ASTVผู้จัดการรายวัน - กลุ่มกรีนฯ ร้องผู้ตรวจฯให้ถอดถอน “กิตติรัตน์” ออกจากรองนายกฯและรมว.คลัง เหตุยอมรับว่า ตัวเองตั้งเป้าส่งออกหลอกคนทั้งประเทศ ถือว่าเป็นการสร้างความเสื่อมเสีย ประเทศขาดความเชื่อมั่นจากนักลงทุน ด้านปชป.ชงกระทู้สดถามนายกฯ เอายังไงกับ “โกหกสีขาว” เตรียมแฉ 19 โครงการโกหกสีขาว เริ่มวันนี้ ส่วน “ปู”ยันไม่ถึงเวลาปรับโต้งออก ปรี๊ดข่าว “โต้งพบแม้ว” หลุด ตอกย้ำรัฐบาลอยู่ภายใต้อาณัติ”ทักษิณ”
วานนี้ ( 29 ส.ค. ) ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายจาตุรนต์ บุญเบ็ญจรัตน์ นายประกิต จันทร์สมวงศ์ นายธวัชชัย จรูญชาติ และนายเจษฏา ศรีสุข ตัวแทนกลุ่มกรีน เดินทางมายื่นหนังสือต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อขอให้ดำเนินการตามรัฐธรรมนูญมาตรา 279 วรรคสาม แห่งประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมือง เพื่อถอดถอนนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ออกจากตำแหน่ง เนื่องจากคำปราศรัยของนายกิตติรัตน์ ที่กล่าวในงานสัมมนา “ 1 ปี ยิ่งลักษณ์กับอนาคตเศรษฐกิจไทย” ที่โรงแรมดุสิตธานี เมื่อวันที่ 23 ส.ค.55 นั้น โดยมีการพูดว่า “ ยอมรับว่าเป้าการส่งออกในปีนี้เติบโตไม่ถึง 15% อย่างที่ผมคาดการณ์ก่อนหน้านี้แน่นอน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจแต่อย่างใด เพราะผมพูดในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจและรมว.คลัง จึงได้รับอนุญาตให้พูดไม่จริงในบ้างเรื่องได้ ซึ่งการตั้งเป้าที่ระดับดังกล่าวก็เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนไทยและต่างประเทศ” ซึ่งได้มีการออกข่าวไปทั่วโลก
นายจาตุรนต์ กล่าวอีกว่า ซึ่งการพูดดังกล่าว ได้มีการยอมรับต่อสาธรณชนว่าตนเองจงใจ “บิดเบือนข้อมูลข่าวสารของราชการเพื่อให้เกิดความเข้าใจผิด” ต่อประชาชน โดยระบุตัวเลขการส่งออกของไทยอันเป็นเท็จ ถือเป็นการโกหกที่ส่งผลกระทบต่อประเทศอย่างร้ายแรง ดังนั้นกรณีดังกล่าวกลุ่มกรีนเห็นว่าเป็นการกระทำผิดร้ายแรง เป็นการขัดต่อระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมืองพ.ศ.2551 อย่างชัดเจน และมีความจำเป็นอย่างเร่งด่วนที่ผู้ตรวจการแผ่นดินต้องเร่งดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 279 วรรคสาม เพื่อดำเนินการถอดถอนนายกิตติรัตน์ เพื่อสร้างบรรทัดฐานทางการเมืองและทำให้การเมืองสะอาด มีมาตรฐานทางจริยธรรมและคุณธรรมเป็นไปตามประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมืองพ.ศ.51 เพื่อเรียกความเชื่อมั่นและศรัทธาของนักลงทุกปละประชาชนกลับคืนมา หากไม่ดำเนินการจะส่งผลให้นักลงทุนในต่างประเทศขาดความเชื่อมั่นและศรัทธาต่อรัฐบาลไทยและจะนำไปสู่ความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจไทยทั้งระบบในอนาคต จึงเป็นเป็นหน้าที่ของผู้ตรวจการฯที่ต้องดำเนินการกรณีดังกล่าว
ด้านนายสงัด ปัฐวี รองเลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้เป็นผู้รับหนังสือพร้อมกล่าวว่า ในสัปดาห์หน้าวันที่ 5 ก.ย.จะมีการประชุมผู้ตรวจการแผ่นดิน ตนจะนำเสนอให้กับผู้ตรวจการแผ่นดินได้พิจารณาว่าจะรับไว้เป็นเรื่องร้องเรียนหรือไม่ และตามหลักการหากรับเรื่องไว้ร้องเรียนก็จะมีหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของนายกิตติรัตน์ให้ชี้แจง
**ปชป.ชงกระทู้ร้อนโกหกสีขาว
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ และประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน หรือ วิปฝ่ายค้าน เปิดเผย ฝ่ายค้าน จะตั้งกระทู้สดถามรัฐบาล กรณีการโกหกสีขาว ของ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่ง นายกรัฐมนตรี ก็ควรมาตอบเช่นกัน เพราะการโกหกของ นายกิตติรัตน์ กระทบต่อความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์ของรัฐบาล และเป็นปัญหาเรื่องจริยธรรมทางการเมือง
นายจุรินทร์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ ได้รวมเรื่องที่รัฐบาลโกหกสีขาวไว้ 19 เรื่อง โดยจะทยอยแถลงวันที่ 30 ส.ค.เป็นต้นไป
**ไม่ปรับ ครม. “รมว.โกหกสีขาว”
ที่กรมสรรพากร น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงข่าวการปรับครม.เร็วขึ้นในช่วงเดือนก.ย.นี้ว่า ยังไม่ทราบ ถ้าจะมีการปรับครม.เมื่อไหร่ จะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง
เมื่อถามว่า ปัญหาเรื่อง "โกหกสีขาว" ของนายกิตติรัตน์ กับกรณีการเด้งปลัดกระทรวงกลาโหมของพล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ถึงเวลาที่ต้องปรับ ครม.หรือยัง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ความจริงเหตุผลในการปรับครม. ก็เพื่อความเหมาะสมในการบริหารประเทศ แต่ประเด็นนี้ไม่ใช่ และช่วงนี้เป็นช่วงที่ทุกกระทรวงจะต้องชี้แจงผลงานครบ 1 ปี จึงยังไม่ถึงเวลา
เมื่อถามว่า หลังแถลงผลงานแล้ว จะให้เวลารัฐมนตรีอีกนานหรือไม่ในการประเมินตัวเอง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องดูก่อน ตอนนี้ยังตอบไม่ได้ ความจริงเราได้ติดตามการทำงานตลอดเวลาอยู่แล้ว และวันนี้ก็ยังไม่ได้คิดตรงนั้น
**“ปู”เดือดข่าว “โต้งพบแม้ว” หลุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่นายกิตติรัตน์ ออกมายอมรับว่า ได้เดินทางไปประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนจริง โดยอ้างว่า เป็นการเดินทางไปเพื่อเป็นการเจรจาทางการค้าเท่านั้น ไม่ได้เป็นการไปพบพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ไม่พอใจนายกิตติรัตน์ กรณีโกหกสีขาว
ขณะที่แหล่งข่าวใกล้ชิดนายกิตติรัตน์ ยอมรับว่า นายกิตติรัตน์เดินทางไประเทศจีนจริงเมื่อวันอาทิตย์ที่ 26 ส.ค.และเดินทางกลับมาถึงประเทศไทยในช่วงบ่ายวันจันทร์ที่ 27 ส.ค. ทั้งนี้ในวันที่ 27 ส.ค.นายกิตติรัตน์เองได้ยกเลิกการเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพลังงานปรมาณูเพื่อสันติ ที่ทำเนียบรัฐบาล เวลา 10.00 น.โดยให้เหตุผลว่า ขอลาป่วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังมีการเสนอข่าวนายกิตติรัตน์ไปพบพ.ต.ท.ทักษิณ ทำให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ แสดงความไม่พอใจอย่างมาก ถึงกับมีการสอบถามภายในพรรคว่า สื่อมวลชนรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร เพราะข่าวที่ออกมาสร้างความเสียหาย ทั้งที่เรื่องนี้ควรลืมไปแล้ว และเท่ากับทำให้มองเห็นว่า การทำงานของรัฐบาลยังอยู่ใต้อาณัติพ.ต.ท.ทักษิณ มีอำนาจเหนือนายกฯ
วานนี้ ( 29 ส.ค. ) ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายจาตุรนต์ บุญเบ็ญจรัตน์ นายประกิต จันทร์สมวงศ์ นายธวัชชัย จรูญชาติ และนายเจษฏา ศรีสุข ตัวแทนกลุ่มกรีน เดินทางมายื่นหนังสือต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อขอให้ดำเนินการตามรัฐธรรมนูญมาตรา 279 วรรคสาม แห่งประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมือง เพื่อถอดถอนนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ออกจากตำแหน่ง เนื่องจากคำปราศรัยของนายกิตติรัตน์ ที่กล่าวในงานสัมมนา “ 1 ปี ยิ่งลักษณ์กับอนาคตเศรษฐกิจไทย” ที่โรงแรมดุสิตธานี เมื่อวันที่ 23 ส.ค.55 นั้น โดยมีการพูดว่า “ ยอมรับว่าเป้าการส่งออกในปีนี้เติบโตไม่ถึง 15% อย่างที่ผมคาดการณ์ก่อนหน้านี้แน่นอน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจแต่อย่างใด เพราะผมพูดในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจและรมว.คลัง จึงได้รับอนุญาตให้พูดไม่จริงในบ้างเรื่องได้ ซึ่งการตั้งเป้าที่ระดับดังกล่าวก็เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนไทยและต่างประเทศ” ซึ่งได้มีการออกข่าวไปทั่วโลก
นายจาตุรนต์ กล่าวอีกว่า ซึ่งการพูดดังกล่าว ได้มีการยอมรับต่อสาธรณชนว่าตนเองจงใจ “บิดเบือนข้อมูลข่าวสารของราชการเพื่อให้เกิดความเข้าใจผิด” ต่อประชาชน โดยระบุตัวเลขการส่งออกของไทยอันเป็นเท็จ ถือเป็นการโกหกที่ส่งผลกระทบต่อประเทศอย่างร้ายแรง ดังนั้นกรณีดังกล่าวกลุ่มกรีนเห็นว่าเป็นการกระทำผิดร้ายแรง เป็นการขัดต่อระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมืองพ.ศ.2551 อย่างชัดเจน และมีความจำเป็นอย่างเร่งด่วนที่ผู้ตรวจการแผ่นดินต้องเร่งดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 279 วรรคสาม เพื่อดำเนินการถอดถอนนายกิตติรัตน์ เพื่อสร้างบรรทัดฐานทางการเมืองและทำให้การเมืองสะอาด มีมาตรฐานทางจริยธรรมและคุณธรรมเป็นไปตามประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมืองพ.ศ.51 เพื่อเรียกความเชื่อมั่นและศรัทธาของนักลงทุกปละประชาชนกลับคืนมา หากไม่ดำเนินการจะส่งผลให้นักลงทุนในต่างประเทศขาดความเชื่อมั่นและศรัทธาต่อรัฐบาลไทยและจะนำไปสู่ความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจไทยทั้งระบบในอนาคต จึงเป็นเป็นหน้าที่ของผู้ตรวจการฯที่ต้องดำเนินการกรณีดังกล่าว
ด้านนายสงัด ปัฐวี รองเลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้เป็นผู้รับหนังสือพร้อมกล่าวว่า ในสัปดาห์หน้าวันที่ 5 ก.ย.จะมีการประชุมผู้ตรวจการแผ่นดิน ตนจะนำเสนอให้กับผู้ตรวจการแผ่นดินได้พิจารณาว่าจะรับไว้เป็นเรื่องร้องเรียนหรือไม่ และตามหลักการหากรับเรื่องไว้ร้องเรียนก็จะมีหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของนายกิตติรัตน์ให้ชี้แจง
**ปชป.ชงกระทู้ร้อนโกหกสีขาว
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ และประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน หรือ วิปฝ่ายค้าน เปิดเผย ฝ่ายค้าน จะตั้งกระทู้สดถามรัฐบาล กรณีการโกหกสีขาว ของ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่ง นายกรัฐมนตรี ก็ควรมาตอบเช่นกัน เพราะการโกหกของ นายกิตติรัตน์ กระทบต่อความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์ของรัฐบาล และเป็นปัญหาเรื่องจริยธรรมทางการเมือง
นายจุรินทร์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ ได้รวมเรื่องที่รัฐบาลโกหกสีขาวไว้ 19 เรื่อง โดยจะทยอยแถลงวันที่ 30 ส.ค.เป็นต้นไป
**ไม่ปรับ ครม. “รมว.โกหกสีขาว”
ที่กรมสรรพากร น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงข่าวการปรับครม.เร็วขึ้นในช่วงเดือนก.ย.นี้ว่า ยังไม่ทราบ ถ้าจะมีการปรับครม.เมื่อไหร่ จะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง
เมื่อถามว่า ปัญหาเรื่อง "โกหกสีขาว" ของนายกิตติรัตน์ กับกรณีการเด้งปลัดกระทรวงกลาโหมของพล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ถึงเวลาที่ต้องปรับ ครม.หรือยัง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ความจริงเหตุผลในการปรับครม. ก็เพื่อความเหมาะสมในการบริหารประเทศ แต่ประเด็นนี้ไม่ใช่ และช่วงนี้เป็นช่วงที่ทุกกระทรวงจะต้องชี้แจงผลงานครบ 1 ปี จึงยังไม่ถึงเวลา
เมื่อถามว่า หลังแถลงผลงานแล้ว จะให้เวลารัฐมนตรีอีกนานหรือไม่ในการประเมินตัวเอง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องดูก่อน ตอนนี้ยังตอบไม่ได้ ความจริงเราได้ติดตามการทำงานตลอดเวลาอยู่แล้ว และวันนี้ก็ยังไม่ได้คิดตรงนั้น
**“ปู”เดือดข่าว “โต้งพบแม้ว” หลุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่นายกิตติรัตน์ ออกมายอมรับว่า ได้เดินทางไปประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนจริง โดยอ้างว่า เป็นการเดินทางไปเพื่อเป็นการเจรจาทางการค้าเท่านั้น ไม่ได้เป็นการไปพบพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ไม่พอใจนายกิตติรัตน์ กรณีโกหกสีขาว
ขณะที่แหล่งข่าวใกล้ชิดนายกิตติรัตน์ ยอมรับว่า นายกิตติรัตน์เดินทางไประเทศจีนจริงเมื่อวันอาทิตย์ที่ 26 ส.ค.และเดินทางกลับมาถึงประเทศไทยในช่วงบ่ายวันจันทร์ที่ 27 ส.ค. ทั้งนี้ในวันที่ 27 ส.ค.นายกิตติรัตน์เองได้ยกเลิกการเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพลังงานปรมาณูเพื่อสันติ ที่ทำเนียบรัฐบาล เวลา 10.00 น.โดยให้เหตุผลว่า ขอลาป่วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังมีการเสนอข่าวนายกิตติรัตน์ไปพบพ.ต.ท.ทักษิณ ทำให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ แสดงความไม่พอใจอย่างมาก ถึงกับมีการสอบถามภายในพรรคว่า สื่อมวลชนรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร เพราะข่าวที่ออกมาสร้างความเสียหาย ทั้งที่เรื่องนี้ควรลืมไปแล้ว และเท่ากับทำให้มองเห็นว่า การทำงานของรัฐบาลยังอยู่ใต้อาณัติพ.ต.ท.ทักษิณ มีอำนาจเหนือนายกฯ
