ผ่าประเด็นร้อน
หลายคนอาจจะไม่สะใจกับฉายาของรัฐบาล ฉายาของ นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รวมไปถึงฉายาของบรรดารัฐมนตรีหลายคน ที่สื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาลตั้งให้และเผยแพร่ออกมา แต่ถ้าพิจารณาจากความหมายที่สื่อออกมาให้เห็นก็ต้องยอมรับว่า “ตรงเป๊ะ” และเชื่อว่าคงจะสั่นสะเทือนความรู้สึกของชาวบ้านทั่วไป โดยเฉพาะความรู้สึกของมวลชนคนเสื้อแดงได้พอสมควร
อย่างน้อยคงต้องตื่นจากภวังค์กลับมาสู่ความจริงมากขึ้นว่าผลงานและพฤติกรรมของคนในรัฐบาล รวมไปถึงคนในครอบครัวของ ทักษิณ ชินวัตร ที่พวกเขาหลับหูหลับตาปกป้องทุกเรื่องนั้นแท้ที่จริงแล้วเป็นอย่างไร
ว่าสิ่งที่ตัวเองทุ่มเทให้อย่างเต็มที่ ผลสะท้อนที่กลับมานั้นมันคุ้มค่า และเป็นจริงแค่ไหน รวมทั้งประโยชน์นั้นตกมาถึงคนส่วนใหญ่หรือไม่ หรือว่ามีเพียงคนหยิบมือเดียวเท่านั้นที่ได้ประโยชน์ ได้ประโยชน์บนซากศพคราบน้ำตาของชาวบ้าน โดยเฉพาะมวลชนคนเสื้อแดงระดับล่าง
ฉายาของรัฐบาลที่ว่า “พี่คนแรก” มองเผินๆอาจดูไม่เข้าใจว่าหมายถึงอะไร แต่พอรับรู้ถึงคำอธิบายว่า “ทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของพี่ชาย” หรือปัญหาของพี่ชาย คือ ทักษิณ ชินวัตร ต้องมาก่อน ให้ความสำคัญกว่าเรื่องปัญหาปากท้องของชาวบ้าน มากกว่าเรื่องการแก้ปัญหาทุจริตคอรัปชั่น
ส่วนฉายาของ นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร “ปูกรรเชียง” ความหมายก็คือ ลอยตัวหนีปัญหา ไม่มีผลงานเป็นรูปธรรม ดีแต่เดินโชว์ แต่งตัวสวยไปวันๆ อะไรประมาณนี้
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ฉายา “กันชนตระกูลชิน” ซึ่งถ้าจะให้ตรงๆเข้าใจง่ายน่าจะบอกว่า “ขี้ข้าตระกูลชิน” ดีกว่า แต่เอาเถอะ เมื่อพิจารณาความหมายที่ว่าทุกอย่างเพื่อปกป้อง นายใหญ่ คือ ทักษิณ ชินวัตร และคนในครอบครัวทั้งในและนอกสภา กล้าชนทุกอย่างยกเว้นเดินทางลงไปแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ตามหน้าที่รับผิดชอบ อย่างไรก็ดีอาจจะผิดเพี้ยนอยู่บ้างในเรื่องที่บอกว่ามีผลงานเรื่องการปราบปรามยาเสพติด เพราะถ้าถูกต้องน่าจะเป็นการ “ตีปี๊บ” ได้ดังกว่าเท่านั้น และถือว่าเป็น “งานหมู” สร้างภาพได้เร็วมากกว่าการแก้ปัญหาชายแดนใต้ ที่เสี่ยงและหิน อีกทั้งยังไม่ได้หน้าได้ตา เอามาสร้างผลงานคุยโม้ไม่ได้ต่างหาก
ส่วนรัฐมนตรีคนอื่นๆ เช่น รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กิตติรัตน์ ณ ระนอง กับฉายา “ลูกไก่ไวต์ลาย” ที่นำมาล้อกับชื่อเล่นว่า “โต้ง” แต่ที่ผ่านมาผลงานในฐานะ “ขุนคลัง” เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ แต่ผลงานห่วยแตก-อ่อนหัด มิหนำซ้ำยังโกหกสร้างภาพเศรษฐกิจเกินจริง ก็สมแล้วที่เป็นได้ แค่ “ลูกไก่ หรือไก่อ่อนขี้โกหก”
พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ฉายา “ตามล่าหน้าหล่อ” ดูเผินๆก็เฉยๆ แต่เมื่อได้อ่านคำอธิบายก็ต้องบอกว่า “เจ็บแสบ” ไม่เบา เพราะบอกว่ามีตำแหน่งใหญ่โต แต่ไม่มีผลงานด้านความมั่นคง ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน มีผลงานที่โดดเด่นเพียงอย่างเดียวคือตามถอดยศ ร้อยตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เท่านั้น แถมยังถูก โอ๊ค พานทองแท้ ชินวัตร ลูกเจ้านาย ที่เปรียบเหมือน “เด็กเมื่อวานซืน” สั่งสอน เสียมวยไปเลย
บุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ฉายา “บุญทรุด” นี่ก็ชัดอยู่แล้วกับความห่วยแตกสารพัดเรื่อง ทั้งจำนำข้าว ของแพง
แต่ที่มองข้ามไปไม่ได้เป็นอันขาดก็คือ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กับฉายา “ไพร่เทียม” ความหมายก็เป็นไปตามนั้นคือ เป็นโควตาหนึ่งเดียวของ นปช.คนเสื้อแดงที่ได้เป็นรัฐมนตรี แม้ในการปรับคณะรัฐมนตรีล่าสุดก็ยังคงได้เป็นรัฐมนตรี ส่งผลให้ นายจตุพร พรหมพันธุ์ หนึ่งในแกนนำ นปช.ที่ได้รับการคาดหมายจะได้รับตำแหน่งต้องพลาดหวัง ขณะที่ผลงานไม่เด่นชัดมีชัดเจนเพียงการพูดเก่ง ดีแต่ปาก ขณะที่เมื่อมาเป็นรัฐมนตรี กลับใช้ชีวิตและการทำงานลักษณะอำมาตย์ ไม่ต่างจากคำว่าไพร่เทียม ซึ่งก็ถือว่าชัดเจนให้ความหมายตรงใจที่สุด
เมื่อพิจารณาจากฉายาที่สื่อประจำทำเนียบรัฐบาลตั้งให้ในปีนี้ถือว่าเป็นการสะท้อนความจริงได้ดีที่สุด และยังสะท้อนให้เห็นว่าสื่อส่วนใหญ่ยังเข้าใจสถานการณ์ได้ดีพอประมาณ ไม่เสียแรงที่อยู่ใกล้ชิด ได้เห็นการทำงานของรัฐบาล นายกรัฐมนตรี ลงมาจนถึงบรรดารัฐมนตรีต่างๆว่าเป็นอย่างไร ขณะที่หลายคนที่ไม่มีชื่อติดโผก็ใช่ว่าจะมีผลงานโดดเด่นอะไร เพียงแต่ว่าบางครั้งไร้แก่นสารจนแทบไม่มีคุณค่าพอที่จะเอ่ยถึง อย่างเช่น ถ้าถามว่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศ สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล มีผลงานที่โดดเด่นอะไรบ้าง คำตอบก็มีอยู่เรื่องเดียวคือ อำนวยความสะดวกให้กับ ทักษิณ ชินวัตร เท่านั้น
ฉายารัฐบาลที่สะท้อนออกมาพร้อมกับมีความหมายประกอบให้เห็นภาพ มันก็ยิ่งตอกย้ำได้ดีที่สุดว่า รัฐบาล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลล้วนแล้วแต่สร้างความเสื่อมถอย เสื่อมศรัทธาลงไปทุกวัน อีกทั้งยังทำให้สังคมได้ตั้งสติฉุกคิดได้บ้างว่า แท้จริงแล้วคนพวกนี้ทำทุกอย่างเพื่อเอาใจและเพื่อประโยชน์ของ ทักษิณ ชินวัตร เพียงคนเดียว ขณะที่ตัวเองก็ได้กอบโกยไปด้วย ซึ่งแม้ว่าคนอื่นที่ติดตามสถานการณ์อย่างเข้าใจมองออกมาตั้งนานแล้ว แต่สำหรับมวลชนคนเสื้อแดงคราวนี้จะ “ตาสว่าง” และยอมรับความจริงกันบ้าง !!
