xs
xsm
sm
md
lg

สว.จี้ปฏิเสธคำตัดสินปชช.เตรียมต้านศาลโลก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-"ส.ว.คำนูณ" จี้รัฐบาลมอบนโยบายทีมกฎหมายในการต่อสู้คดีเขาพระวิหาร แถลงยืนยัน 3 ประการ ชี้ไทยไม่ต้องทำตามคำตัดสิน เหตุประกาศรับเขตอำนาจศาลโลกหมดอายุแล้ว พันธมิตรฯ บุกทำเนียบฯ ร้องนายกฯปฏิเสธอำนาจศาลโลกวันนี้ "ยิ่งลักษณ์"วอนอย่านำปัญหาเขาพระวิหารโยงประเด็นการเมืองยัน ด้านผบ.ทบ. อ้างใครจะแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กันอย่างไร ทหารไม่ยุ่ง มีหน้าที่ดูแลชายแดนอย่างเดียว ขณะที่ชาวบ้านชายแดนลั่นพร้อมต้านศาลโลก

ในการประชุมวุฒิสภา วานนี้ (7 ม.ค.) ช่วงก่อนเข้าสู่วาระการประชุม นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา ได้หารือถึงคดีปราสาทพระวิหาร ระหว่างไทยกับกัมพูชา ว่า ข้อเท็จจริงนั้นประเทศไทยได้ประกาศปฏิญญารับรองเขตอำนาจศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ศาลโลก) ครั้งสุดท้าย เมื่อปี 2492 โดยการประกาศรับรองแต่ละครั้งมีอายุ 10 ปี เพราะฉะนั้น การรับรองเขตอำนาจศาลโลกของไทยหมดลงไปแล้ว เมื่อปลายปี 2502 หลังจากกัมพูชายื่นฟ้องคดีปราสาทพระวิหาร ภาค 1 เพียงไม่กี่เดือน

อย่างไรก็ดี ไทยได้ยื่นข้อสงวนต่อเลขาธิการสหประชาชาติ เมื่อวันที่ 6 ก.ค. 2505 ว่า รัฐบาลของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ปรารถนาจะตั้งข้อสงวนอย่างชัดเจน เพื่อสงวนไว้ซึ่งสิทธิที่ประเทศไทยมี หรือพึงมีในอนาคต ที่จะเรียกคืนปราสาทเขาพระวิหาร โดยวิถีทางที่ชอบด้วยกฎหมาย ที่มีอยู่ในปัจจุบันหรือในอนาคต และยืนยันการคัดค้านคำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ กล่าวคือ แม้ว่าจะปฏิบัติตาม ไทยก็ไม่เห็นด้วย และตั้งข้อสงวนไว้

ดังนั้นเมื่อการประกาศเขตรับอำนาจศาล ของประเทศไทยหมดลงไปแล้วกว่า 50 ปี ประเทศไทยจึงไม่มีความผูกพันใดๆ ต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลโลกในคดีเขาพระวิหาร ภาค 2 ที่กัมพูชายื่นคำร้องเมื่อเดือนเม.ย. 54

ทั้งนี้การไปศาลแต่ละครั้ง ก็ไปเพื่อประกาศว่าประเทศไทยไม่รับเขตอำนาจศาลด้วยเหตุผลอย่างน้อย 3 ประการ คือ 1. ปฏิญญารับเขตอำนาจศาลขาดอายุ 2. ไม่ใช่เป็นการตีความคำพิพากษาเดิม แต่เสมือนเป็นคดีใหม่ อุทธรณ์คดีเดิม 3. ไทยได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาเดิมของศาลทุกประการแล้ว และกัมพูชา ก็ไม่ได้คัดค้านกว่า 50 ปี

ดังนั้นในการแถลงด้วยวาจาต่อศาลโลก ในวันที่ 15-19 เม.ย. 56 นี้ ขอให้รัฐบาลมีนโยบายให้คณะต่อสู้คดีของไทยแถลงให้ชัดเจน ดังนี้

1. ศาลไม่มีอำนาจพิจารณาโดยเด็ดขาด 2. ไทยไม่รับเขตอำนาจศาลโดยเด็ดขาด 3. ยืนยันให้ชัดเจนว่า ประเทศไทยจะไม่ปฏิบัติตามคำตัดสินใดๆ ที่จะกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพเหนือดินแดนของประเทศไทยโดยเด็ดขาด

** อัด" ปึ้ง" ไม่มีคุณสมบัติเป็นรมต.

ด้านน.ส.สุมล สุตะวิริยะวัฒน์ ส.ว.เพชรบุรี กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ตนเห็นแยกเป็น 4 ประเด็น ดังนี้ 1. รัฐบาลไม่ควรรับอำนาจศาลโลก เพราะไทยได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาเรียบร้อยแล้วในปี 2505 ตนไม่เคยเห็นคดีใดๆในโลกที่เป็นคดีเดียวกัน ขึ้นศาลเดียวกันถึง 2 ครั้ง เหตุใดไทยต้องยอมรับ ทั้งๆที่คดีสิ้นสุดไปแล้ว

2. รัฐบาลต้องเร่งผลักดันชุมนุมชาวกัมพูชาไปจากพื้นที่ของไทย ทุกรัฐบาลที่ผ่านมาเสียท่า หรือเสียหลักการ หมายความว่า ยอมให้ชุมชนกัมพูชาตั้งถิ่นฐาน หรือสร้างถาวรวัตถุ ไม่ว่าจะเป็นวัด ชุมนุม ในพื้นที่เขตของไทย

3. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ต้องระวังคำพูด ที่ระบุว่าคดีเขาพระวิหารไทยมีแต่แพ้ และเสมอตัว ตนคิดว่า รมต.ท่านดังกล่าว ขาดคุณสมบัติการเป็นรมต. เพราะศาลโลกยังไมได้วินิจฉัยจะพูดได้อย่างไร

4. คำคัดค้านที่คนไทยหลายกลุ่มที่ไม่เห็นด้วย รัฐบาลอย่าคอยพูดแต่ว่า เป็นกลุ่มที่จ้องจะล้มรัฐบาล แต่ควรรับฟัง เพราะจะได้ข้อมูลใหม่ๆในการพิทักษ์รักษาแผ่นดิน หากไม่ยอมรับฟังบ้าง อยากจะบอกว่ารัฐบาลจะเป็นผู้เสียใจที่สุด

นายนิรันดร์ ประดิษฐกุล ส.ว.สรรหา กล่าวว่า การตัดสินคดีความใดๆ มีข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย เมื่อวันที่ 6 ม.ค. ได้ยินนายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮก และหนึ่งในทีมสู้คดีของฝ่ายไทย แถลงข้อต่อสู้ใน 4 ประเด็นคือ 1. เกี่ยวกับข้อกฎหมายว่ากรณีพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร จะยกขึ้นต่อสู้ จะตัดฟ้องต่อศาลโลก ตนเห็นว่า เมื่อปี 2505 สมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ กรณีนี้ไม่ได้ยกขึ้นวินิจฉัย เพราะฉะนั้นควรอย่างยิ่งที่จะยกขึ้นตัดฟ้อง

2. เมื่อสนธิสัญญาไทย-ฝรั่งเศส ฉบับนั้นไม่ได้ยกขึ้นพิจารณา แต่จะนำมาพิจารณาในคดีนี้ ก็ขอให้ดูว่า บุคคลที่มานั่งพิจารณาบนบัลลังก์ เป็นคนที่มีประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ หรีอเป็นคนที่มีสัญชาติ ที่มีประโยชน์ทับซ้อนกับสนธิสัญญาไทย-ฝรั่งเศส ถ้ามี ขอให้คัดค้าน 3. กรณีการคัดค้านไม่สมควรรอถึงช่วงเทศกาลสงกรานต์ ขอให้พิจารณาคัดค้านตั้งแต่บัดนี้ ขอให้ยกข้อกฎหมายให้ศาลโลกพิจารณา ก่อนที่จะแถลงปิดคดี

พล.ร.อ.วีรวิทย์ คงศักดิ์ ส.ว.สรรหา หารือว่า ประเด็นกการแถลงปิดคดีเขาพระวิหาร ต่อศาลโลก ตามที่ประเทศกัมพูชาได้ยื่นฟ้องต่อศาลโลก ขณะนี้พบว่ามีบุคคลและกลุ่มบุคคลให้ความเห็นทั้งข้อเท็จจริง และข้อกฎหมาย ที่มีทั้งการสนับสนุน และคัดค้าน ซึ่งล้วนแล้วมีความปรารถนา ทั้งนี้การให้ข้อเท็จจริง และแง่มุมกฎหมายต่อสาธารณะดังกล่าว จะมีผลต่อรูปคดีที่ไทยเสียเปรียบ ดังนั้นตนขอเสนอให้รัฐบาลใช้สภาความมั่นคงแห่งชาติ รวบรวมข้อเสนอแนะต่อการเตรียมการแถลงปิดคดีปราสาทพระวิหารต่อศาลโลก ตามที่รัฐบาลและนายกฯ มีอำนาจตามกฎหมายสภาความมั่นคงแห่งชาติ ทั้งนี้เชื่อว่าหากใช้เวทีสภาความมั่นคงนั้น จะทำให้เกิดการยอมรับจากทุกฝ่าย

**พันธมิตรฯจี้นายกฯปฏิเสธศาลโลก

น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ ประธานที่ปรึกษากลุ่มเเนวร่วมคนไทยหัวใจรักชาติ รักเเผ่นดิน กล่าวถึงสถานการณ์เขาพระวิหาร ที่เริ่มส่อเค้าความรุนเเรง ทั้งในเเละนอกประเทศ ว่า กรณีนี้จะทำให้คนไทยเเต่ละกลุ่มออกมาต่อสู้ในปัญหาเดียวกันในไม่ช้านี้ ตนหวังพึ่งประชาชนทุกกลุ่มที่พร้อมออกมาอาสาปกป้องชาติ เเละเเผ่นดิน โดยวันที่ 8 ม.ค.นี้ เเกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) จะยื่นหนังสือถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ส่วนวันที่ 14 ม.ค.ที่จะถึงนี้ ตัวเเทนเเนวร่วมคนไทยฯ จะยื่นหนังสือประท้วง ไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก ในการจัดการไม่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ หลังจากที่รัฐบาลไปทำให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกเพียงฝ่ายเดียว โดยยื่นศาลอาญาฟ้องรัฐบาลนี้ ที่บริหารงานผิดพลาด

จากนั้น วันที่ 21 ม.ค. จะนัดชุมนุมเเละยื่นหนังสือถึงผู้นำเหล่าทัพ เเละประธานศาลฎีกา หลังจากที่ได้รวบรวมรายชื่อคนไทยกว่า 5 เเสนคน ที่มีมติว่า ยอมรับเรื่องนี้ไม่ได้ เเละขอให้กระบวนการยุติธรรมเเละความมั่นคง ควรหยุดคิด เเละหาทางช่วยเหลือเรื่องนี้ ส่วนจะชุมนุมต่อเลยหลังการยื่นหนังสือเเล้วหรือไม่นั้น ยังตอบอะไรไม่ได้ เพราะต้องดูสถานการณ์ เเละคนที่มาชุมนุม คนไทยต้องไม่ยอมรับคำตัดสินของศาลโลก เพราะไทยได้ออกจากภาคีนี้นานเเล้ว เเต่ นักการเมืองบางคนนำกลับเข้าไปอีก ซึ่งคนไทยจำนวนมาก ไม่เห็นด้วยกับการดำเนินการของรัฐบาลในกรณีนี้

เมื่อถามว่า เเสดงว่าต้องการตุลาการภิวัฒน์กลับมา เเละรวมทั้งอยากให้ทหารมาหยุดรัฐบาลอีกครั้ง น.ต.ประสงค์ กล่าวว่า วิเคราะห์ได้อย่างนั้น หน้าที่ของทหารนั้นก็อ่านได้ในรัฐธรรมนูญ พวกตนจะไปบอกกับ 2 กลุ่มนี้ว่า มีหน้าที่อะไรบ้าง

**"เหลิม"คุยรัฐบาลไม่สั่นคลอนง่ายๆ

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ ประกาศนัดชุมนุมใหญ่ เพื่อต่อต้านรัฐบาล ที่บริหารบ้านเมืองผิดพลาดว่า คงไม่สามารถสั่นคลอนรัฐบาลได้ เพราะรัฐบาลเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ไม่สั่นคลอนง่ายๆ

ด้านน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเตรียมออกมาชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมคนไทยรักชาติ รักษาแผ่นดิน ในวันที่ 21 ม.ค.นี้ ว่าคงต้องขอร้อง การชุมนุมขอให้ทำโดยความสงบ และประเด็นเรื่องประสาทเขาพระวิหารต้องขอความกรุณาว่า เราอย่าพูดเป็นประเด็นทางการเมืองเลย เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญของประเทศ รัฐบาลยืนยันในการต่อสู้เพื่อปกป้องอธิปไตยอย่างเต็มที่

**ใครแลกผลประโยชน์ไม่ใช่หน้าที่ทหาร

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.กล่าวว่า รัฐบาล กระทรวงการต่างประเทศ และทหาร ต่างก็ทำหน้าที่ตนเอง โดยแบ่งหน้าที่กันทำ ไม่ใช่ไม่มีใครไม่ทำ แต่อย่าทำให้เป็นเรื่องการเมือง แต่ทั้งนี้เรื่องทำความเข้าใจกับกลุ่มมวลชนที่จะออกมาเคลื่อนไหวนั้น ไม่ใช่หน้าที่ของทหาร เพราะทหารทำหน้าที่ของตนเองในการดูแลพื้นที่ ซึ่งตนมีหลักการในการดูแลตามกติกา หน้าที่ กฎหมาย และขอบเขตแผนที่ ที่เรามีอยู่

เมื่อถามว่า จะให้คำยืนยันได้หรือไม่ว่า กองทัพจะเป็นหลักในการดูแลไม่ให้มีการใช้เขาพระวิหาร แลกเปลี่ยนผลประโยชน์ทางทะเล ตามที่มีข่าว พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ใช่หน้าที่ของกองทัพ และไม่ใช่หน้าที่ของตนที่จะออกมายืนยัน ทั้งนี้หน้าที่ทุกอย่างเป็นหน้าที่ของ 1. ฝ่ายบริหารมีหน้าที่ดำเนินการอะไร และ 2. ฝ่ายความมั่งคง มีหน้าที่ดำเนินการอะไร ทั้งสองฝ่ายต้องร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหา คือเรื่องการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย และกติกาที่มีอยู่ ตนคงจะไม่พูดว่า จะเอื้อประโยชน์อะไรให้กับใคร ซึ่งไม่ได้เป็นการปกป้อง และไม่ได้ปัดความรับผิดชอบอะไรทั้งสิ้น วันนี้ลูกน้องของตนก็เสี่ยงชีวิต ยืนหยัดอยู่ตลอดแนวชายแดน ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็มีทหารอยู่เสมอ และขณะนี้ก็มีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนมาช่วยกันดูแล

เมื่อถามว่าสามารถประเมินสถานการณ์ได้หรือไม่ ว่า ขณะนี้มีใครได้เปรียบ เสียเปรียบ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ และไม่มีการประเมิน ส่วนการเตรียมพร้อมดูแลอธิปไตยนั้น การปฏิบัติการของทุกกองกำลังมีอยู่แล้วทุกพื้นที่ มีพื้นที่หลายพื้นที่ที่ไม่ชัดเจนเรื่องตามกติกาของเจบีซี แต่ก็มีการพูดคุยกันมาตลอด ซึ่งไม่มีการขัดแย้ง ทุกพื้นที่มีการเตรียมการ ทั้งเรื่องการใช้กำลัง การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศเพื่อนบ้าน และการจัดตั้งหมู่บ้านคู่ขนานตามแนวชายแดน เป็นสิ่งที่เราต้องการลดปัญหาบริเวณชายแดน

เมื่อถามว่าเพื่อไม่ให้เกิดความตึงเครียด จะมีการหารือกับทางกัมพูชาหรือไม่ ว่าระหว่างนี้ทั้งสองฝ่ายยังไม่ควรเสริมกำลัง เพราะขณะนี้มีรายงานว่า ทางกัมพูชามีการนำกำลังมาไว้ด้านหลัง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การเป็นทหารต้องพร้อมเสมอ ว่าตรงไหนอย่างไร ของเราก็มีแผนของเรา ของเขาก็มีแผนของเขา แต่ละประเทศก็มีแผนของตนเอง แต่เราไม่ได้มีเพื่อรบกัน ถ้าไม่มีเหตุการณ์ ตนถามว่าจะรบกันทำไม เป็นแค่การเตรียมความพร้อมของตนเองเท่านั้น เหมือนกันทุกพื้นที่อย่าไปยกประเด็นจนเกิดความวุ่นวายในขณะนี้ และอย่าไปมองว่าเป็นเรื่องการของท้าทาย มันเป็นหน้าที่ประเทศเขาก็ทำประเทศเขา ประเทศเราก็ทำประเทศเรา ซึ่งเป็นคนละเรื่องกัน อย่านำมาพันกัน

** ตอก"นพเหล่" ตัวการทำวุ่น

ด้านนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงเกี่ยวกับกรณีที่นายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.ต่างประเทศ ซึ่งเป็นผู้ไปลงนามในแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา สนับสนุนให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียว จนนำมาสู่ความสูญเสียของทั้งไทยและกัมพูชา ที่พยายามอ้างว่าแถลงการณ์ดังกล่าวเป็นโมฆะแล้ว ไม่สามารถนำไปใช้งานได้นั้น เป็นการพูดที่ขัดกันเอง คือ

1. นายนพดล ย้ำว่าไม่ว่าจะมีแถลงการณ์ดังกล่าวหรือไม่ กัมพูชาสามารถขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกอยู่แล้วเพราะเป็นเจ้าของปราสาทพระวิหาร จึงต้องถามว่า หากเป็นเช่นนั้นจริง ไปลงนามในแถลงการณ์ร่วมเพื่ออะไร เพราะความจริงคือ กัมพูชาพยายามจดทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกมาตลอด แต่คณะกรรมการมรดกโลก มีความกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้ง ไทย-กัมพูชา จึงนำมาซึ่งแถลงการณ์ร่วมไทย - กัมพูชา สนับสนุนให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียว โดยรัฐบาลพรรคพลังประชาชน

2 . แถลงการณ์ถูกศาล รธน.ตัดสินว่าเป็นโมฆะ ในวันที่ 8 ก.ค.51 แต่การประชุมกรรมการมรดกโลก ที่แคนนาดา นั้นเริ่มตั้งแต่ วันที่ 2 -10 ก.ค.51

นายชวนนท์ กล่าวต่อว่า กัมพูชาได้ใช้แถลงการณ์ร่วมดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 2 ก.ค. 51 ก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญ จะมีคำวินิจฉัยให้แถลงการณ์ดังกล่าวเป็นโมฆะ จึงทำให้กฎหมายภายในประเทศไม่มีผลในเรื่องนี้ เนื่องจากมีการยอมรับในเวทีระดับโลกไปแล้ว หากนายนพดล ยังยืนยันว่าแถลงการณ์ร่วมเป็นประโยชน์ ทำไมจึงบานปลายมาถึงทุกวันนี้ และทำไมกัมพูชาจึงจดทะเบียนปราสาทพระวิหาร แต่เพียงฝ่ายเดียว

3. เหตุที่ศาล รธน. ตัดสินว่าเป็นโมฆะ เพราะเห็นว่าเป็นหนังสือสัญญาที่อาจมีบทเปลี่ยนแปลงอาณาเขตของประเทศ และกระทบสังคมอย่างกว้างขวาง ต้องเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 ดังนั้นคำแก้ตัวของนายนพดล จึงฟังไม่ขึ้น เพราะจากคำวินิจฉัยดังกล่าวสะท้อนชัดว่า แถลงการณ์ร่วมที่นายนพดล ไปลงนามอาจส่งผลต่อเขตแดนไทย และสุดท้ายก็มีการนำไปใช้เป็นข้ออ้าง จนทำให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียวได้

ดังนั้นเรื่องนี้จึงไม่ใช่เรื่องการเมือง แต่เป็นเรื่องใหญ่ของบ้านเมือง ซึ่งปลายปีนี้จะเป็นเรื่องใหญ่มากขึ้นอีก

"หากนายนพดลอยากล้างบาป ควรไปบอกรมว.ต่างประเทศ ให้ขยันต่อสู้กับกัมพูชาที่ศาลโลก ไม่ใช่มาแสดงความเป็นคนรักแผ่นดินเฉพาะกิจ คือมีปัญหาทีก็ออกมาที แต่ปีครึ่งที่ผ่านมา ไม่มีความตั้งใจแก้ปัญหาที่ก่อไว้เลย อยากให้รัฐบาลมีความจริงใจมากกว่านี้ ไม่ใช่ชี้แจงเฉพาะที่กระทบกับตัวเอง เช่นเดียวกับนายสุรพงษ์ ที่พลิกลิ้นพูดจากลับไปกลับมา จากบอกว่าเสียเปรียบ เป็นมีโอกาสชนะ จากแรงกดดันทางการเมือง ทำให้จะเดินทางไปร่วมการไต่สวนของศาลโลกด้วยตัวเองนั้นไม่เป็นประโยชน์ หากปราศจากความจริงใจในการรักษาอธิปไตยของชาติ" นายชวนนท์กล่าว

**ชาวบ้านชายแดนลั่นพร้อมต้านศาลโลก

นายโชคชัย สายแก้ว นายกองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.)เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า ศาลโลกคงพิจารณาค่อนข้างละเอียด เพราะหากมีการวินิจฉัยเป็นประโยชน์กับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง อาจทำให้เกิดความวุ่นวายได้ โดยเฉพาะคนไทยที่อาศัยอยู่ตามแนวชายแดนหากต้องเสียดินแดน เพราะชาวบ้านเข้าไปหาของป่าและใช้ประโยชน์ในพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรมาตลอด ไร่นาบางส่วนก็อยู่ติดแนวชายแดน อย่างไรก็ตามเชื่อว่าศาลโลกอาจยื้อกาวินิจฉัยออกไปอีก เพราะหากวินิจฉัยแล้วเป็นประโยชน์แก่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ก็อาจทำให้เกิดสงครามขึ้นได้

"หากมีการชุมนุมใหญ่เพื่อคัดค้านอำนาจศาลโลก ชาวบ้านแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านจ.ศรีสะเกษ ก็พร้อมเข้าร่วมชุมนุม เพื่อต่อต้านไม่ให้ไทยต้องเสียดินแดนเพราะคำวินิจฉัยเด็ดขาด แต่เรื่องนี้คงต้องให้โอกาสรัฐบาลทำงานอย่างเต็มที่ เชื่อว่ารัฐบาลคงไม่ยอมให้ไทยต้องเสียดินแดน และมั่นใจว่าทหารไทยเองก็คงไม่ยอมเด็ดขาดเช่นกัน"

นายผัน กิ่งแสง อายุ 75 ปี แกนนำชาวบ้านชายแดนไทยเขาพระวิหาร กล่าวว่า ขณะนี้สถานที่ชุมนุมเคลื่อนไหวคัดค้านอำนาจศาลโลก ที่บ้านเลขที่ 221 หมู่ 4 บ้านโศกขามป้อม ต.ภูผาหมอก อ.กันทรลักษ์ ซึ่งเป็นบ้านของตนมีความพร้อมเต็มที่แล้ว และได้รับการประสานงานจากกลุ่มพลังมวลชนทั่วประเทศ ว่าจะมาร่วมชุมนุมคัดค้านศาลโลกวันที่ 12-13 มกราคม และทุกวันด้วย เริ่มตั้งแต่เวลา 16.00 น. เป็นต้นไป โดยจะปราศรัยให้ความรู้เกี่ยวกับปราสาทพระวิหารกับชาวบ้านตามแนวชายแดน เพื่อเป็นการปลุกจิตสำนึกให้ชาวไทยทุกคนออกมาร่วมกันคัดค้านอำนาจศาลโลกอย่างเต็มที่
กำลังโหลดความคิดเห็น