xs
xsm
sm
md
lg

กิตติรัตน์-บุญทรง-ปึ้ง สายแข็ง-ผลงานห่วยแตกก็แน่นปึ้ก!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กิตติรัตน์ ณ ระนอง
ผ่าประเด็นร้อน

ด้เห็นโฉมหน้ารัฐมนตรีใหม่ในคณะรัฐบาล “ยิ่งลักษณ์ 3” กันไปแล้ว หลายคนอาจรู้สึกชาด้านไร้ความรู้สึก ไม่ยินดียินร้าย เพราะไม่เคยฝากความหวังเอาไว้มาตั้งแต่ต้นแล้ว ไม่ว่าจะเป็นตัวผู้นำคือ นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพราะถือว่าด้วยระยะเวลาผ่านมาปีเศษได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า “ไร้มาตรฐาน” อย่างสิ้นเชิง ซึ่งหากจะมีการปรับคณะรัฐมนตรีแบบแก้ปัญหาบ้านเมืองอย่างแท้จริงและถึงแก่นก็ต้องเริ่มจากการเปลี่ยนตัวนายกฯออกไปเป็นคนแรกนั่นแหละ

แต่เมื่อเป็นไปไม่ได้ ก็ต้องมาชี้ให้เห็นว่าการปรับคณะรัฐมนตรีคราวนี้มีเป้าหมายอย่างไร และมีการแบ่งโควตารัฐมนตรีกันอย่างไรบ้าง ขณะเดียวกันก็ต้องเข้าใจกันตั้งแต่เบื้องต้นว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นแค่การแบ่งสรรอำนาจกันภายในครอบครัวเท่านั้น ชาวบ้านทั่วไปมีสถานะไม่ต่างจาก “คนนอก” ไม่มีความหมาย

ตลอดระยะเวลาสองสามวันที่ผ่านมา หลายคนเมื่อได้เห็นโฉมหน้ารัฐมนตรีแต่ละคนแล้ว โดยเฉพาะในตำแหน่งกระทรวงสำคัญก็ได้แต่แปลกใจว่ามันเป็นไปได้อย่างไร บางตำแหน่งที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงความล้มเหลวในการทำงานอย่างสิ้นเชิง ส่อไปในทางทุจริต หรือบางคนถูกมองว่าไม่ได้ทำงานเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ ไม่เคยมีผลงานให้เป็นที่จดจำน่าประทับใจเลยตลอดเวลาที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี แต่กลับกลายเป็นว่าคนพวกนี้กลับยังได้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีต่อไปอย่างมั่นคง บางคนถึงขนาดได้รับ “โบนัส” เพิ่มตำแหน่งพ่วงเข้ามาอีกก็มี

เมื่อผลออกมาอย่างที่เห็นมันก็ต้องมาพิจารณากันอีกแง่มุมหนึ่งว่า พวกเขาไม่ได้แคร์ความรู้สึกของสังคมภายนอกเลยแม้แต่น้อย แต่เป็นเพราะอยู่ในกลุ่มหรืออยู่ในอาณัติของผู้มีอิทธิพลที่เรียกกันให้เข้าใจง่ายก็คือ “เจ้าของ” พรรคและรัฐบาลทำให้มั่นคงในเก้าอี้อย่างไม่น่าเชื่อ

หากพิจารณาจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของ กิตติรัตน์ ณ ระนอง ในฐานะ “หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ” ของรัฐบาลรับรองว่า “น่าผิดหวัง” แน่นอน ทั้งในเรื่องของการส่งออกที่ต่ำกว่าเป้าแบบที่เรียกว่า “หลุดลุ่ย” และต่อมาเจ้าตัวก็ยอมรับเองว่ารู้มาตั้งแต่แรกว่าทำไม่ได้จำเป็นต้อง “โกหก” โดยอ้างว่าเพื่อกระตุ้นการทำงานของทุกฝ่ายและเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน

นอกจากนี้ รัฐบาลภายใต้การกุมบังเหียนด้านเศรษฐกิจของเขาจากเดิมที่เคยกล่าวหาเสียดสีฝ่ายตรงข้ามว่า “ดีแต่กู้” หรือ “ดีแต่โกง” มาวันนี้ทุกอย่างผิดเพี้ยนกลายเป็นตรงกันข้ามและหนักกว่าเดิม ทั้งมีเรื่องการ “หมกเม็ด” เป็นการกู้เงินนอกงบประมาณ เสนอเป็นพระราชกำหนดทั้งที่ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน ขณะเดียวกัน ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้ารัฐบาลโดยกระทรวงการคลังจะเสนอร่างพระราชบัญญัติกู้เงินอีกไม่น้อยกว่า 2 ล้านล้านบาท โดยอ้างว่านำมาลงทุนทางด้านโครงสร้างพื้นฐานและเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ว่าเป็นการก่อหนี้สาธารณะที่ไม่สมเหตุสมผล เป็นการเปิดช่องการหลีกเลี่ยงการตรวจสอบและการซุกหนี้นอกงบประมาณ

อย่างไรก็ดี ไม่ว่าจะผลงานจะห่วยแตก สร้างหนี้สร้างสินให้กับชาติบ้านเมืองแบบไหนก็ตาม ก็ไม่มีผลเพราะในเมื่อเขาอยู่ใน “สายแข็ง” สายตรงในสังกัดของนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ที่กำลังสาง “บางใหม่” ขึ้นมาแบ่งโควตารัฐมนตรีกันในครอบครัว ก็ไม่มีทางกระทบกระเทือน

อีกคนที่ต้องพูดถึงก็คือ บุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จากโครงการอื้อฉาวอัปยศ “จำนำข้าว” นาทีนี้ไม่ต้องพูดถึงกันมาก เพราะเชื่อว่าสังคมย่อมรับรู้กันไปทั่วแล้ว และกำลังรอดูว่าข้าวเปลือกที่รับจำนำมาเกือบ 20 ล้านตันจะกลายเป็น “อาหารมอด” วอดวายกันกี่แสนล้านบาท เรื่องค่าครองชีพที่พุ่งสูงลิบลิ่ว เข้าสู่ยุคข้าวยากหมากแพงเต็มรูปแบบ แต่ก็อย่างว่าหากพิจารณาจากผลงานที่ติดลบสร้างความเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า แต่ก็อย่างว่าเมื่อในวงการรับรู้ว่าเขาคือ “เด็กของเจ๊” ก็ไม่มีปัญหาเช่นเดียวกัน ทั้งที่น่าจะเป็นคนแรกที่จะต้องถูกอัปเปหิออกไป แต่กลายเป็นตรงกันข้าม ยังมั่นคงท้าทายความรู้สึกของชาวบ้านได้อย่างน่าตาเฉย

รายต่อไปก็คือ สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศที่หากพิจารณาในแง่ของการสร้างผลงานเพื่อประโยชน์ของบ้านเมืองตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาก็ยังมองไม่เห็น แต่ถ้าพิจารณาในแง่ของการสร้างประโยชน์ให้ ทักษิณ ชินวัตร ก็ถือว่ามีเกินร้อย แล้วสาเหตุดังกล่าวหรือเปล่าทำให้การปรับคณะรัฐมนตรีคราวนี้เขาได้รับโบนัสเป็นเก้าอี้รองนายกรัฐมนตรีเพิ่มเข้ามาอีก

นี่ว่ากันเฉพาะตำแหน่งรัฐมนตรีหน้าเก่าที่ถือว่า ห่วยแตก สร้างความเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า เน้นเฉพาะบางคนที่ต้องกล่าวถึง และสร้างความเสียหายให้กับบ้านเมืองในวงกว้าง ยังไม่ได้กล่าวถึงรายอื่นที่ความหมายไม่ได้ต่างกัน แต่ถ้าให้สรุปรวมก็ต้องบอกว่า หากพิจารณาจากความล้มเหลวดังกล่าวจะต้องถูกขับไล่ออกไปให้ไกล รวมทั้งต้องสอบสวนถึงเบื้องหลังอีกด้วย แต่กลายเป็นว่าผลออกมาตรงกันข้าม คนพวกนี้ยังลอยหน้าดำรงตำแหน่งต่อไปได้อย่างมั่นคง เพียงเพราะพวกเขามีคนหนุนหลังที่แน่นปึ้ก ทำให้ไม่จำเป็นต้องแคร์ความรู้สึกของชาวบ้าน ตั้งหน้าตั้งตารับใช้ “นาย” อย่างเดียวก็เป็นหลักประกันเก้าอี้ของตัวเองได้อย่างดี!!
บุญทรง เตริยาภิรมย์
สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล
“โต้ง” เมินเสียงเรียกร้องโบ้ยสื่อบิดเบือน ลางหายนะก็มาเยือน!!
“โต้ง” เมินเสียงเรียกร้องโบ้ยสื่อบิดเบือน ลางหายนะก็มาเยือน!!
น่าสนใจก็คือท่าทีที่เปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง เปลี่ยนแปลงไปจากวันที่พูดยอมรับในเรื่องสาเหตุที่ต้อง “โกหกสีขาว” ที่อ้างว่าต้องพูดแบบนั้นเพื่อสร้างแรงกระตุ้นและได้รับอนุญาตให้โกหกได้ในบางเรื่อง แต่มาวันนี้กลายเป็นว่ากำลังกลายเป็นตรงกันข้าม คนละอารมณ์เป็น “ดันทุรัง” กล่าวโทษคนอื่น หาว่า “สื่อนำมาขยายผลบิดเบือน” จนผิดความหมาย ซึ่งท่าทีแบบนี้ยิ่งนับว่าอันตรายกว่าเดิมหลายเท่า เพราะครั้งก่อนยอมรับว่าโกหก แต่คราวนี้นอกจากไม่ยอมรับว่าโกหก ปฏิเสธถึงความล้มเหลวจากผลงานของตัวเองแล้ว ยังกล่าวโทษคนอื่น นี่แหละถึงได้บอกว่าลางหายนะกำลังมาเยือน ซึ่งในที่สุดแล้ว ชาวบ้านก็จะรับกรรมเช่นเดิม
กำลังโหลดความคิดเห็น