รมว.กลาโหมโวยนักวิชาการจับผิดโจรใต้ 93 คนมอบตัว อ้างทราบดีจริงหรือปลอม รู้ว่าไม่มีทางชนะ เชื่อมีคนร่วมมือมากไฟใต้จบเร็ว ด้านรองนายกฯ ยืนยันคนมอบตัวระดับบิ๊ก ให้กลับบ้านไปหาพรรคพวก เตรียมยืนยันสันนิบาตมุสลิมโลก เผยไม่แฮปปี้ถูกคนไทยตั้งเว็บในมาเลย์ฯ ต่อต้านกองทัพ-รบ. ส่วน ผบ.ทบ.ติงสื่ออย่าเขียนส่งเดช ชี้งานด้านความมั่นคงละเอียดอ่อน เผยไปร่วมประชุมนายกฯ พบฝ่ายค้านแก้ไฟใต้ 18 ก.ย.นี้
วันนี้ (14 ก.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่กองทหารสารวัตร สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่รัฐบาลและฝ่ายค้านจะร่วมประชุมเพื่อแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ในวันที่ 18 ก.ย.นี้ว่า ปัญหาชายแดนภาคใต้เป็นปัญหาที่ห่วงที่สุด แต่วันนี้ค่อยยิ้มได้หน่อย เพราะที่ผ่านมาภาพถูกวาดไว้ไม่ค่อยสวยว่า ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอใน จ.สงขลา ไปไม่ได้เลย แต่ความจริงไม่ใช่ เพราะภาคใต้มีหมู่บ้านกว่า 2,000 หมู่บ้าน แต่มีไม่เกิน 300 หมู่บ้านที่มีปัญหา คือ มีปัญหาไม่ถึง 1 ใน 4 ซึ่งเมื่อเราเห็นอย่างนี้เราก็สบายใจ และคนมาเลเซียก็มาช่วยเหลือเราด้วย คนไทยต้องรับทราบ และมองให้เข้าใจว่าปัญหาไม่หนักอย่างที่คิด ซึ่งปัญหานี้เราต้องการแก้ภายในของเราเอง อย่าให้ใครมายุ่ง ตอนนี้ถือว่า เราแก้มาถูกทางแล้ว ทั้งนี้ 7 ปีที่ผ่านมา ทางพลเรือน ตำรวจ ทหาร ร่วมกันแก้ไขจนวันนี้คลี่คลายลง
“พวกที่มามอบตัว 93 คนนั้น นักวิชาการบางคนออกมาพูดว่าจริงหรือไม่ ปลอมหรือเปล่า ไม่น่าพูดคำนี้ออกมาเลย คนที่มามอบตัว เรามีประวัติหมดว่าเขาเป็นอย่างไร เราทราบดีว่าจริงหรือปลอม อย่ามาพูดอย่างนั้น มือไม่พายอย่าเอาเท้าราน้ำ เพราะเสียกำลังใจมาก พูดอย่างนี้ไม่ดีเลย ทั้งนี้คนที่มามอบตัวเราต้องให้ความเป็นธรรม และต้อนรับเขา ส่วนสาเหตุที่เขาออกมามอบตัว เขาบอกว่าไม่มีทางชนะ เพราะยุทธศาสตร์ฝ่ายเขาไม่ถูกต้อง และฝ่ายเราทำขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเขาเห็นว่าไม่มีความสำเร็จจึงขอเลิกดีกว่า ถือว่าเขามีความกล้าหาญที่ทำอย่างนี้ คิดว่าระลอกใหม่คงจะค่อยๆ มาอีก ซึ่งถือเป็นความร่วมมือของคนในพื้นที่ด้วย และถ้าหากมีความร่วมมือมากขึ้นเรื่อยๆ รับรองว่าภาคใต้จบเร็ว และวันนี้ทางกองทัพทำงานในเชิงรับน้อยลง เพราะตำรวจและอาสาสมัครมาช่วยเรามากขึ้น ทำให้ทหารทำงานเชิงรุกมากขึ้น มีการจับกุมผู้ที่ทีความผิด และยังไม่มามอบตัวมากขึ้นเรื่อยๆ พูดง่ายๆ ว่าเราบี้ตลอด เพื่อให้ความสงบสุขกลับคืนมาโดยเร็ว” รมว.กลาโหมกล่าว
เมื่อถามว่า ฝ่ายค้านควรจะคุยกับรัฐบาลในเรื่องใดเพื่อให้เกิดประโยชน์มากที่สุด พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า คุยเรื่องความร่วมมือ คำแนะนำจากฝ่ายค้าน เพราะรัฐบาลมีการพูดคุยกันอยู่แล้ว อีกทั้งฝ่ายค้านเขามี ส.ส.ภาคใต้มาก และมีมวลชนภาคใต้เยอะจึงอาจมีข้อมูลช่วยเราให้ทำงานเร็วขึ้นได้ ซึ่งอันไหนที่ดีเราก็รับฟังมาทำ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องของเราทุกคน เพื่อให้เห็นภาพดีๆ เหมือนนักการเมืองชาติอื่น ซึ่งต้องช่วยกันแก้ไขปัญหา ไม่ใช่มีทิฐิกัน
ด้าน พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่เพื่อไปประชุมกับหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า วันนี้จะเดินทางลงพื้นที่ไปถามความคืบหน้าการขอเข้ามอบตัวของผู้ที่มีหมายจับ โดยจะเร่งให้ พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 ดำเนินการให้ได้โดยเร็ว เพราะฝ่ายหัวรุนแรงที่ยังไม่ยอมร่วมมือกับรัฐอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนใจขึ้น ทำให้ผู้ที่จะมามอบตัวน้อยลง เพราะยังมีงานด้านจิตวิทยาอีกมากที่เขามาต่อต้านการทำงานของเรา
ทั้งนี้ ตนยืนยันว่าผู้ที่มามอบตัวเป็นตัวจริงระดับบิ๊กเนมและเป็นตัวการสำคัญ ซึ่นตนจะไปสั่งการในวันนี้ให้บันทึกเทปและออกข่าวให้ประชาชนรับทราบ เพื่อให้เห็นว่าการมอบตัวของผู้ที่มีหมายจับครั้งนี้ของจริง อย่างไรก็ตาม ผู้ที่เข้ามามอบตัวเจ้าหน้าที่ไม่ได้กักตัวไว้ แต่ให้เขากลับบ้านไปเพื่อพาพรรคพวกเขากลับมารายงานตัวเพิ่ม นอกจากนี้ วันที่ 17 ก.ย.นี้ เลขาธิการสันนิบาตมุสลิมโลกจะเดินทางมาเยือนประเทศไทยในพื้นที่ภาคใต้ ดังนั้น แม่ทัพภาคที่ 4 กับศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ต้องดูแลเรื่องนี้ให้ดี และนำตัวผู้ที่มอบตัวมายืนยันให้เลขาธิการสันนิบาตมุสลิมโลกเห็นถึงแนวทางสันติภาพที่จะเกิดขึ้นในภายภาคหน้ารวมทั้งในเรื่องสิทธิมนุษยชน
“มีเว็บไซต์ www.Ambranews.com ที่คนไทยไปจดทะเบียนตั้งเว็บที่ประเทศมาเลเชีย โดยมีการออกข่าวต่อต้านการทำงานของกองทัพกับรัฐบาลไทยในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ภาคใต้ตลอด ถือเป็นการโจมตีแบบสื่ออิเลคทรอนิกส์ ทำให้ผมไม่แฮปปี้กับเรื่องนี้ ดังนั้น กระทรวงการต่างประเทศต้องรีบดำเนินการคุบกับทางมาเลเชียเพื่อให้เขาช่วยดูในเรื่องนี้ โดยต้องรีบดำเนินการหากบล็อกได้ก็ต้องทำ ผมจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำการต่อต้านข่าวทางอิเลคทรอนิกส์ทุกเรื่องที่ทำให้รัฐบาลเสียหาย” พล.อ.ยุทธศักดิ์ระบุ
ขณะเดียวกัน ที่กองการบินกรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านเตรียมเข้าร่วมประชุมกับนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในวันที่ 18 ก.ย.นี้ เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาในพื้นที่จัดหวัดชายแดนภาคใต้ว่า เป็นนิมิตหมายที่ดี ที่ทุกคนมาช่วยกันแก้ไขปัญหา ฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลคงจะมาหารือร่วมกันว่า ปัจจุบันกำลังดำเนินการอะไรบ้าง มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปบ้าง และมีอะไรบ้างที่ฝ่ายค้านห่วงใย ที่ผ่านมาทุกรัฐบาลได้ดำเนินการ มีความก้าวหน้าที่ดีมาตลอด แต่มีปัญหาบ้างเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน สิ่งที่เป็นตัวชี้วัดไม่ใช่สถานการณ์ความรุนแรงอย่างเดียวว่าเพิ่มขึ้น หรือลดลง แต่ต้องดูเรื่องความพึงพอใจของประชาชน การสัญจรไปมา ที่ทุกอย่างเป็นปกติทั้งหมด หากเลวร้ายลงจะทำแบบนี้ไม่ได้เลย
“ที่มีคนออกมาแสดงตัวพูดคุยเจรจานั้นขอให้มองแง่ดี อย่าเขียนวิจารณ์ส่งเดช เพราะทำให้ประเทศชาติและเจ้าหน้าที่เสียหาย ไม่ใช่นึกว่าวันๆ จะเขียนอะไรก็เขียนได้ เพราะงานด้านความมั่นคงมีความละเอียดอ่อน และต้องใช้เวลาในการดำเนินงาน ผมให้เจ้าหน้าที่บันทึกไว้หมดแล้วว่าใครเขียนอย่างไร ท่านต้องรับผิดชอบ หากไม่เป็นไปตามที่ท่านเขียน ถ้าเขียนแล้วไม่รับผิดชอบ ใครเป็นนักข่าวก็ได้ บางคนเขียนไม่คิดถ้าท่านเขียนไม่ดีเหมือนเป็นการเข้าข้างผู้ก่อเหตุรุนแรงให้เขาฮึกเหิม มีสื่อบางฉบับทั้งในประเทศและต่างประเทศ เว็บไซต์ เฟซบุ๊ก จะเขียนอะไรก็เขียน สิ่งดีๆ ที่รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน กปต. พูดทุกวัน ท่านเก็บประเด็นไปตอบโต้อีกทางหนึ่ง ที่สำคัญ ทหารทำงานเหนื่อยทุกวัน อยากให้จบเร็วๆ ดังนั้นไม่มีการสร้างภาพ การแก้ปัญหาไม่ใช่การสร้างภาพ หรือเกณฑ์คนมามอบตัว” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ทั้งนี้ ผบ.ทบ.กล่าวย้ำว่า ผู้แสดงตนที่เข้ามามอบตัว ไม่ใช่การเจรจา ซึ่งการพูดคุยถือว่าเป็นสิ่งที่ดี เรารู้อยู่แล้วว่ามีหลายกลุ่มและเป็นใครบ้าง เพราะมีบัญชีรายชื่อบางส่วนอยู่ ถ้าคิดว่าไม่ได้กระทำความผิดก็ขอให้ออกมา เจ้าหน้าที่พร้อมให้อภัยและดูแลในกรณีที่ทำไปด้วยความหลงผิด รู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือถูกบีบบังคับ และหากคิดว่าเจ้าหน้าที่ไม่เป็นธรรม ขอให้ท่านออกมาบอกเพื่อจะได้แก้ไข ส่วนผู้ที่มีหมายจับตาม ป.วิอาญาและมามอบตัวนั้น ก็เหมือนคดีอาญา เมื่อมามอบตัวก็ได้รับการลดโทษ ซึ่งถ้ามามอบตัวในกรณีนี้ คณะกรรมการก็จะดูมาเข้ามาตรา 21 หรือไม่ ถ้าเข้าก็ดำเนินการต่อ ถ้าศาลเห็นว่าต้องฟ้องตามกฎหมายอาญา ก็ไปเข้าในขั้นตอนปกติ ถ้าคดีไม่ร้ายแรงก็ไม่ฟ้องก็แยกมาเข้ารับการอบรม 6 เดือน หรือ 1 ปีแล้วมาช่วยกันพัฒนาประเทศชาติ
เมื่อถามถึงกรณีที่ประธานสภาฯ ศปต.ไม่เห็นด้วยและให้ยุบ ศปก.กปต.นั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า คนที่เป็นที่ปรึกษาฯ ต้องอยู่ตรงกลางให้ได้ ไม่ใช่ซ้ายข้างหนึ่ง ขวาข้างหนึ่งแล้วคนทำงานจะอยู่ตรงไหน และตนก็จะไปร่วมประชุมในวันอังคารที่ 18 ก.ย.ด้วย เพราะทุกอย่างที่ทำมาทั้งหมดเดินมาตั้งแต่ปี 2547 ทุกปีมีอะไรที่ก้าวหน้าและเปลี่ยนแปลง พูดอะไรต้องระมัดระวัง ให้ไปในจุดมุ่งหมายในการแก้ไขปัญหาภาคใต้ ถามว่าถ้าตั้ง กปต.ไม่ได้แล้วจะให้ทำอะไร และ มีเหตุผลอะไรไม่ให้ตั้ง และเมื่อตั้งขึ้นมาจะเทคไซด์หรืออย่างไร อย่านำการเมืองมาเล่นในการแก้ไขปัญหา