xs
xsm
sm
md
lg

ต้องให้ชั่วกันถึงขีดสุด!?

เผยแพร่:   โดย: ปานเทพ พัวพงษพันธ์

สถานการณ์บ้านเมืองในเวลานี้ หลายคนมีความรู้สึกอึดอัด และมีความรู้สึกว่ารัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศตั้งปีกว่าแล้ว แต่ประเทศชาติก็ดูเหมือนว่าจะยังไม่สามารถฝ่าออกจากวิกฤตได้

ราคาน้ำมันของประเทศไทยที่แพงกว่าพม่า แพงกว่าสิงคโปร์ แพงกว่ามาเลเซีย แพงกว่าสหรัฐอเมริกา และแพงกว่าบรูไน ก็สะท้อนให้เห็นว่าคนไทยทุกคนกำลังถูกปล้นเงินจากกระเป๋าไปอยู่ตลอดเวลาไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลชุดใดก็ตาม

ราคาก๊าซหุงต้ม (LPG) กำลังเพิ่มทะยานสูงขึ้น อัตราค่าไฟฟ้ากำลังสูงขึ้น ทั้งๆ ที่ราคาก๊าซธรรมชาติทั่วโลกกำลังลดลงอย่างต่อเนื่อง

โครงการจำนำข้าว ก็มีการทุจริตไปในวงกว้าง เงินไม่ถึงมือเกษตรกร แถมนักการเมืองยังนำข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาสวมรอยโกงเงินชาติกันไปอย่างสนุกสนาน จนส่งผลกระทบต่อความสามารถในการส่งออกข้าวไทยไปในต่างประเทศอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

สัญญาของรัฐบาลที่ให้ไว้กับประชาชนในช่วงเวลาหาเสียง ก็กลายเป็นการเล่นลิ้น เล่นคำ เลี่ยงบาลี หลอกประชาชนต่อไป ไม่ว่าจะเป็น เงินเดือนขั้นต่ำปริญญาตรี 15,000 บาท, ค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาททั่วประเทศ ฯลฯ

ส่วนปัญหาอุทกภัยปีที่แล้ว ที่เป็นปัญหาและความล้มเหลวในการบริหารจัดการ ทั้งการสะสมน้ำในเขื่อนที่มากเกินไป แล้วยังไม่ผันน้ำไปยังฟลัดเวย์ซึ่งอยู่ตามทิศตะวันออกของกรุงเทพมหานครอีก ยิ่งไปกว่านั้นยังมีประชาชนอีกจำนวนมากที่ยังไม่ได้รับค่าชดเชยความเสียหายจากอุทกภัยปีที่แล้วแต่ประการใด

สถานการณ์ความไม่สงบชายแดนภาคใต้ รุนแรงมากขึ้น บ้านเรือน ห้างร้าน ถูกเผาวอดวาย การสังหารประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐเพิ่มมากขึ้น สะท้อนถึงความล้มเหลวในงานด้านความมั่นคงอย่างชัดเจน

แผ่นดินไทยถูกรุกรานมากขึ้น และล่าสุดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาสถานการณ์ก็เลวร้ายลง มีการรุกล้ำ ตั้งถิ่นฐานของกัมพูชาเพิ่มมากขึ้นกว่าปีที่แล้ว ทั้งบริเวณโดยรอบเขาพระวิหาร ภูมะเขือ และตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา

หนี้สาธารณะของประเทศเพิ่มสูงทะยานขึ้นเป็นประวัติการณ์ ควบคู่ไปกับการใช้เงินในอภิมหาโครงการที่ยังไม่มีรายละเอียด ปล่อยให้ขบวนการใช้ดุลยพินิจเพื่อหาผลประโยชน์สูงสุดให้กับกระเป๋านักการเมือง ข้าราชการ และ พ่อค้าผู้รับเหมาก่อสร้าง

กระบวนการยุติธรรมของประเทศก็มีปัญหาเลวร้ายเข้าขั้นวิกฤต กรมสอบสวนคดีพิเศษและสำนักงานตำรวจแห่งชาติอยู่ภายใต้อาณัติและทำตามคำสั่งของรัฐบาล สำนักงานอัยการก็มีผลประโยชน์ทับซ้อนที่ได้รับประโยชน์จากการแต่งตั้งให้เป็นคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจซึ่งได้รับสิทธิพิเศษและเงินตอบแทนอีกมากมาย ในขณะที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ กลับมีคดีท่วมองค์กรและไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะหยุดยั้งการทุจริตคอร์รัปชันได้ ด้วยเหตุผลดังกล่าวทำให้เหล่านักการเมืองและข้าราชการย่ามใจ อีกทั้งทำให้กระบวนการยุติธรรมถูกบิดเบือนกลายเป็นว่าคนของรัฐบาลเคยทำผิดหรือทำผิดอะไรไม่เป็นความผิดและไม่ต้องรับผิด ในขณะที่ฝ่ายตรงกันข้ามไม่ว่าจะผิดหรือไม่ผิดก็ต้องยัดเยียดความผิดเอาไว้ก่อน

ด้านจริยธรรม และคุณธรรมก็ไม่ต้องพูดถึง เพราะในยุคนี้ต่อให้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติชี้มูลความผิด ก็ไม่ต้องถูกถอดถอน ไม่ต้องลาออก และไม่ต้องแสดงความรับผิดชอบ แม้แต่ข้าราชการตำรวจเดินทางไปต่างประเทศเพื่อไปให้นักโทษหนีอาญาแผ่นดินประดับยศให้ ก็ถือได้ว่าระบบคุณธรรมและจริยธรรมของประเทศชาติตกต่ำ ดังจะเห็นได้จากมีประชาชนส่วนใหญ่ของคนในประเทศนี้ที่ยอมรับได้มากขึ้น หากนักการเมืองโกงแต่ขอให้ตัวเองได้ประโยชน์มากขึ้นด้วย

สังคมไทยเริ่มเข้าสู่บรรยากาศของอันธพาลครองเมืองชัดเจนมากขึ้น เมื่อพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเพียงแค่ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีและผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กลับถูกคุกคามด้วยกองกำลังตำรวจติดอาวุธใช้เวลาราชการมาตบเท้ากดดันพรรคประชาธิปัตย์อย่างไม่น่าเชื่อว่าประเทศนี้จะเป็นประเทศที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยได้

ใครจะไปเชื่อได้ว่าเพียงแค่มีมวลชนมาให้กำลังใจคนที่แสดงออกในเจตนาที่ปกป้อง และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ กลับมีมวลชนคนเสื้อแดงขนชายฉกรรจ์ออกมายั่วยุ ต่อต้าน และทำร้ายมวลชนอีกฝ่ายที่ส่วนใหญ่เป็นสตรีและผู้สูงวัย

ดูจากสถานการณ์แล้ว สังคมไทยกำลังก้าวเข้าสู่วิกฤตการณ์ในเวลาอันไม่ช้าเป็นแน่!!!

ด้วยทุนอันมหาศาลของฝ่ายรัฐบาล ทำให้สถานีโทรทัศน์และวิทยุในเครือข่าย “แดง” หลายแห่งเพื่อปลุกระดมมวลชนคนเสื้อแดงลุกลามระบาดไปทั่ว ความไร้จรรยาบรรณทำให้คนเหล่านี้กล้าจัดรายการด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จและบิดเบือน จนไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นสื่อมวลชนเพราะไม่สามารถตรวจสอบพรรคพวกของตัวเองเมื่อเป็นรัฐบาลได้ ซ้ำร้ายยังกลายเป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อปกป้องตัวเองและพวกพ้อง และทำลายฟาดฟันฝ่ายตรงกันข้าม จนสังคมไทยยากที่จะเป็นสังคมแห่งปัญญาที่แสวงหาข้อเท็จริงเพื่อนำไปสู่ความสงบสุขที่แท้จริงได้

แม้แต่สถานีโทรทัศน์ฟรีทีวี หรือวิทยุคลื่นหลัก ก็กลายเป็นเครื่องมือรับใช้ฝ่ายการเมืองของรัฐบาลไปจนหมดสิ้น สื่อมวลชนที่รับอามิสและผลประโยชน์ได้รับการดูแลเลี้ยงดูจากนักการเมืองให้เดินทางไปต่างประเทศ ยังกล้าแสดงตนว่าได้รับประโยชน์จากนักการเมืองเหล่านั้นอย่างหน้าด้านๆ

สถานการณ์บ้านเมืองเลวร้ายลงทุกด้าน จนยากที่จะเกิดความปรองดองในสังคมไทยได้ หากสถานการณ์เช่นนี้ยังดำรงอยู่ต่อไป ก็ไม่ต่างจากการรอวัน “เปลี่ยนแปลง” บ้านเมืองในทางใดทางหนึ่งแน่นอน

เพราะการเปลี่ยนแปลงทุกครั้งในโลกนี้มีต้นทุนเสมอ เพียงแต่การเปลี่ยนแปลงมากก็มีต้นทุนสูง และปัญหาที่เลวร้ายหมักหมมหยั่งรากฝังลึกมาเป็นเวลานานก็แลกมาด้วยต้นทุนที่แพงมากเช่นกัน ดังนั้นในบางสถานการณ์อาจต้องให้ชั่วกันถึงขีดสุดจนเห็นเป็นที่ประจักษ์ จนประชาชนยอมรับไม่ได้ บ้านเมืองจึงจะตื่นรู้เพื่อการเปลี่ยนแปลงได้เสียที

ที่น่าเป็นห่วงตามมาก็คือ “การเปลี่ยนแปลง” ไม่ว่าทางใด ก็อาจหลีกไม่พ้นเส้นทางที่นำไปสู่ความรุนแรงจนอาจเกิดการนองเลือด ฆ่าฟันระหว่างคนไทยกันเองกวาดล้างให้ตายกันไปข้างหนึ่งหรือไม่ เพียงแต่ยังยากที่จะคาดเดาได้ว่า “การเปลี่ยนแปลง” นั้นจะยังประโยชน์สูงสุดให้กับ “ขั้วอำนาจ” ขั้วใดขั้วหนึ่ง หรือ “การเปลี่ยนแปลง” นั้นจะยังประโยชน์สูงสุดให้กับประชาชนไทยทั้งประเทศ?

จึงเป็นเรื่องน่าเสียดายอย่างยิ่งหาก “การเปลี่ยนแปลง” ที่ปราศจาก “ความรุนแรง” ในสังคมไทยอาจเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เสียแล้ว!!!
กำลังโหลดความคิดเห็น