วานนี้(27 ส.ค.55) เมื่อเวลา 11.15 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.ดิฏฐพร ศศะสมิต โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กล่าวภายหลังการประชุมศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปก.จชต.) ที่มีพล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง เป็นประธานว่า สำหรับการประชุมครั้งนี้เป็นการประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าในส่วนของการข่าวและติดตามสถานการณ์ของศปก.จชต.ที่ได้เริ่มทำงานไปล่วงหน้าแล้ว โดยได้มีการหารือกันถึงเรื่องการปรับเรื่องพื้นที่ให้มีความละเอียดมากขึ้น โดยจะใช้หน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง เช่น เรื่องการตรวจยานพาหนะที่เข้า – ออกในพื้นที่
โดยจะมีการบูรณการในการตั้งด่านหรือใช้หน่วยงานที่มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับพ.ร.บ.จราจรหรือกรมการขนส่งเพื่อมาช่วยเหลือ ขณะที่ฝ่ายตำรวจก็ได้ให้ความเป็นห่วงรถที่ถูกโจรกรรม ซึ่งก็จะเพิ่มความเข้มข้นในเรื่องการตรวจตรายานพาหนะ นอกจากนี้ ยังได้มีการพิจารณาเรื่องการศึกษาในส่วนของเด็กในพื้นที่ที่สมัยเด็กเล็กเคยเรียนร่วมกัน แต่พอโตขึ้นมาได้มีการแยกเรียนทั้งสายการศาสนาและสายสามัญ ทำให้เกิดความห่างเหินกันไป ซึ่งจะให้มีการจัดระบบการศึกษาให้เหมาะกับพื้นที่มากขึ้น
ในส่วนของการส่งกำลังตำรวจจำนวน 1,500 นายลงพื้นที่ภาคใต้นั้น เบื้องต้นจะมีการจัดกำลังตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) มาใช้ในพื้นที่ก่อน จากนั้นจะรับสมัครจากทหารกองหนุนที่ปลดประจำการแล้วนำไปฝึกอบรมแล้วจะนำไปบรรจุแทนเจ้าหน้าที่ตชด.ที่จะลงมาปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งวิธีการนี้จะเป็นการลดขั้นตอนในการเตรียมคนที่จะลงมาปฏิบัติหน้าที่ อย่างไรก็ตาม รายละเอียดเรื่องนี้จะต้องไปดูความเหมาะสมของหลักสูตรการเตรียมคนและการพิจารณาคนให้เหมาะสมอีกครั้ง เพราะในข้อเท็จจริงเราพิจารณาว่าจะต้องใช้ตชด.ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่จังหวัดภาคใต้เป็นหลัก แต่ก็อาจจะไม่เพียงพอต่อการคัดเลือกลงมาทำหน้าที่ ทั้งนี้ สำหรับกำลังตำรวจจำนวน 1,500 นายดังกล่าว เบื้องต้น คาดว่าในวันที่ 1 ต.ค.จะลงพื้นที่ไปส่วนหนึ่ง
สำหรับความคืบหน้าเรื่องโครงสร้างศปก.จชต.นั้น ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนตรวจสอบของคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยคาดว่าสัปดาห์นี้คณะกรรมการกฤษฎีกาจะส่งมาให้รองนายกรัฐมนตรีเพื่อส่งให้นายกฯลงนามต่อไปได้ ขณะที่ในส่วนของตำแหน่งเลขาฯศปก.จชต.นั้น ขณะนี้ยังมีการเสนอชื่อของหลายหน่วยงาน เบื้องต้นได้มีการเสนอชื่อของพล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รองผบ.ทบ. และพล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร รองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ซึ่งเรื่องนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป เพราะต้องเป็นมติของที่ประชุม
สำหรับสถานการณ์หลังเดือนรอมฎอนนั้น ถ้าจะให้พูดว่าสถานการณ์น้อยลงก็เหมือนกับเป็นการยั่วยุให้อีกฝ่ายกระทำการมากขึ้น แต่หากบอกว่าสถานการณ์มีมากขึ้นก็จะกระทบความรู้สึกของประชาชนว่าเจ้าหน้าที่ทำงานไม่ประสบความสำเร็จ แต่ทั้งนี้ ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้พยายามทำงานอย่างเต็มที่และไม่มีใครอยากเสียชีวิต ฉะนั้นเราจะมีการปรับวิธีการและมาตรการต่างอยู่ตลอดเวลา เพียงแต่ฝ่ายผู้ก่อความไม่สงบมักจะเลือกลงมือในจุดที่มีความเสี่ยงต่อเขาน้อยหรือสถานที่ซึ่งเป็นที่อ่อนไหวหรืออ่อนแอต่อการดูแล
ขณะที่ความคืบหน้าคดีระเบิดโชว์รูมรถยนต์ที่จ.ปัตตานีนั้น ขณะนี้อยู่ในระหว่างการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่มีสิ่งที่ทิ้งไม่ได้คือ ประเด็นการเมืองท้องถิ่น การก่อการร้าย และผลประโยชน์ ซึ่งหลายๆอย่างอาจมีความเกี่ยวพันกัน เพราะเจ้าของโชว์รูมก็เป็นนักการเมืองในท้องถิ่นและอาจจะมีความขัดแย้งกับผู้ที่ทำธุรกิจเดียวกัน อย่างไรก็ตาม คงต้องผลการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจออกมาก่อน
**โยนบิ๊กอ๊อดตอบเพิ่มตร.ลงใต้
ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีการเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ว่า ขณะนี้ได้มีการให้อัตรากำลังมาแล้ว ตนไม่ขอแสดงความเห็นมาก ให้ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง เป็นผู้แสดงความเห็น เมื่อถามว่า กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะลงไปภาคใต้ในเดือนตุลาคมนี้จะลงไปได้ประมาณกี่นาย ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ขอเช็คจำนวนตัวเลขอีกที ทั้งนี้ ที่มีการตั้งไว้ 1,500 นาย แต่จากการที่เปิดรับนั้น อัตรามันเกิน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทำไมฝ่ายกำลังพลของกรมตำรวจปล่อยให้ตำรวจไปสอบชั้นสัญญาบัตร และเกิดปัญหากำลังอัตราว่าง ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตอนนั้นเขามีแนวคิดให้คนที่จบปริญญาตรีมาเป็นพลตำรวจ ก็เลยเกิดการผิดฝาผิดตัว เดี๋ยวก็ค่อยๆเข้าที่
** ผบ.ทบ.เดินตามสภาสันติสุข
ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวว่า การจะทำเรื่อง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มีหลายวิธีการ แต่การนำทุกอย่างไปสู่การปฏิบัตินั้นทำได้แค่ไหน โดยทุกฝ่ายต้องทำงานไปด้วยกัน ซึ่งขณะนี้เราแก้ไขปัญหาด้วยการใช้กลุ่มพลังต่างๆในภาคใต้ เช่นสภาสันติสุข กลุ่มผู้นำศาสนาต่างๆ สภาที่ปรึกษาฯ มาเกี่ยวข้องทั้งหมด เหมือนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเคยดำเนินการที่จ.สตูล ซึ่งทำมาแล้ว 6 ปี เหตุการณ์สงบเรียบร้อยดีมาก เหตุเกิดขึ้นน้อยมาก ทั้งนี้เราอย่าไปตกหล่มโจรที่ต้องการยั่วยุคนทั้งประเทศให้โกรธแค้น เพื่อให้ฝ่ายความมั่นคงใช้ความรุนแรงไปโต้ตอบ ไม่เช่นนั้นจะเข้าล๊อก
อย่างไรก็ตามคนไทยพุทธและมุสลิมมีสิทธิอยู่อย่างปลอดภัยในประเทศไทย การแก้ไขปัญหามีทุกมิติที่ทำอยู่ โดยทุกกระทรวง ทบวง กรมต้องไปด้วยกัน ขณะนี้มีการดำเนินการอยู่แต่ไม่พร้อมกัน โดยอาจจะไม่ตรงห้วงเวลา ติดขัดเรื่องระเบียบ เพราะการใช้งบประมาณไม่ง่ายนัก อนุมัติแล้วยังไม่มีเม็ดเงิน รัฐบาลก็ต้องไปหาเงินมา เช่นโครงการต้องทำในไตรมาส 1แต่ได้เงินมาในไตรมาส 3 ทำให้ผลลัพธ์ไม่สัมฤทธิ์ ดังนั้นขอร้องให้อดทนกันอีกนิดหน่อย คนไทยพุทธและมุสลิมที่สัญจรไปมาก็ขอให้ระมัดระวังตัวมากขึ้น โดยเจ้าหน้าที่ก็ทำงานอยู่ไม่ได้ปัดความรับผิดชอบ
“วันนี้มีทั้งประชาชนและเจ้าหน้าที่บาดเจ็บ แสดงว่าทหารออกไปทำงานและก็โดนมากกว่า ล่อเป้าอยู่ทุกวัน ฝ่ายโน่นต้องทบทวนเหมือนกันว่าการทำร้ายคนไม่มัวไม่เป็นผลดีกับท่านเลย ไม่เกิดประโยชน์ ดังนั้นมาช่วยกันพัฒนาประเทศดีกว่า พวกโจรที่ทำทุจริตผิดกฎหมาย หากแสวงหาผลประโยชน์ขอให้เลิกซะเถอะ อย่าทำกรรมเวรกับประเทศชาติ เงินทองก็ไม่ได้ใช้หรอก เดี๋ยวก็ตายหมด ติดคุก ติดตะราง ถูกตำรวจจับ” ผบ.ทบ. กล่าว
โดยจะมีการบูรณการในการตั้งด่านหรือใช้หน่วยงานที่มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับพ.ร.บ.จราจรหรือกรมการขนส่งเพื่อมาช่วยเหลือ ขณะที่ฝ่ายตำรวจก็ได้ให้ความเป็นห่วงรถที่ถูกโจรกรรม ซึ่งก็จะเพิ่มความเข้มข้นในเรื่องการตรวจตรายานพาหนะ นอกจากนี้ ยังได้มีการพิจารณาเรื่องการศึกษาในส่วนของเด็กในพื้นที่ที่สมัยเด็กเล็กเคยเรียนร่วมกัน แต่พอโตขึ้นมาได้มีการแยกเรียนทั้งสายการศาสนาและสายสามัญ ทำให้เกิดความห่างเหินกันไป ซึ่งจะให้มีการจัดระบบการศึกษาให้เหมาะกับพื้นที่มากขึ้น
ในส่วนของการส่งกำลังตำรวจจำนวน 1,500 นายลงพื้นที่ภาคใต้นั้น เบื้องต้นจะมีการจัดกำลังตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) มาใช้ในพื้นที่ก่อน จากนั้นจะรับสมัครจากทหารกองหนุนที่ปลดประจำการแล้วนำไปฝึกอบรมแล้วจะนำไปบรรจุแทนเจ้าหน้าที่ตชด.ที่จะลงมาปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งวิธีการนี้จะเป็นการลดขั้นตอนในการเตรียมคนที่จะลงมาปฏิบัติหน้าที่ อย่างไรก็ตาม รายละเอียดเรื่องนี้จะต้องไปดูความเหมาะสมของหลักสูตรการเตรียมคนและการพิจารณาคนให้เหมาะสมอีกครั้ง เพราะในข้อเท็จจริงเราพิจารณาว่าจะต้องใช้ตชด.ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่จังหวัดภาคใต้เป็นหลัก แต่ก็อาจจะไม่เพียงพอต่อการคัดเลือกลงมาทำหน้าที่ ทั้งนี้ สำหรับกำลังตำรวจจำนวน 1,500 นายดังกล่าว เบื้องต้น คาดว่าในวันที่ 1 ต.ค.จะลงพื้นที่ไปส่วนหนึ่ง
สำหรับความคืบหน้าเรื่องโครงสร้างศปก.จชต.นั้น ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนตรวจสอบของคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยคาดว่าสัปดาห์นี้คณะกรรมการกฤษฎีกาจะส่งมาให้รองนายกรัฐมนตรีเพื่อส่งให้นายกฯลงนามต่อไปได้ ขณะที่ในส่วนของตำแหน่งเลขาฯศปก.จชต.นั้น ขณะนี้ยังมีการเสนอชื่อของหลายหน่วยงาน เบื้องต้นได้มีการเสนอชื่อของพล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รองผบ.ทบ. และพล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร รองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ซึ่งเรื่องนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป เพราะต้องเป็นมติของที่ประชุม
สำหรับสถานการณ์หลังเดือนรอมฎอนนั้น ถ้าจะให้พูดว่าสถานการณ์น้อยลงก็เหมือนกับเป็นการยั่วยุให้อีกฝ่ายกระทำการมากขึ้น แต่หากบอกว่าสถานการณ์มีมากขึ้นก็จะกระทบความรู้สึกของประชาชนว่าเจ้าหน้าที่ทำงานไม่ประสบความสำเร็จ แต่ทั้งนี้ ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้พยายามทำงานอย่างเต็มที่และไม่มีใครอยากเสียชีวิต ฉะนั้นเราจะมีการปรับวิธีการและมาตรการต่างอยู่ตลอดเวลา เพียงแต่ฝ่ายผู้ก่อความไม่สงบมักจะเลือกลงมือในจุดที่มีความเสี่ยงต่อเขาน้อยหรือสถานที่ซึ่งเป็นที่อ่อนไหวหรืออ่อนแอต่อการดูแล
ขณะที่ความคืบหน้าคดีระเบิดโชว์รูมรถยนต์ที่จ.ปัตตานีนั้น ขณะนี้อยู่ในระหว่างการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่มีสิ่งที่ทิ้งไม่ได้คือ ประเด็นการเมืองท้องถิ่น การก่อการร้าย และผลประโยชน์ ซึ่งหลายๆอย่างอาจมีความเกี่ยวพันกัน เพราะเจ้าของโชว์รูมก็เป็นนักการเมืองในท้องถิ่นและอาจจะมีความขัดแย้งกับผู้ที่ทำธุรกิจเดียวกัน อย่างไรก็ตาม คงต้องผลการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจออกมาก่อน
**โยนบิ๊กอ๊อดตอบเพิ่มตร.ลงใต้
ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีการเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ว่า ขณะนี้ได้มีการให้อัตรากำลังมาแล้ว ตนไม่ขอแสดงความเห็นมาก ให้ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง เป็นผู้แสดงความเห็น เมื่อถามว่า กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะลงไปภาคใต้ในเดือนตุลาคมนี้จะลงไปได้ประมาณกี่นาย ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ขอเช็คจำนวนตัวเลขอีกที ทั้งนี้ ที่มีการตั้งไว้ 1,500 นาย แต่จากการที่เปิดรับนั้น อัตรามันเกิน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทำไมฝ่ายกำลังพลของกรมตำรวจปล่อยให้ตำรวจไปสอบชั้นสัญญาบัตร และเกิดปัญหากำลังอัตราว่าง ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตอนนั้นเขามีแนวคิดให้คนที่จบปริญญาตรีมาเป็นพลตำรวจ ก็เลยเกิดการผิดฝาผิดตัว เดี๋ยวก็ค่อยๆเข้าที่
** ผบ.ทบ.เดินตามสภาสันติสุข
ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวว่า การจะทำเรื่อง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มีหลายวิธีการ แต่การนำทุกอย่างไปสู่การปฏิบัตินั้นทำได้แค่ไหน โดยทุกฝ่ายต้องทำงานไปด้วยกัน ซึ่งขณะนี้เราแก้ไขปัญหาด้วยการใช้กลุ่มพลังต่างๆในภาคใต้ เช่นสภาสันติสุข กลุ่มผู้นำศาสนาต่างๆ สภาที่ปรึกษาฯ มาเกี่ยวข้องทั้งหมด เหมือนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเคยดำเนินการที่จ.สตูล ซึ่งทำมาแล้ว 6 ปี เหตุการณ์สงบเรียบร้อยดีมาก เหตุเกิดขึ้นน้อยมาก ทั้งนี้เราอย่าไปตกหล่มโจรที่ต้องการยั่วยุคนทั้งประเทศให้โกรธแค้น เพื่อให้ฝ่ายความมั่นคงใช้ความรุนแรงไปโต้ตอบ ไม่เช่นนั้นจะเข้าล๊อก
อย่างไรก็ตามคนไทยพุทธและมุสลิมมีสิทธิอยู่อย่างปลอดภัยในประเทศไทย การแก้ไขปัญหามีทุกมิติที่ทำอยู่ โดยทุกกระทรวง ทบวง กรมต้องไปด้วยกัน ขณะนี้มีการดำเนินการอยู่แต่ไม่พร้อมกัน โดยอาจจะไม่ตรงห้วงเวลา ติดขัดเรื่องระเบียบ เพราะการใช้งบประมาณไม่ง่ายนัก อนุมัติแล้วยังไม่มีเม็ดเงิน รัฐบาลก็ต้องไปหาเงินมา เช่นโครงการต้องทำในไตรมาส 1แต่ได้เงินมาในไตรมาส 3 ทำให้ผลลัพธ์ไม่สัมฤทธิ์ ดังนั้นขอร้องให้อดทนกันอีกนิดหน่อย คนไทยพุทธและมุสลิมที่สัญจรไปมาก็ขอให้ระมัดระวังตัวมากขึ้น โดยเจ้าหน้าที่ก็ทำงานอยู่ไม่ได้ปัดความรับผิดชอบ
“วันนี้มีทั้งประชาชนและเจ้าหน้าที่บาดเจ็บ แสดงว่าทหารออกไปทำงานและก็โดนมากกว่า ล่อเป้าอยู่ทุกวัน ฝ่ายโน่นต้องทบทวนเหมือนกันว่าการทำร้ายคนไม่มัวไม่เป็นผลดีกับท่านเลย ไม่เกิดประโยชน์ ดังนั้นมาช่วยกันพัฒนาประเทศดีกว่า พวกโจรที่ทำทุจริตผิดกฎหมาย หากแสวงหาผลประโยชน์ขอให้เลิกซะเถอะ อย่าทำกรรมเวรกับประเทศชาติ เงินทองก็ไม่ได้ใช้หรอก เดี๋ยวก็ตายหมด ติดคุก ติดตะราง ถูกตำรวจจับ” ผบ.ทบ. กล่าว