“White lie โกหกสีขาว” เป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ ที่หยิบมาวิพากษ์วิจารณ์กันสนุกปาก หลัง กิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยอมรับอย่างหน้าชื่นว่า “มุสา” ตัวเลขการส่งออก ที่ตั้งเป้าไว้ โอเวอร์เพ้อฝัน 15 เปอร์เซ็นต์ ทั้งที่เจ้าตัวและใครหลายคนก็รู้ว่ามันเรื่องลวงโลกชัดๆ มองไม่เห็นถึงความเป็นไปได้
วันนี้เมื่อจนแต้ม ก็ถึงเวลาต้องพูดความจริง โดยยกวลี “ไวท์ ลาย” มาเอ่ยอ้างอย่างไม่กระดากปาก กลายเป็นการสร้างฝันลมๆ แล้งๆ ให้กับผู้ส่งออก นักลงทุน เพราะตัวเลขที่น่าจะใกล้เคียงกับความเป็นจริงที่สุด น้อยกว่านั้นจมหู เต็มที่ก็ 5-7 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
เรื่องตัวเลขเศรษฐกิจระดับมหภาค หากคลาดเคลื่อนผิดเพี้ยนไปแม้เพียงนิดเดียว ความหมายมันต่างกันเยอะ ผลที่จะตามมามันคนละเรื่อง ทำให้การประเมินสถานการณ์บางอย่างผิดพลาดชนิดหน้ามือเป็นหลังเกือก!!
เสียงนินทาเชิงก่นด่าลุกลามไปทุกหัวระแหง ไม่เว้นแม้กระทั่งมิตรรักแฟนคลับคนกันเองในรัฐบาล หรือพรรคเพื่อไทย ตั้งคำถามกับหัวหน้าทีมเศรษฐกิจประเทศไทย ว่าคนระดับนี้ควรแล้วหรือที่จะออกมาสารภาพสิ้นไส้ว่า โกหก ความจริงอย่างน้อยๆ ทำให้คำพูดดูเบาลงกว่านี้ บอกเป้าการส่งออกเปลี่ยนแปลงไป จึงต้องปรับลดตัวเลข น่าจะเข้าท่ากว่า...
ไม่ต้องพูดถึงฝ่ายตรงข้าม ฝ่ายค้านที่นำโดยพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อลูกเข้าเท้าก็ซัดเต็มเหนี่ยว จวก “กิตติรัตน์” เป็นเด็กเลี้ยงแกะ ลวงโลก ตามซ้ำขยายแผลให้ถ่างกว้าง หวังผลให้สะเทือนถึงรัฐบาล
ความจริงต้องถามว่า “กิตติรัตน์” ควรโกหก หรือรับสภาพความเป็นจริงตามสิ่งที่เกิดขึ้น การเลือกที่จะออกมายอมรับว่าโกหกอย่างหน้าชื่นตาบาน ก็ทำให้คนพาลคิดไปว่า ที่ผ่านมา “กิตติรัตน์” โกหกอะไรไว้อีกหรือไม่ แล้วต่อไปวันข้างหน้า จะมีเหตุการณ์ลักษณะนี้อีกหรือเปล่า โดยเฉพาะภาคการลงทุน ธุรกิจ จะหาความเชื่อมั่นจากคำพูดของ “กิตติรัตน์” ได้มากน้อยแค่ไหน
มองกันตื้นๆ ก็เห็นผลเสียเกิดขึ้นแล้วมากมาย “กิตติรัตน์” ส่อตกอยู่ในภาวะ “ล้มละลายทางความน่าเชื่อถือ” ต่อไปก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่ออกจากปาก อันไหนจริง อันไหนเท็จ ??
เรื่องความเชื่อมั่นทางธุรกิจเมื่อเสียไปแล้วกู้คืนมาลำบาก เช่นเดียวกันความรู้สึกต่อหัวหน้าทีมเศรษฐกิจประเทศไทยคนนี้!!
การตั้งเป้าตัวเลขไว้สูงๆ เพื่อหวังผลอะไรบางอย่าง คาดหวังให้ภาคปฏิบัติเดินไปตามเป้าหมาย โดยไม่ประเมินถึงความเป็นไปได้ ก็อาจกลายเป็น ทัศนคติที่อันตรายในแง่ธุรกิจ นำความล่มจมมาให้ในหลายมิติ..
ชั่วโมงนี้ชื่อของ “กิตติรัตน์ ณ ระนอง” ดูหม่นหมอง แปดเปื้อน ลงไปโข จาก “โอษฐ์ภัย” เพียงวูบเดียว
รัฐมนตรีคู่บุญของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หมดความสง่าราศีลงไปถนัดใจ แต่คนในรัฐบาลที่จ้องเลื่อยเก้าอี้ แอบยิ้มเยาะด้วยความสะใจ เพราะ “กิตติรัตน์” ถือเป็นทีมงาน ไทยคู่ฟ้า ร่วมกับ สุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชื่อดัง ซึ่งระยะหลัง ทีมงานไทยคู่ฟ้า สยายปีกแข็งแกร่งด้วยการนำของ “ยิ่งลักษณ์” ถึงขนาดพี่ชายยังแตะต้องไม่ได้ สร้างความหมั่นไส้ให้ใครหลายคน
วันนี้เมื่อ “กิตติรัตน์” เดินแต้มพลาด ย่อมเป็นเหยื่ออันโอชะของพวกที่จ้องเขี่ยทิ้ง เพราะถ้าสำรวจต้นทุนทางการเมือง ถือว่า “กิตติรัตน์” ไม่มี เหมือนเป็นคนนอกที่ “ยิ่งลักษณ์” อัญเชิญมา ไม่มีฐานยึดโยงเชื่อมกับส.ส.เขี้ยวลากดินในพรรค ฉะนั้นหากเกิดอะไรขึ้น ก็เหมือนหลังพิงฝา มีนายกฯเป็นแบ๊กเพียงคนเดียว
ข้อหา “ไวท์ ลาย” นับว่าสาหัสสากรรจ์ ยิ่งผนวกด้วยคนกันเองผสมโรงถล่มด้วยแล้ว กิตติรัตน์ คงยืนต้านทานกระแสลมพายุลำบาก ล่าสุดไม่ทันไรก็มีข่าวลือ ข่าวปล่อย ปลดออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจรัฐบาล
ก่อนหน้านี้ก็แว่วว่า ทักษิณ ชินวัตร นายใหญ่-นักโทษที่หลบหนีคดีอยู่ต่างแดน จ้องเปลี่ยนตัวขุนพลมือเศรษฐกิจ ปฏิวัติการทำงานกันใหม่ หลังมองภาพรวมแล้วผลงานไม่ค่อยกระเตื้องอย่างใจ แต่ยังติดที่ “น้องปู” ไม่เห็นด้วย วันนี้เมื่อสบช่อง แน่นอนว่าลิ่วล้อเครือข่ายนายใหญ่ จะฉวยโอกาสเปิดศึกภายใน ให้ตายกันไปข้าง
เรื่องแทงกันเองคนในพรรคเพื่อไทยถนัดอยู่แล้ว คณะยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยเองยังประชุมลงความเห็นว่า “กิตติรัตน์” เดินเกมผิดพลาด ควรต้องรีบออกมาขอโทษ ชี้แจงให้กระจ่างกว่านี้ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป ไม่ต้องพูดถึงบรรดาลิ่วล้อ ส.ส. นอกจากจะไม่ช่วยเหลือ ยังแอบเดินเกมอำมหิต กระทืบซ้ำให้ตายคารู
“กิตติรัตน์” ต้องแจ้นเปิดตูดไปพบ “นายใหญ่” ถึงต่างแดน เพื่อเคลียร์เรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่ยังไม่พบสัญญาณในทางที่ดีต่อตัว “กิตติรัตน์” แม้แต่น้อย เล่นเอาเจ้าตัวกลุ้มใจพอสมควร หลังโดนสังคมรุมประณาม ซ้ำถูกผู้มีบารมีนอกครม. กาชื่อ จ้องเฉดหัวทิ้ง
อย่างไรก็แล้วแต่ ไม่ว่าอย่างไร “ยิ่งลักษณ์” ก็ต้องยื้อเอา “เดอะโต้ง” ไว้ใกล้ตัว เพราะที่ผ่านมาถือเป็นมือทำงานคนสำคัญ เรื่องเศรษฐกิจมหภาค “ยิ่งลักษณ์” ฝากงานไว้เกือบทั้งหมด ในฐานะคนที่มองตารู้ใจ จะเอาคนอื่นมาแทนคงทำงานประสานงานไม่สนิทใจเท่า..
แต่เมื่อเกิดข้อผิดพลาด “ไวท์ ลาย” ขึ้น เป็นเหตุผลบั่นทอนความน่าเชื่อถือของรัฐบาลโดยรวม หากยังขืนให้ “กิตติรัตน์” นั่งอยู่ในตำแหน่งหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลต่อไป น่าจะเป็นผลเสียมากกว่า ฉะนั้นตามสไตล์ของนักบริหารธุรกิจอย่าง “นช.ทักษิณ” ย่อมที่จะเลือกเปลี่ยนหมากเดิน หลังเบี้ยตัวเก่าบอบช้ำ ทำเกมไม่ได้
ต้องเฟ้นหาขุนพลสดใหม่ ภาพลักษณ์อินเตอร์มาฉุดกระแสความเชื่อมั่นภาคธุรกิจ พร้อมขับเคลื่อนมิติใหม่ๆ อย่างที่ตัวเองต้องการ
การปรับครม.ที่จะถึงนี้ สารพัดชื่อแคนดิเดต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ต้องโผล่ออกมาชุดใหญ่แน่ เพราะตอนนี้นายใหญ่อยู่ระหว่างการเฟ้นหาคนรู้ใจ มาเสียบตำแหน่งสำคัญ
กระนั้นเลย “ยิ่งลักษณ์” ก็คงต้องออกแรงยื้อสุดลิ่มทิ่มประตู แต่สุดท้ายก็น่าจะต้องยอม.. อย่างไรก็ดี “กิตติรัตน์” คงไม่หายไปไหน อย่างน้อยๆ ตำแหน่งรองนายกฯ คงยังอยู่ แต่ตำแหน่งรัฐมนตรีอาจจะถูกริบ หรือต้องเปลี่ยนไปควบกระทรวงอื่นแทน
ผลพวงจากวลีเด็ด (ชีพ) “ไวท์ ลาย” โกหกลวงโลก ยังเป็นเรื่องที่น่าติดตาม ว่าจะส่งผลสะท้านสะเทือนต่อภาคเศรษฐกิจของประเทศไทยแค่ไหน และยังต้องเฝ้าดูว่า การเดินแต้มพลาดของ “กิตติรัตน์” จะส่งผลเสียต่อตัวเองมากน้อยอย่างไร !!