยแพร่ผ่านเฟสบุคหรือโซเชียลเน็ตเวิคให้ติดตามชม หรือผู้เกี่ยวข้องอื่นอีก ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันโฆษณาโดยใช้ข้อความที่จะก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับงาน และโดยใช้ข้อความที่ใช้หรืออ้างอิงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์โดยไม่ได้รับพระบรมราชานุญาต ไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภคหรืออาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสังคมส่วนรวม ต่อกรณีที่สถานีโทรทัศน์ NBT ได้เผยแพร่ภาพ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้มีการแอบอ้างว่าเป็นงานชกมวยชิงถ้วยพระราชทานทั้งที่ยังมิได้ขอหรือมิได้มีพระบรมราชานุญาต เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.2555
“ อีกทั้งการนำตรามงกุฎไปใช้พิมพ์ที่ถ้วยรางวัลนั้นก็ไม่ได้รับอนุญาตจากสำนักพระราชวัง และสำนักราชเลขาธิการ จึงถือเป็นความเท็จทั้งสิ้น ทั้งหมดจึงมีความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 มาตรา 47 , 48 และ 59 และ พ.ร.บ.เครื่องหมายราชการ พ.ศ.2484 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 , 343 และ 83 และมาตรา 157 สำหรับผู้ดำรงค์ตำแหน่งข้าราชการและข้าราชการการเมือง อันเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท”น.ส.มัลลิกากล่าว
หากการตรวจสอบของผู้ตรวจการล่าช้า ตนก็จะยื่นเรื่องต่อ คณะกรรมการป้องกันและปรายปรามการทุจรติแห่งชาติ ( ปปช. ) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) หรือกองปราบปราม ต่อไป
อีกด้านนายวัชระ เพชรทอง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ แถลงเปิดปฏิทินที่จัดพิมพ์ขึ้นมา 2 แบบเพื่อจำหน่ายให้กับประชาชนในราคาใบละ 1 บาท โดยแบบที่ 1.เป็นปฏิทินรูป พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังรับประทานรัฐธรรมนูญ มีข้อความว่า รัฐบาล ยิ่งลักษณ์ มุ่งโค่นล้ม รัฐธรรมนูญ 50 ที่มาจากเสียงของประชาชน และแบบที่ 2. เป็นปฏิทินมีภาพการเผาที่ราชประสงค์เมื่อปี 2553 โดยมีภาพ พ.ต.ท.ทักษิณ กำลัง โฟนอิน และมีภาพนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ กำลังกอดคนเสื้อแดงในที่ชุมนุม รวมถึงมีภาพ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ด้วย
อัลญะซีเราะห์รายงานกรณีถอดละครเหนือเมฆ 2 กลางอากาศ ระบุเมืองไทยหาความโปร่งใสยาก จับพิรุธช่อง 3 ใช้เวลากว่าห้าวันถึงหาเหตุผลมาอธิบายได้ ชี้แม้จะเป็นประเทศประชาธิปไตยแต่เหมือนเป็นการตัดสินใจของเผด็จการมากกว่า
วานนี้(10 ม.ค.56) สถานีโทรทัศน์อัลญะซีเราะห์ภาคภาษาอังกฤษของกาตาร์ได้เผยแพร่รายงานข่าวเกี่ยวกับการระงับการออกอากาศละคร “เหนือเมฆ 2 : มือปราบจอมขมังเวทย์” จากการออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาโดยนายเวย์น เฮย์ ผู้สื่อข่าวอัลญะซีเราะห์ที่กรุงเทพฯ ระบุว่า ละครเหนือเมฆถูกระงับออกอากาศด้วยข้ออ้างที่ว่ามีเนื้อหาที่สุ่มเสี่ยงไม่เหมาะสม
“เหนือเมฆเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรีขี้ฉ้อ และหมอผีที่มีอิทธิพลเหนือทั้งสองคน โดยมีการคาดหมายว่าละครเรื่องนี้ถูกระงับออกอากาศเนื่องจากการแทรกแซงทางการเมือง หลังจากมีการพิจารณาว่าเนื้อหานั้นกระทบกับรัฐบาล” รายงานของอัลญะซีเราะห์ระบุ
ผู้สื่อข่าวอัลญะซีเราะห์ระบุด้วยว่า ความโปร่งใสในเมืองไทยนั้นเป็นเรื่องที่หาได้ยาก โดยจากกรณีการระงับการออกอากาศละครเหนือเมฆ 2 นั้น ช่อง 3 ใช้เวลาถึง 5 วัน กว่าที่จะออกมาแถลงถึงเหตุผลของการระงับการออกอากาศ และอ้างว่าไม่มีการแทรกแซงจากฝั่งการเมือง ซึ่งช่องว่างดังกล่าวเปิดให้สังคมคาดเดาถึงสาเหตุของการระงับออกอากาศไปได้ต่างๆ นาๆ
สำนักข่าวอ้างบทสัมภาษณ์นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ นักวิชาการและปัญญาชนอาวุโส ได้ให้ความเห็นถึงปรากฏการณ์ของการแบนละครเหนือเมฆ 2 ซึ่งก่อให้เกิดข่าวลือต่างๆ มากมายว่า สังคมไทยยังคงอยู่ในวัฒนธรรมแบบหมู่บ้าน ที่พยายามหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า แต่ใช้วิธีการซุบซิบนินทาเป็นหลัก
“เป็นเรื่องน่าขันที่ดรามาทางการเมืองไทยเรื่องแรกของปี กลับกลายเป็นเรื่องละครน้ำเน่า ขณะที่การเมืองไทย ณ เวลานี้ก็เหมือนจะเป็นละครน้ำเน่าที่เต็มไปด้วยเล่ห์เพทุบาย ข่าวลือ ข่าวลวง หรือแม้แต่การกล่าวหาเรื่องความสัมพันธ์แบบชู้สาว และการฆาตกรรม” นายเฮย์ระบุ และกล่าวสรุปว่า แม้ประเทศไทยจะเป็นประชาธิปไตย แต่การแบนละครเรื่องนี้ไม่เปิดโอกาสให้ผู้ชมใช้วิจารณญาณด้วยตัวเอง และคล้ายว่าจะเป็นการตัดสินใจของเผด็จการเสียมากกว่า
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการที่สังคมออนไลน์เตรียมรวมตัวประท้วงหน้าสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ด้วยการสวมเสื้อสีขาวและใส่หน้ากากกรณีการถอดละครเรื่อง “เหนือเมฆ2” ออกจากผังรายการว่า ตนไม่ได้เข้าไปร่วมด้วย แต่ต้องการเห็นความกระจ่างว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร โดยใคร ซึ่งต้องมาช่วยกันว่าทำอย่างไรการปกป้องเสรีภาพของผู้ที่ทำงานโดยเฉพาะในวงการที่สามารถที่จะสะท้อนปัญหาของสังคมด้วยความสร้างสรรค์ แล้วก็เป็นสิทธิเสรีภาพของผู้ชมในฐานะผู้บริโภคสื่อว่าทำอย่างไรจะได้รับการดูแลคุ้มครอง ไม่เกิดเหตุอย่างที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา
“ผมคิดว่ามีความจำเป็นนะครับที่สังคมจะต้องมีความชัดเจนในเรื่องนี้ ถ้าปล่อยผ่านไปผมว่าก็จะเกิดกรณีแบบนี้มากขึ้นๆ แล้วก็สุดท้ายสังคมก็จะอยู่ในสภาพซึ่งถูกปิดกั้น แล้วนับวันก็จะมีความอึดอัดมากขึ้น ซึ่งไม่เป็นผลดีกับทุกๆ ฝ่าย”นายอภิสิทธิ์ กล่าว
อีกด้านน.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้เข้าพบผู้ตรวจการแผ่นดิน ยื่นเรื่องสอบสวนข้อเท็จจริงพร้อมชี้มูลความผิดส่งฝ่ายเกี่ยวข้องตามอำนาจ ขอให้ใช้อำนาจตามกฎหมายรัฐธรรมนูญทำการสืบสวนสอบสวนการ กระทำความผิดด้านจริยธรรม ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี และ ธรรมาภิบาล และส่งให้หน่วยงานเกี่ยวข้องดำเนินคดีกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และน.ส.ศันสนีย์ นาคพงศ์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
ทั้งยังให้เอาผิดกับ พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีตผบ.สส. ในฐานะประธานสหพันธ์มวยไทยอาชีพโลก เป็นประธานจัดงาน นายพานทองแท้ ชินวัตร ผู้โฆษณาเผยแพร่ผ่านเฟสบุคหรือโซเชียลเน็ตเวิคให้ติดตามชม หรือผู้เกี่ยวข้องอื่นอีก ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันโฆษณาโดยใช้ข้อความที่จะก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับงาน และโดยใช้ข้อความที่ใช้หรืออ้างอิงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์โดยไม่ได้รับพระบรมราชานุญาต ไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภคหรืออาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสังคมส่วนรวม ต่อกรณีที่สถานีโทรทัศน์ NBT ได้เผยแพร่ภาพ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้มีการแอบอ้างว่าเป็นงานชกมวยชิงถ้วยพระราชทานทั้งที่ยังมิได้ขอหรือมิได้มีพระบรมราชานุญาต เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.2555
“ อีกทั้งการนำตรามงกุฎไปใช้พิมพ์ที่ถ้วยรางวัลนั้นก็ไม่ได้รับอนุญาตจากสำนักพระราชวัง และสำนักราชเลขาธิการ จึงถือเป็นความเท็จทั้งสิ้น ทั้งหมดจึงมีความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 มาตรา 47 , 48 และ 59 และ พ.ร.บ.เครื่องหมายราชการ พ.ศ.2484 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 , 343 และ 83 และมาตรา 157 สำหรับผู้ดำรงค์ตำแหน่งข้าราชการและข้าราชการการเมือง อันเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท”น.ส.มัลลิกากล่าว
หากการตรวจสอบของผู้ตรวจการล่าช้า ตนก็จะยื่นเรื่องต่อ คณะกรรมการป้องกันและปรายปรามการทุจรติแห่งชาติ ( ปปช. ) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) หรือกองปราบปราม ต่อไป
อีกด้านนายวัชระ เพชรทอง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ แถลงเปิดปฏิทินที่จัดพิมพ์ขึ้นมา 2 แบบเพื่อจำหน่ายให้กับประชาชนในราคาใบละ 1 บาท โดยแบบที่ 1.เป็นปฏิทินรูป พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังรับประทานรัฐธรรมนูญ มีข้อความว่า รัฐบาล ยิ่งลักษณ์ มุ่งโค่นล้ม รัฐธรรมนูญ 50 ที่มาจากเสียงของประชาชน และแบบที่ 2. เป็นปฏิทินมีภาพการเผาที่ราชประสงค์เมื่อปี 2553 โดยมีภาพ พ.ต.ท.ทักษิณ กำลัง โฟนอิน และมีภาพนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ กำลังกอดคนเสื้อแดงในที่ชุมนุม รวมถึงมีภาพ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ด้วย