แพงทั้งแผ่นดิน-ส่งออกเดี้ยงความล้มเหลวเป็นรูปธรรมของรัฐบาล !!

ผ่าประเด็นร้อน


นาทีนี้ถ้าจะว่าไปแล้วน่าจะเป็นช่วงเวลาของการแถลงผลงานของรัฐบาลต่อสภา หรือต่อประชาชน เพื่อถือว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตรได้บริหารบ้านเมืองมาครบ 1 ปีเต็ม ก็ต้องมีการรายงานให้ทราบว่ามีความสำเร็จอะไรบ้าง มีผลงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอันบ้าง แต่กลายเป็นว่าเวลานี้ทุกอย่างพยายามอิดออดบ่ายเบี่ยง ประวิงเวลาออกไปให้นานที่สุด

สิ่งที่ปรากฏออกมาให้เห็นก็เป็นงานอีเวนต์ “โปรโมต” นโยบายของรัฐบาลมากกว่า ซึ่งจะว่าไปแล้ว นี่คืองานถนัดของทีมงานเครือข่ายของ ทักษิณ ชินวัตร และพัฒนาการต่อเนื่องมาตั้งแต่ยุคพรรคไทยรักไทย ว่าการทำนโยบายเป็นแค่งานประชาสัมพันธ์ “สร้างภาพ” ให้เห็นความสำเร็จเฉพาะหน้าเท่านั้น

อย่างไรก็ดี สิ่งที่ปฏิเสธความจริงไปไม่พ้นก็คือ ผลสำรวจความคิดเห็นของชาวบ้าน ซึ่งสะท้อนออกมาจากโพลหลายสำนักล้วนออกมาตรงกันว่า “ล้มเหลว” นั่นก็คือ เรื่องปัญหา “ค่าครองชีพ” และปัญหาทุจริต ที่ชาวบ้านให้คะแนนรัฐบาลชุดนี้ห่วยแตก ทั้งที่จะว่าไปแล้ว นี่คือผลจาก “โพลกันเอง” และไปถามจากพวกหลงใหลเคลิบเคลิ้มกับรัฐบาลที่ตัวเองเลือกมากับมือ หรือปกป้องตอบสนองวันยังค่ำ ไม่ว่ามีฝีมือหรือไม่

แม้ว่ามองอีกมุมหนึ่งเป็นการขัดความรู้สึก หากพิจารณาจากความเป็นจริงที่รับรู้กันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน และจะว่าไปแล้ว เรื่องค่าครองชีพ ข้าวของแพง และเรื่องทุจริต ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่ทำลายรัฐบาลในอดีตมานักต่อนัก ซึ่งหากยังจำกันได้ ในยุครัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ที่ตอนนั้นก่อนที่จะพังก็กำลังเจอข้อหาโกงประดังเข้ามาหลายเรื่อง ซึ่งนี่เวลาผ่านไปแค่เพียงปีเดียวเท่านั้นยังทำท่าอ่วมขนาดนี้ ไม่อยากนึกคาดการณ์ในอนาคตในปีหน้าว่ามันจะเลวร้ายขนาดไหน

ที่บอกว่าทั้งสองเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องใหญ่ ที่ทำให้รัฐบาลถดถอยอย่างได้ผล เริ่มจากปัญหาค่าครองชีพ ข้าวของแพงที่เกี่ยวข้องกับชาวบ้านที่สัมผัสได้อยู่ทุกวัน แม้ว่าในความเป็นจริงต้นตอของความเดือดร้อนดังกล่าว ส่วนหนึ่งเกิดขึ้นจากปัญหาภายนอกที่ควบคุมไม่ได้ แต่ขณะเดียวกันส่วนที่สำคัญที่สุดมันขึ้นอยู่กับฝีมือในการบริหารจัดการ ไม่เช่นนั้นเราจะมีรัฐบาลไว้แก้ปัญหาทำไม ปล่อยทุกอย่างไว้ตามยถากรรมไม่ดีกว่าหรือ

ส่วนปัญหาทุจริตก็เช่นเดียวกัน หากย้อนดูข้อมูลประวัติศาสตร์จะเห็นได้ว่า เรื่องดังกล่าวก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ทำลายรัฐบาล อย่างไรก็ดีแม้ว่าที่ผ่านมารัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พยายามจะสร้างภาพด้วยการสร้างกระแสปราบปรามการทุจริต

หลังจากมีข่าวเรื่อง “เงินใต้โต๊ะ” ในยุครัฐบาลชุดนี้ ที่พุ่งสูงลิ่วเกินกว่าร้อยละ 35 แต่ก็ยังไม่ได้ผล เพราะผลสำรวจที่ออกมากี่สำนักล้วนออกมาตรงกันคือ “ไม่ยอมรับ”

ทั้งสองเรื่องหลักดังกล่าวนี่แหละ รับรองว่าจะต้องเป็นจุดตายในอนาคต โดยเฉพาะเรื่องปัญหา “แพงทั้งแผ่นดิน” ที่นับวันจะทำให้ชาวบ้านหงุดหงิดเพิ่มมากขึ้น และต่อไปคนที่หงุดหงิดก็จะเป็นพวกที่เคยเชียร์ เคยอุปถัมภ์ รัฐบาลและครอบครัวของ ทักษิณ ชินวัตร เพราะยังคิดว่าเป็นเทวดา หวังให้มาบันดาลเรื่องความเป็นอยู่ แต่หากความเดือดร้อนยังเป็นอยู่เรื่อยไป ไม่ว่าใครรับรองว่ามันก็ย่อมมีความอดทนจำกัดได้เหมือนกัน

นอกจากนี้ สิ่งที่เป็นเรื่องพิสูจน์ให้เห็นว่าปัญหาค่าครองชีพจะเป็นเรื่องเลวร้ายมากขึ้นเรื่อยๆ ก็คือปัญหาจากเรื่องการ “ส่งออก” ที่ล้มเหลว ซึ่งเพิ่งได้รับการสารภาพออกมาจากปากของ “หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ” ที่เป็นรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กิตติรัตน์ ณ ระนอง ว่าเป้าหมายการส่งออกในปีนี้ ทำได้แค่ร้อยละ 9 จากเดิมที่ตั้งเป้าเอาไว้ร้อยละ 15 แต่ที่เป็นข่าวร้ายยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ภาคเอกชนกลับระบุได้ จะทำได้แค่ร้อยละ 7 กว่าๆ เท่านั้น นั่นหมายความว่า การส่งออกลดลงกว่าครึ่ง รายได้เข้าประเทศขาดหายไปเท่าไหร่ ลองหลับตานึกเอาเองก็แล้วกัน

ดังนั้นปัญหาทั้งสองเรื่อง คือ แพงทั้งแผ่นดิน ทุจริต จะกลายเป็นจุดตาย และสร้างความถดถอยให้กับรัฐบาลชุดนี้มากขึ้นเรื่อยๆ และยิ่งในปีหน้าที่ภาวะเศรษฐกิจภายนอกยังเป็นปัจจัยหลักก็จะยิ่งเป็นแรงส่ง ทำให้ปัญหาดังกล่าวเลวร้ายลงอีก แต่เท่าที่เห็นตอนนี้ทั้งสองเรื่องเป็นความล้มเหลวที่เป็นรูปธรรมชัดเจนที่สุด