รองโฆษกประชาธิปัตย์ ยื่นผู้ตรวจฯ สอบ “ยิ่งลักษณ์-ศันสนีย์” ละเว้นปฏิบัติหน้าที่ พร้อมเอาผิด “ชัยสิทธิ์-พานทองแท้” ฉ้อโกง ใช้ข้อความอ้างอิงสถาบันโดยไม่ได้รับพระบรมราชานุญาต หลังแพร่ภาพ “นช.แม้ว” และแอบอ้างมวยชิงถ้วยพระราชทาน จ่อยื่นฟัน ป.ป.ช.ด้วย
วันนี้ (10 ม.ค.) น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้เข้าพบผู้ตรวจการแผ่นดิน ยื่นเรื่องสอบสวนข้อเท็จจริงพร้อมชี้มูลความผิดส่งฝ่ายเกี่ยวข้องตามอำนาจ ขอให้ใช้อำนาจตามกฎหมายรัฐธรรมนูญทำการสืบสวนสอบสวนการกระทำความผิดด้านจริยธรรม ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี และธรรมาภิบาล และส่งให้หน่วยงานเกี่ยวข้องดำเนินคดีต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และน.ส.ศันสนีย์ นาคพงศ์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
นอกจากนี้ น.ส.มัลลิกายังให้เอาผิดต่อ พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีต ผบ.สส. ในฐานะประธานสหพันธ์มวยไทยอาชีพโลก เป็นประธานจัดงาน นายพานทองแท้ ชินวัตร ผู้โฆษณาเผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊ก หรือโซเชียลเน็ตเวิร์ก ให้ติดตามชม หรือผู้เกี่ยวข้องอื่นอีกในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันโฆษณาโดยใช้ข้อความที่จะก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับงาน และโดยใช้ข้อความที่ใช้หรืออ้างอิงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์โดยไม่ได้รับพระบรมราชานุญาต ไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภคหรืออาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสังคมส่วนรวม ต่อกรณีที่สถานีโทรทัศน์ NBT ได้เผยแพร่ภาพ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้ต้องหาตามหมายจับนั้น และทั้งหมดได้มีการแอบอ้างว่าเป็นงานชกมวยชิงถ้วยพระราชทานทั้งที่ยังมิได้ขอหรือมิได้มีพระบรมราชานุญาต เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2555 โดยให้ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นประธานจัดงาน “มวยไทย วอร์ริเออร์ส” ที่นครมาเก๊า โดยมีการโฆษณาให้ประชาชนทั่วไปหลงเชื่อว่าการแข่งขันมวยไทยชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จนทำให้เข้าใจว่างานดังกล่าวสามารถเผยแพร่พฤติกรรมของนักโทษหลบหนีคดีได้เนื่องจากเป็นงานที่มีการพระราชทานถ้วยรางวัล อีกทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดได้ออกมาให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชน โดยยอมรับพร้อมอ้างว่าสามารถถ่ายทอดออกอากาศได้เพราะเป็นงานที่แสดงความจงรักภักดี เป็นการมาเกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์
“อีกทั้งการนำตรามงกุฎไปใช้พิมพ์ที่ถ้วยรางวัลนั้นก็ไม่ได้รับอนุญาตจากสำนักพระราชวัง และสำนักราชเลขาธิการ จึงถือเป็นความเท็จทั้งสิ้น ทั้งหมดจึงมีความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 มาตรา 47, 48 และ 59 และ พ.ร.บ.เครื่องหมายราชการ พ.ศ. 2484 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341, 343 และ 83 และมาตรา 157 สำหรับผู้ดำรงตำแหน่งข้าราชการและข้าราชการการเมือง อันเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท” น.ส.มัลลิกากล่าว
น.ส.มัลลิกากล่าวว่า อย่างไรก็ตาม หากการตรวจสอบของผู้ตรวจการล่าช้า ตนก็จะยื่นเรื่องต่อ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) หรือกองปราบปราม แต่เพื่อให้เป็นไปตามขั้นตอนจึงเรียนมายังผู้ตรวจการฯเพื่อใช้ข้อมูลเบื้องต้นนี้สืบสวนศึกษาก่อนจะดำเนินการตามอำนาจหน้าที่และสรุปชี้มูลส่งต่อไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายในระยะเวลาไม่เกิน 1 เดือนนับจากนี้เพื่อให้ดำเนินคดีต่อไปตามกฎหมาย พร้อมกันนี้ขอทราบการดำเนินการทุกๆ ระยะอีกด้วย