xs
xsm
sm
md
lg

“โต้ง” อ้าง “โกหกสีขาว” เป็นการแสดงความจริงใจ เมินตอบโพลให้ลาออก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กิตติรัตน์ ณ ระนอง (แฟ้มภาพ)
“กิตติรัตน์” พลิ้วผลโพลให้ลาออกหลัง “โกหกสีขาว” เฉไฉตั้งใจแจงกระทู้ในสภาฯ เลยไม่ได้ให้สัมภาษณ์สื่อ อ้างเฉยส่งออก 15% แค่เป้าหมายไม่ใช่รัฐบาลจะทำให้จริง ส่วนที่ “โกหกสีขาว” เพื่อแสดงความจริงใจ ไม่คิดว่าจะถูกมองเป็นคนไม่น่าเชื่อถือ เผยรู้อยู่แล้วตั้งแต่ต้นว่าการขยายตัวส่งออกจะไม่ถึง 15% แต่เมื่อหน่วยงานต่างๆ เชื่อว่าทำได้จึงต้องเห็นคล้อยตามในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง"นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง"ให้สัมภาษณ์  

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง กล่าวถึงกรณีที่ศูนย์วิจัยเอแบคโพล สำรวจความคิดเห็นประชาชนเรื่องความกังวลของสาธารณชนต่อการโกหกสีขาว โดยประชาชนร้อยละ 83.5 ระบุให้คนที่โกหกสีขาวควรลาออกว่า ที่จริงตนมีหน้าที่พูดอธิบายมาโดยตลอดเวลา 1 ปีที่อยู่ในคณะรัฐมนตรี (ครม.) แต่ที่ไม่ได้ตอบหรือไม่ได้ชี้แจงอะไรเรื่องโกหกสีขาว ในช่วงที่ผ่านมามีอยู่ 2 สาเหตุ คือ 1. ตนเดินทางไปภารกิจต่างประเทศ และ 2. คิดว่าสิ่งที่ตนได้พูดในวันดังกล่าวไม่ได้มีเจตนาที่จะไปทำให้เกิดผลลบ และความสามารถในการสื่อสารที่ไม่ดีของตนถูกแปลความไปในทางลบ อย่างไรก็ตาม ตนก็ตั้งใจจะตอบกระทู้เรื่องนี้ในสภา จึงไม่อยากไปพูดอะไรเยอะแยะเพราะอาจเป็นการแก้ตัว ซึ่งก็ไม่ได้อยากแก้ตัว พูดซ้ำหรือพูดในเรื่องเดิมในถ้อยคำที่ต่างออกไปเพราะอาจจะกลายเป็นเรื่องที่บิดเบือน

นายกิตติรัตน์ยืนยันว่า ไม่ได้มีเจตนาอะไร เพราะหากจำกันได้เป้าหมายการส่งออกเมื่อปี 54 เคยตั้งเอาไว้ที่ร้อยละ 15 โดยใน 3 ไตรมาสแรกทุกคนคิดว่าเราจะทำได้ถึงเป้าอย่างสบายๆ และเป้าหมายดังกล่าวก็ไม่ใช่เป้าหมายที่สูงอะไรเมื่อเทียบกับในอดีต และพอจบปี 2554 เราก็สามารถทำเป้าหมายการขยายตัวการส่งออกได้ที่ร้อยละ 17 ขณะที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็มาปรึกษาว่าในปี 2555 หากจะมีการตั้งเป้าหมายการส่งออกไว้เท่าเดิมจะมีความเห็นเป็นอย่างไร ซึ่งตนได้สำรวจหน่วยงานต่างๆ โดยทุกคนก็เห็นว่าในปี 2554 ไทยไม่ได้มีการขยายตัวส่งออกมากนัก หากในปี 2555 จะเป็นเป้าหมายเดิมคือร้อยละ 15 ก็คงจะเป็นเรื่องที่เป็นไปได้

ขณะเดียวกัน ในความรู้สึกของตนที่ได้ติดตามภาวะต่างๆ ในโลกอย่างใกล้ชิดก็มีความรู้สึกว่าจะเป็นไปได้ยาก แต่ถ้าจะให้คัดค้านเป้าหมายดังกล่าวก็จะกลายเป็นปัญหาเรื่องความเชื่อมั่น เพราะขนาดหัวหน้าทีมเศรษฐกิจยังค้านเป้าหมายการขยายตัวการส่งออกซึ่งได้ตั้งเอาไว้เท่าเดิมเมื่อปีที่แล้วก็เป็นเรื่องไม่ดี ฉะนั้นตนเพียงแต่ชี้แจงว่า ตนอาจจะยั้งที่จะแสดงความเห็นส่วนตัวที่จะไปคัดค้านตรงนั้น โดยรู้สึกว่าการที่ไม่แสดงความเห็นส่วนตัวจริงๆ จังๆ ก็เป็นอะไรที่ไม่สบายใจ แต่ก็ถือว่าเป็นหน้าที่ในการที่จะทำงานร่วมกัน

“ยังยืนว่าคิดดี พูดชัด และไม่ได้พูดว่าจะถึง 15 เปอร์เซ็นต์แน่ๆ แต่พูดชัดว่า 15 เปอร์เซ็นต์เป็นเป้าหมาย แล้วก็ปฏิบัติกันจริงจัง เนื่องจากหากเราทำแล้วเกิดถึงเป้าที่ตั้งเอาไว้ขึ้นมาจะเป็นเรื่องที่ดี แต่ในเมื่อทำกันมาถึงขณะนี้แล้ว ไม่สามารถไปใกล้เป้าหมายได้ก็คิดว่าคงจะต้องยอมรับความจริง ซึ่งผมอาจอธิบายว่าการยอมรับความจริงเป็นการไม่แสดงความจริงใจของผมในลักษณะที่เป็นเรื่องตำหนิตัวเองหรือถ่อมตัว หวังว่าคงไม่ได้ถูกมองไปว่าเป็นคนไม่น่าเชื่อถือ เพราะสิ่งที่ดำเนินการมาตลอดชีวิตผมถือว่าผมจริงใจกับทุกเรื่องอยู่แล้ว”

รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า สำหรับการตั้งเป้าในการทำงาน เราจะตั้งเป้าไว้สูงบ้างไม่ใช่เป็นเรื่องแปลกอะไร ทั้งนี้ เรื่องความจริงกับความไม่จริงเป็นอย่างนี้ หากเป็นอดีตมีใครพูดไม่จริงเรื่องข้อมูลก็เท่ากับเป็นการให้ข้อมูลเท็จ แต่การตั้งเป้าหมายในการทำงาน ซึ่งเป็นการคาดการณ์เรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้นในอนาคต และไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรที่จะไปตั้งเป้าเพื่อที่จะไปหลอกให้คนหลงทาง แต่การตั้งเป้าเพื่อให้คนทำงานร่วมกันจริงจังเพื่อให้เกิดผลดีที่สุดกับพี่น้องประชาชนตนก็คิดว่ามีเหตุผลประกอบ หากตนจะรับก็รับว่าตนไม่จริงใจพอที่จะค้านเป้าที่ถูกกำหนดขึ้นมา

ผู้สื่อข่าวถามว่า สาเหตุที่ทำให้ตัวเลขการส่งออกไม่เป็นไปตามเป้าหมายเนื่องจากปัจจัยภายนอกใช่หรือไม่ นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า ใช่ เพราะหากเหตุการณ์ต่างๆ อำนวยจริงๆ โอกาสที่จะทำให้เป้าหมายการส่งออกถึงร้อยละ 15 ก็มี แต่ก็ยอมรับว่าในขณะที่มีการตั้งเป้าโอกาสที่จะไม่ถึงก็มีอยู่มากเช่นกัน เพียงแต่ตนในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจจะให้เป็นผู้ที่ลุกขึ้นมาชี้เลยหรือว่าไม่ถึง ตรงนั้นตนก็ถือว่าตนขาดความจริงใจไปบ้าง อย่างไรก็ตาม หากที่ใครได้ฟังการชี้แจงของตนในวันนั้นได้ไปแปลความเป็นอย่างอื่นก็ต้องขออภัยหากการสื่อสารของตนไม่ดีพอ
กำลังโหลดความคิดเห็น