xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กตุ้ย” พาซวย มั่วถ้วยพระราชทาน ทำ “ปู” เสียวสันหลัง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร
รายงานเมือง

นึกว่าเรื่องจะเงียบไปกับสายลมเสียแล้ว สำหรับกรณีที่ช่อง 11 ถ่ายทอดสดการแข่งขันมวยไทย “วอร์ริเออร์ส เทิดไท้องค์ราชัน” เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่เขตปกครองพิเศษมาเก๊า เมื่อวันที่ 9 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยมี “ทักษิณ ชินวัตร” นักโทษหนีคดี อาศัยจังหวะชุลมุนโผล่หน้าออกจอแก้ตัวต่างๆ นานา

แต่สุดท้ายก็โดนแอ็กชันแรงๆ ของ “สำนักราชเลขาธิการ” ที่ออกมาทำหนังสือถึง “พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร” อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด ในฐานะประธานจัดงาน เพื่อติติงเรื่องการใช้ถ้อยคำอ้างว่าเป็นการชิงถ้วยพระราชทาน ซึ่งเป็นการมิบังควร เนื่องจากยังมิได้มีพระบรมราชานุญาต

งานนี้ “พล.อ.ชัยสิทธิ์” หาเรื่องให้ “รัฐบาล” จากที่อยู่ไม่ค่อยเป็นสุขกันอยู่แล้ว ให้เดือดร้อนเข้าไปอีก ที่สำคัญเรื่องดังกล่าวยังกรีดบาดแผลของคนตระกูล “ชินวัตร” ในข้อหา “ไม่จงรักภักดี” ให้เจ็บลึกลงไปอีก

อีกทั้งหลายภาคส่วนเตรียมนำเรื่องดังกล่าวฟ้องร้องแต่ “องค์กรอิสระ” กันถ้วนหน้า ไล่ตั้งแต่ “สุริยะใส กตะศิลา” ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน ยื่นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เอาผิด “น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี “น.ส.ศันสนีย์ นาคพงศ์” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี “ธีระพงษ์ โสดาศรี” อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ และผอ.ช่อง 11 ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157

รวมถึง “พรรคประชาธิปัตย์” เตรียมรวบรวมพยานหลักฐานยื่นให้ “ผู้ตรวจการแผ่นดิน” และ “ป.ป.ช.” เอาผิดกับ “ยิ่งลักษณ์” และ “ศันสนีย์” เหมือนกัน ในฐานะสมรู้ร่วมคิดถ่ายทอดสดการแข่งขันดังกล่าว

ล่าสุด “พล.อ.ชัยสิทธิ์” ออกมายอมรับว่า การจัดการแข่งขันมวยดังกล่าวไม่ได้เป็นการจัดเพื่อชิงถ้วยพระราชทาน แต่ “สารวัตรต้น-พ.ต.ท.กุลธน ประจวบเหมาะ” เลขาธิการสหพันธ์มวยไทยอาชีพโลก พูดให้เกิดความคลาดเคลื่อนจนเกิดความเข้าใจผิด

ที่สุดก็ต้องคอตกทำหนังสือขอพระราชทานอภัยโทษ ซึ่งถึงมือ “สำนักงานเลขาธิการพระราชวัง” เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ด้าน “พ.ต.ท.กุลธน” ยอมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับบุคคลทั้งสิ้น เนื่องจากอาจมีการพยายามเชื่อมโยงเรื่องดังกล่าวไปถึงกรณี “พ.ต.ท.ทักษิณ” พร้อมอ้างว่า รู้ดีว่ายังมิได้รับพระบรมราชานุญาต อีกทั้งถ้วยรางวัลก็ไม่ได้มีตราพระบรมฉายาลักษณ์ แต่เป็นความผิดพลาดจากการที่อ่านตาม “สคริปต์” จึงขอน้อมรับความผิดแต่เพียงผู้เดียว

การออกมาของ “พล.อ.ชัยสิทธิ์” เสมือนการโยนบาปให้คนอื่น โดยที่ตัวเองไม่ต้องรับผิดกับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น การออกมาของ “พ.ต.ท.กุลธน” เสมือนการปกป้องผู้เป็น “นาย” ไม่ให้ลงมาแปดเปื้อนกับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น

แต่ก็ไม่อาจจะปฏิเสธได้ว่าการออกมาส่งสัญญาณของทั้ง “พล.อ.ชัยสิทธิ์” และ “พ.ต.ท.กุลธน” คือการแก้เกมทางการเมือง ที่ไม่ต้องการให้ “ฝ่ายตรงข้าม” นำเรื่องนี้ไปขยายผลกระทบชิ่งไปยัง “ยิ่งลักษณ์” และ “ทักษิณ” เพราะนั่นอาจจะทำให้เสถียรภาพของ “รัฐบาล” สั่นคลอนลงได้

แว่วมาว่าในช่วงเย็นวันที่ 13 ธันวาคม ภายหลังที่ “สำนักราชเลขาธิการ” ออกมาเปิดเผยเรื่องดังกล่าว “พล.อ.ชัยสิทธิ์” ที่ตกอยู่ในอาการว้าวุ่นทั้งวัน ได้รับโทรศัพท์จาก “ยิ่งลักษณ์” ที่ได้สอบถามถึงความเป็นมาและสาเหตุที่เกิดขึ้น

“พี่ตุ้ยเรื่องมันเกิดขึ้นได้อย่างไร ทำไมถึงผิดพลาดค่ะ” เป็นถ้อยคำที่ “ยิ่งลักษณ์” ยิงตรงต่อ “พล.อ.ชัยสิทธิ์” ซึ่งผู้เป็นพี่ชายได้แต่อ้ำอึ้ง ตอบเพียงว่าขอยอมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้นและพร้อมที่จะชี้แจงต่อสาธารณะ

ซึ่ง “พล.อ.ชัยสิทธิ์” แพลมออกมาว่าหากสถานการณ์ไปไกลเกินคาด ก็เตรียมหมากแก้เกมไว้แล้ว โดยจะบอกว่า “ยังไม่มีการมอบถ้วย” ให้กับผู้เข้าแข่งขันแต่อย่างใด ส่วนจะอ้างได้หรือไม่คนที่อยู่ในงานทั้งหมดเป็น “พยานปากเอก”

ทั้งหมดแสดงให้เห็นว่า “บิ๊กตุ้ย” เตรียมทางหนีทีไล่ไว้เป็นอย่างดี โดยมี “สารวัตรต้น” เป็นแพะรับบาปแทน แต่ก็ไม่อาจรับแทนได้ทั้งหมด เพราะหากมองในภาพรวมของงานทั้งหมด ทุกอย่างได้ถูกจัดเตรียมเป็นขั้นตอนอย่างดิบดี แทบที่จะไม่มีข้อผิดพลาด

ลำพังจะมาอ้างว่าอ่านตาม “สคริปต์” ที่เขียนพลาดคงง่ายเกินไปที่จะนำมากล่าวอ้าง เพราะการจัดงานทั้งที่ไม่ได้รับพระบรมราชานุญาต ก็ส่อเจตนาร้ายแล้ว จะลบบาดแผลฉลากออกจากใจคนไทยเพียงแค่คำ “ขอโทษ” คงจะง่ายเกินไป

หลังจากนี้ “องค์กรอิสระ” คงต้องทำงานอย่างเต็มที่ ในการจะเข้าไปต้องตรวจสอบเรื่องนี้อย่างเข้มข้น และต้องนำคนผิดมาดำเนินการให้ได้

โดยเฉพาะในรายของ “ยิ่งลักษณ์-ศันสนีย์-ธีระพงศ์-ผอ.ช่อง 11” ซึ่งทั้งหมดมีหน้าที่รับผิดชอบต่อบ้านเมืองโดยตรง รวมถึง “พล.อ.ชัยสิทธิ์-พ.ต.ท.กุลธน” ที่กระทำส่อเจตนาไม่ดี

และตัวการสำคัญอย่าง “ทักษิณ” ที่ควรถูกนำตัวมาลงโทษมากกว่าใครเพื่อน

เพราะแม้ “พล.อ.ชัยสิทธิ์” จะอ้างว่าผิดพลาดและเป็นเรื่องมิบังควรจริง แต่กรณีดังกล่าวแสดงให้เห็นเจตนาอย่างชัดเจนว่ามีการนำเรื่อง “ถ้วยพระราชทาน” ไปแอบอ้าง จะมาบอกไม่รู้ไม่ทราบหรือเกิดข้อผิดพลาดไม่ได้เป็นอันขาด

ที่สำคัญหากไม่มีการลงโทษจะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีในอนาคตก็ได้ เพราะหากจะมีการจัดการแข่งขัดรายการใดขึ้น แล้วนำมาอ้างว่าเป็น “ถ้วยพระราชทาน” เพื่อดึงดูดความสนใจคงกระทำกันได้หมด

งานนี้ต้องมีการเชือดไก่ให้ลิงดู เพื่อปกป้อง “สถาบันพระมหากษัตริย์” ไม่ให้ผู้ที่หวังดีประสงค์ร้าย นำไปแอบอ้างหาผลประโยชน์ได้อีก
กำลังโหลดความคิดเห็น