เลขาธิการจัดการแข่งขันศึกมวยไทยวอริเออร์สที่มาเก๊า อ้างผิดพลาดเรื่องถ้วยพระราชทานเพราะใช้สคริปต์ร่างเดิม โวจงรักภักดีไม่มีแอบอ้าง พบเหตุสำนักราชเลขาธิการไม่อนุมัติถ้วยพระราชทาน เหตุสถานที่จัดการแข่งขันเป็นบ่อนคาสิโน ไม่เหมาะสม แจ้งผู้จัดงานขอพระราชทานอภัยโทษ และชี้แจงผ่านสื่อ
วันนี้ (14 ธ.ค.) พ.ต.ท.กุลธน ประจวบเหมาะ เลขาธิการจัดงานศึกมวยไทยวอริเออร์สปีที่ 2 เทิดไท้องค์ราชัน กล่าวถึงกรณีที่สำนักราชเลขาธิการได้ทำหนังสือถึง พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด ในฐานะประธานจัดงาน ขอพระราชทานอภัยโทษ เนื่องจาก พล.อ.ชัยสิทธิ์ใช้ถ้วยพระราชทานศึกมวยไทยวอริเออร์สฯ โดยไม่ได้ขอพระบรมราชานุญาต ว่า ตนเดินทางกลับมาถึงประเทศไทยในวันที่ 11 ธ.ค. และในเย็นวันเดียวกันได้รับโทรสารหนังสือจากสำนักพระราชวัง เรื่องไม่ได้มีการพระราชทานถ้วยรางวัลในการจัดการแข่งขันดังกล่าว ในวันที่ 12 ธ.ค. ตนเดินทางไปที่สำนักพระราชวังเพื่อเข้าพบ นายสนอง บูรณะ รองราชเลขาธิการสำนักพระราชวัง เพื่อขอและยื่นหนังสือขอพระราชทานอภัยโทษแล้ว เรื่องนี้ยอมรับว่าเกิดข้อผิดพลาดจริง แต่เป็นความผิดพลาดจากการอ่านสคริปที่เป็นร่างเดิมที่มักใช้อ่านในการแข่งขันที่มีการขอพระราชทานถ้วยรางวัลทุกครั้ง และขอยืนยันว่าตนมีความจงรักภักดีไม่ได้มีการแอบอ้าง และทราบมาก่อนหน้านี้แล้วจะอาจถูกเล่นงานเรื่องนี้
มีรายงานว่า พล.อ.ชัยสิทธิ์ ได้ทำหนังสือขอถ้วยพระราชทานจากสำนักพระราชวังช่วงต้นเดือน พ.ย. แต่ในเอกสารไม่ได้มีการระบุสถานที่จัดการแข่งขัน ทางสำนักราชเลขาธิการจึงได้ทำหนังเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมถึงสถานที่ในการจัดการแข่งขัน จึงได้ทราบว่าสถานที่จัดการแข่งขันคือบริเวณที่เขตปกครองพิเศษมาเก๊า ทางสำนักราชเลขาธิการ จึงส่งเรื่องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำการตรวจสอบว่า สมควรที่จะให้ถ้วยไปหรือไม่ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ไปทำการตรวจสอบแล้วพบว่าสถานที่จัดการแข่งขันเป็นสถานที่ไม่เหมาะสมเป็นบ่อนคาสิโน จึงไม่สมควรให้ถ้วย
ทั้งนี้ทาง พล.อ.ชัยสิทธิ์ ได้แจ้งข้อมูลเพิ่มเติมมาในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ถือว่ากระชั้นชิดเกินไปจึงตรวจสอบไม่ทัน ทางสำนักราชเลขาธิการ จึงระบุไปว่าสามารถจัดงานดังกล่าวได้ แต่ไม่ให้ถ้วยพระราชทาน และไม่ให้มีตราสัญลักษณ์ ภปร. แต่เมื่อถึงเวลาจัดการแข่งขันจริง พ.ต.ท.กุลธน กลับรายงานว่าผู้ชนะการแข่งขันจะได้รับถ้วยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไปครอบครองเป็นเวลา 1 ปี ซึ่งทำให้สื่อมวลชนที่ติดตามทำข่าวเสนอไปว่าจะได้รับถ้วยพระราชทาน จึงได้ดำเนินการให้ผู้จัดงานทำเรื่องชี้แจงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและให้ทำหนังสือแจ้งขอพระราชทานอภัยโทษและประชาสัมพันธ์ให้สื่อมวลชนทราบถึงข้อเท็จจริง