พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่ได้มีการลงนามเพิกถอนคำสั่งการบรรจุเข้ารับราชการทหารของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และเพิกถอนคำสั่งการแต่งตั้งเป็นนายทหารสัญญาบัตรว่า เหตุเกิดจากความไม่สุจริต โดยหลีกเลี่ยง ขัดขืน หลบหนีการเกณฑ์ทหาร เมื่อปี 2530 และทางกระทรวงกลาโหมได้ดำเนินการต่อนายอภิสิทธิ์ กรณีนำหลักฐานไม่ถูกต้อง เข้ารับราชการ ทั้งการบรรจุ การแต่งตั้งยศ ถือว่าสิ้นสุด และเสร็จสิ้นตามกระบวนการอย่างสมบูรณ์แล้ว ขณะนี้จึงถือว่า ผ่านพ้นขั้นตอนของกระทรวงกลาโหมไปแล้ว
สำหรับยศร้อยตรี ซึ่งเป็นยศพระราชทาน ทางโรงเรียนนายร้อยจปร. จะต้องเป็นหน่วยในการดำเนินการทำเรื่องขอถอดยศ มายังกองทัพบก แล้วเสนอมายังกระทรวงกลาโหม เพื่อเสนอไปยังสำนักงานราชเลขาธิการ สำนักพระราชวัง ตามขั้นตอนต่อไป
ส่วนกรณีที่นายอภิสิทธิ์ ได้ยื่นเรื่องต่อศาลปกครอง เพื่อให้ระงับคำสั่งชั่วคราวนั้น ขณะนี้ทางกระทรวงกลาโหมได้ทำหนังสือยืนยันไปยังศาลปกครองว่า คำสั่งของกระทรวงกลาโหม เป็นคำสั่ง “ปลด” ในฐานะที่ ว่าที่ ร.ต.อภิสิทธิ์ ทำผิดวินัยร้ายแรง เมื่อ 2 มิถุนายน 2531 โดยนำเอกสารเท็จไปขึ้นทะเบียนกองประจำการที่ถือเป็นการกระทำไม่ถูกต้อง ผิดกฎหมาย จึงต้องเรียนให้ทราบว่า เรื่องของวินัยทหาร กฎหมายทหาร ทางกฎหมายก็เขียนไว้ชัดเจนว่า เป็นเรื่องภายในกองทัพ ทางศาลปกครองไม่มีอำนาจในการรับฟ้องคดี และกรณีดังกล่าวเป็นกฎหมายทหาร ศาลปกครองจึงไม่มีอำนาจ หรือวินิจฉัยชี้ขาดโดยเฉพาะที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับวินัยทหาร
**ซัด"สุกำพล"จ้องเล่นงานไม่ดูความจริง
ด้านนายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ไม่ได้เป็นเรื่องที่แปลกใจ เพราะทราบอยู่แล้วว่ามีแนวทางที่จะพยายามทำหลายอย่าง
"ก็ไม่เป็นเรื่องที่แปลกใจเท่าไหร่ เพราะว่าทราบอยู่แล้วว่ามีแนวทางที่จะพยายามทำหลายอย่าง เพียงแต่ว่าสิ่งที่ออกมานั้น ผมคิดว่าก็เป็นการตอกย้ำหลายสิ่งหลายอย่างที่ได้เคยอธิบายให้ฟัง ประเด็นแรก ถ้าใครอ่านคำสั่งทั้ง 2 คำสั่ง แล้วก็ไปผนวกกับคำสั่งก่อนหน้านี้ ที่ปลดผมออกจากราชการ จะพบอันแรกๆ ง่ายๆ เลยก็คือว่า เป็นคำสั่งที่ขัดแย้งกันเอง ถามว่าทำไมขัดแย้งกันเอง เพราะว่าคำสั่งที่ออกมาเมื่อวาน (2ม.ค.) บอกว่าให้ยกเลิกคำสั่งที่รับผมเข้ารับราชการ แล้วก็ย้อนหลังไปมีผลตั้งแต่วันที่รับ โดยสรุปก็คือ ถ้าคำสั่งนี้มีผลจริง ก็แปลว่า ผมไม่เคยเข้ารับราชการเลย เป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อย เป็นนายทหารสัญญาบัตร แล้วก็มาเป็นร้อยตรี แต่คำสั่งที่แล้ว ที่ออกมาแถลง แล้วก็เล่นงานผม และก็พยายามนำไปสู่การไปยื่นตีความคุณสมบัติผมนั้น บอกว่าผมเป็นข้าราชการทหาร ซึ่งต้องอยู่ภายใต้บังคับกฎหมายวินัยทหาร แล้วก็ไปทำผิด ก็เลยปลดออก มันก็ขัดกันเองครับ เพราะว่า ถ้าคำสั่งเมื่อวาน มีผลย้อนหลังไปอย่างที่ว่าจริง แล้วจะปลดผมออกยังไงล่ะครับ ก็ไม่เคยรับผมเข้าไป ผมก็เลยอยากจะย้ำครับว่า เป็นความพยายามว่าจะหาอะไรก็ได้มาเล่นงานไปเรื่อยๆ โดยไม่ดูแม้แต่ข้อเท็จจริง เหตุผล ข้อกฎหมาย ที่ขัดแย้งกันเอง และผมก็ยืนยันว่า ตามที่บรรยายเอาไว้ในคำสั่งว่า เป็นเรื่องที่ผมไปทำการหลอกลวงเจ้าหน้าที่ ไม่มีอะไรเลยครับที่เป็นในลักษณะอย่างนั้น ผมยื่นใบสมัครเข้าไปแล้ว ท่านรมว.กลาโหม ในขณะนั้นเห็นสมควร ก็อนุมัติ ไม่มีตรงไหนเลยที่ไปหลอกลวงอะไรทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นก็คงจะต้องไปที่ศาลปกครอง กับ ป.ป.ช. กันอีกรอบ คุณสุกำพล ก็สะสมแต้มไป เพราะว่าจะเป็นอีก 2 คดี 1 ที่ศาลปกครอง แล้วก็อีก 1 คดีที่ ป.ป.ช. " นายอภิสิทธิ์ กล่าว
**ยันศาลปค.รับคดี "มาร์ค"ได้
ด้านนายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะคนใกล้ชิด นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงกรณี พล.อ.อ.สุกำพล อ้างว่าศาลปกครอง ไม่มีอำนาจพิจารณาการเพิกถอนคำสั่งการบรรจุเข้ารับราชการทหารของนายอภิสิทธิ์ และการเพิกถอนคำสั่งการแต่งตั้งเป็นนายทหารสัญญาบัตรว่า เรื่องดังกล่าว ศาลปกครองเคยรับไว้พิจารณาแล้ว และไม่เกี่ยวกับวินัยทหาร แต่เป็นการถอดยศโดยมิชอบ ทำให้เป็นคำสั่งไม่ชอบด้วยกฎหมายอยู่แล้ว ก็ต้องเข้าสู่กระบวนการพิจารณาศาลปกครอง ตนคิดว่า พล.อ.อ.สุกำพล มีปัญหาทางข้อกฎหมายมาก ไม่รู้ว่าให้ใครเป็นกุนซือทางกฎหมาย เพราะผิดพลาด และปล่อยไก่ตลอด คำสั่งที่ออกมาเมื่อวันที่ 2 ม.ค. ก็ขัดแย้งกันเองอยู่แล้ว เพราะครั้งแรกออกคำสั่งปลดออกจากราชการ แสดงให้เห็นว่า นายอภิสิทธิ์ ก็ต้องเป็นข้าราชการ จึงจะปลดได้ แต่ล่าสุดกลับเป็นคำสั่งเพิกถอนไม่ได้เป็นข้าราชการตั้งแต่ต้น ทำให้ขัดแย้งกันเอง แสดงให้เห็นถึงความไม่สุจริตในการทำหน้าที่ของพล.อ.อ.สุกำพล
ทั้งนี้หลักฐานได้ยืนยันให้เห็นว่า พล.อ.อ.สุกำพล ไม่สุจริตใจในการดำเนินการครั้งนี้ เป็นเรื่องที่กลั่นแกล้งทางการเมือง อย่างไรก็ตามขณะนี้อยู่ระหว่างการร่างคำฟ้อง โดยนายบัณฑิต ศิริพันธ์ ทนายความนายอภิสิทธิ์ เป็นผู้รับผิดชอบ
**เย้ย"สุกำพล"ลูกไล่"โอ๊ค"
น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มีสื่อมวลชนตั้งฉายา พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหมว่า “โอ๋เด็กโอ๊ค” สะท้อนชัดเจนว่า เอานโยบายเด็กคือนายพานทองแท้ ชินวัตร ซึ่งเรียนแค่ รด. มาใช้เป็นนโยบายในการทำงานด้านความมั่นคง และการมุ่งเอาผิดกับนายอภิสิทธิ์ ก็ถือเป็นพฤติกรรมคอร์รัปชั่นทางการใช้อำนาจและบริหาร โดยเฉพาะการออกคำสั่งถอดยศ นายอภิสิทธิ์ และการยกเลิกการเข้ารับราชการของนายอภิสิทธิ์ย้อนหลัง แต่กลับไม่มีความคืบหน้าในการแก้ปัญหาความไม่สงบในภาคใต้ และวิกฤตชายแดนไทย-กัมพูชา เท่ากับว่า พล.อ.อ.สุกำพล มุ่งแก้แค้น ไม่แก้ไข เป็นพฤติกรรมที่แย่มาก หากในปีนี้ยังมีผลงานเพียงเท่านี้ เชื่อว่าทนายความของนายอภิสิทธิ์ จะดำเนินการตามกฎหมาย จึงเชื่อว่าจะมีชะตากรรมไม่ต่างจาก พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ที่ถูกศาลตัดสินจำคุก 3 ปี 4 เดือน จากการจ้างพรรคเล็กลงสมัครรับเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 2 เม.ย. 49 และขณะนี้ไม่มีใครใส่ใจดูแล จึงอยากให้พล.อ.อ.สุกำพลได้ตระหนักว่า ชะตากรรมของตนเองไม่คุก ก็ไม่ตายดี ถ้ายังไม่เอาประเทศเป็นที่ตั้งแบบนี้ หากภายในเดือนสองเดือนนี้ยังไม่มีผลงานอื่นนอกจากการชำระแค้นด้วยการเอาผิดกับนายอภิสิทธิ์ นายกฯควรเปลี่ยน รมว.กลาโหม ให้ นายพานทองแท้ มาเป็นแทน เพราะสามารถครอบงำ รมว.กลาโหมได้
**กกต.สอบคุณสมบัติ"มาร์ค"ไม่เสร็จ
นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) กล่าวถึงกรณี นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว.สรรหา ร้องขอให้ตรวจสอบคุณสมบัติ ส.ส. ของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จากกรณีที่ รมว.กลาโหม มีคำสั่งให้ออกจากราชการ กรณีทุจริตเข้ารับราชการ ที่โรงเรียนนายร้อยจปร. ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการไต่สวน ซึ่งมีพยานเป็นจำนวนมาก ยังไม่แล้วเสร็จ
สำหรับยศร้อยตรี ซึ่งเป็นยศพระราชทาน ทางโรงเรียนนายร้อยจปร. จะต้องเป็นหน่วยในการดำเนินการทำเรื่องขอถอดยศ มายังกองทัพบก แล้วเสนอมายังกระทรวงกลาโหม เพื่อเสนอไปยังสำนักงานราชเลขาธิการ สำนักพระราชวัง ตามขั้นตอนต่อไป
ส่วนกรณีที่นายอภิสิทธิ์ ได้ยื่นเรื่องต่อศาลปกครอง เพื่อให้ระงับคำสั่งชั่วคราวนั้น ขณะนี้ทางกระทรวงกลาโหมได้ทำหนังสือยืนยันไปยังศาลปกครองว่า คำสั่งของกระทรวงกลาโหม เป็นคำสั่ง “ปลด” ในฐานะที่ ว่าที่ ร.ต.อภิสิทธิ์ ทำผิดวินัยร้ายแรง เมื่อ 2 มิถุนายน 2531 โดยนำเอกสารเท็จไปขึ้นทะเบียนกองประจำการที่ถือเป็นการกระทำไม่ถูกต้อง ผิดกฎหมาย จึงต้องเรียนให้ทราบว่า เรื่องของวินัยทหาร กฎหมายทหาร ทางกฎหมายก็เขียนไว้ชัดเจนว่า เป็นเรื่องภายในกองทัพ ทางศาลปกครองไม่มีอำนาจในการรับฟ้องคดี และกรณีดังกล่าวเป็นกฎหมายทหาร ศาลปกครองจึงไม่มีอำนาจ หรือวินิจฉัยชี้ขาดโดยเฉพาะที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับวินัยทหาร
**ซัด"สุกำพล"จ้องเล่นงานไม่ดูความจริง
ด้านนายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ไม่ได้เป็นเรื่องที่แปลกใจ เพราะทราบอยู่แล้วว่ามีแนวทางที่จะพยายามทำหลายอย่าง
"ก็ไม่เป็นเรื่องที่แปลกใจเท่าไหร่ เพราะว่าทราบอยู่แล้วว่ามีแนวทางที่จะพยายามทำหลายอย่าง เพียงแต่ว่าสิ่งที่ออกมานั้น ผมคิดว่าก็เป็นการตอกย้ำหลายสิ่งหลายอย่างที่ได้เคยอธิบายให้ฟัง ประเด็นแรก ถ้าใครอ่านคำสั่งทั้ง 2 คำสั่ง แล้วก็ไปผนวกกับคำสั่งก่อนหน้านี้ ที่ปลดผมออกจากราชการ จะพบอันแรกๆ ง่ายๆ เลยก็คือว่า เป็นคำสั่งที่ขัดแย้งกันเอง ถามว่าทำไมขัดแย้งกันเอง เพราะว่าคำสั่งที่ออกมาเมื่อวาน (2ม.ค.) บอกว่าให้ยกเลิกคำสั่งที่รับผมเข้ารับราชการ แล้วก็ย้อนหลังไปมีผลตั้งแต่วันที่รับ โดยสรุปก็คือ ถ้าคำสั่งนี้มีผลจริง ก็แปลว่า ผมไม่เคยเข้ารับราชการเลย เป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อย เป็นนายทหารสัญญาบัตร แล้วก็มาเป็นร้อยตรี แต่คำสั่งที่แล้ว ที่ออกมาแถลง แล้วก็เล่นงานผม และก็พยายามนำไปสู่การไปยื่นตีความคุณสมบัติผมนั้น บอกว่าผมเป็นข้าราชการทหาร ซึ่งต้องอยู่ภายใต้บังคับกฎหมายวินัยทหาร แล้วก็ไปทำผิด ก็เลยปลดออก มันก็ขัดกันเองครับ เพราะว่า ถ้าคำสั่งเมื่อวาน มีผลย้อนหลังไปอย่างที่ว่าจริง แล้วจะปลดผมออกยังไงล่ะครับ ก็ไม่เคยรับผมเข้าไป ผมก็เลยอยากจะย้ำครับว่า เป็นความพยายามว่าจะหาอะไรก็ได้มาเล่นงานไปเรื่อยๆ โดยไม่ดูแม้แต่ข้อเท็จจริง เหตุผล ข้อกฎหมาย ที่ขัดแย้งกันเอง และผมก็ยืนยันว่า ตามที่บรรยายเอาไว้ในคำสั่งว่า เป็นเรื่องที่ผมไปทำการหลอกลวงเจ้าหน้าที่ ไม่มีอะไรเลยครับที่เป็นในลักษณะอย่างนั้น ผมยื่นใบสมัครเข้าไปแล้ว ท่านรมว.กลาโหม ในขณะนั้นเห็นสมควร ก็อนุมัติ ไม่มีตรงไหนเลยที่ไปหลอกลวงอะไรทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นก็คงจะต้องไปที่ศาลปกครอง กับ ป.ป.ช. กันอีกรอบ คุณสุกำพล ก็สะสมแต้มไป เพราะว่าจะเป็นอีก 2 คดี 1 ที่ศาลปกครอง แล้วก็อีก 1 คดีที่ ป.ป.ช. " นายอภิสิทธิ์ กล่าว
**ยันศาลปค.รับคดี "มาร์ค"ได้
ด้านนายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะคนใกล้ชิด นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงกรณี พล.อ.อ.สุกำพล อ้างว่าศาลปกครอง ไม่มีอำนาจพิจารณาการเพิกถอนคำสั่งการบรรจุเข้ารับราชการทหารของนายอภิสิทธิ์ และการเพิกถอนคำสั่งการแต่งตั้งเป็นนายทหารสัญญาบัตรว่า เรื่องดังกล่าว ศาลปกครองเคยรับไว้พิจารณาแล้ว และไม่เกี่ยวกับวินัยทหาร แต่เป็นการถอดยศโดยมิชอบ ทำให้เป็นคำสั่งไม่ชอบด้วยกฎหมายอยู่แล้ว ก็ต้องเข้าสู่กระบวนการพิจารณาศาลปกครอง ตนคิดว่า พล.อ.อ.สุกำพล มีปัญหาทางข้อกฎหมายมาก ไม่รู้ว่าให้ใครเป็นกุนซือทางกฎหมาย เพราะผิดพลาด และปล่อยไก่ตลอด คำสั่งที่ออกมาเมื่อวันที่ 2 ม.ค. ก็ขัดแย้งกันเองอยู่แล้ว เพราะครั้งแรกออกคำสั่งปลดออกจากราชการ แสดงให้เห็นว่า นายอภิสิทธิ์ ก็ต้องเป็นข้าราชการ จึงจะปลดได้ แต่ล่าสุดกลับเป็นคำสั่งเพิกถอนไม่ได้เป็นข้าราชการตั้งแต่ต้น ทำให้ขัดแย้งกันเอง แสดงให้เห็นถึงความไม่สุจริตในการทำหน้าที่ของพล.อ.อ.สุกำพล
ทั้งนี้หลักฐานได้ยืนยันให้เห็นว่า พล.อ.อ.สุกำพล ไม่สุจริตใจในการดำเนินการครั้งนี้ เป็นเรื่องที่กลั่นแกล้งทางการเมือง อย่างไรก็ตามขณะนี้อยู่ระหว่างการร่างคำฟ้อง โดยนายบัณฑิต ศิริพันธ์ ทนายความนายอภิสิทธิ์ เป็นผู้รับผิดชอบ
**เย้ย"สุกำพล"ลูกไล่"โอ๊ค"
น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มีสื่อมวลชนตั้งฉายา พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหมว่า “โอ๋เด็กโอ๊ค” สะท้อนชัดเจนว่า เอานโยบายเด็กคือนายพานทองแท้ ชินวัตร ซึ่งเรียนแค่ รด. มาใช้เป็นนโยบายในการทำงานด้านความมั่นคง และการมุ่งเอาผิดกับนายอภิสิทธิ์ ก็ถือเป็นพฤติกรรมคอร์รัปชั่นทางการใช้อำนาจและบริหาร โดยเฉพาะการออกคำสั่งถอดยศ นายอภิสิทธิ์ และการยกเลิกการเข้ารับราชการของนายอภิสิทธิ์ย้อนหลัง แต่กลับไม่มีความคืบหน้าในการแก้ปัญหาความไม่สงบในภาคใต้ และวิกฤตชายแดนไทย-กัมพูชา เท่ากับว่า พล.อ.อ.สุกำพล มุ่งแก้แค้น ไม่แก้ไข เป็นพฤติกรรมที่แย่มาก หากในปีนี้ยังมีผลงานเพียงเท่านี้ เชื่อว่าทนายความของนายอภิสิทธิ์ จะดำเนินการตามกฎหมาย จึงเชื่อว่าจะมีชะตากรรมไม่ต่างจาก พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ที่ถูกศาลตัดสินจำคุก 3 ปี 4 เดือน จากการจ้างพรรคเล็กลงสมัครรับเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 2 เม.ย. 49 และขณะนี้ไม่มีใครใส่ใจดูแล จึงอยากให้พล.อ.อ.สุกำพลได้ตระหนักว่า ชะตากรรมของตนเองไม่คุก ก็ไม่ตายดี ถ้ายังไม่เอาประเทศเป็นที่ตั้งแบบนี้ หากภายในเดือนสองเดือนนี้ยังไม่มีผลงานอื่นนอกจากการชำระแค้นด้วยการเอาผิดกับนายอภิสิทธิ์ นายกฯควรเปลี่ยน รมว.กลาโหม ให้ นายพานทองแท้ มาเป็นแทน เพราะสามารถครอบงำ รมว.กลาโหมได้
**กกต.สอบคุณสมบัติ"มาร์ค"ไม่เสร็จ
นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) กล่าวถึงกรณี นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว.สรรหา ร้องขอให้ตรวจสอบคุณสมบัติ ส.ส. ของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จากกรณีที่ รมว.กลาโหม มีคำสั่งให้ออกจากราชการ กรณีทุจริตเข้ารับราชการ ที่โรงเรียนนายร้อยจปร. ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการไต่สวน ซึ่งมีพยานเป็นจำนวนมาก ยังไม่แล้วเสร็จ