ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - คนร้ายคาร์บอมบ์หน้าที่ว่าการอำเภอปานาเระ ศูนย์รวมหน่วยงานราชการ รถยนต์เจ้าหน้าที่ได้รับความเสียหายกว่า 10 คัน แต่โชคดีไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต "มาร์ค"แนะ"ปู"ใช้โครงสร้างเดิมดับไฟใต้ แนะเร่งแก้ไข "กปต." อย่าปล่อยลองผิดลองถูก ด้าน“บิ๊กอ๊อด”ยอมรับ "ข่าวกรอง" เตือนอาจเกิดเหตุบึ้มส่งท้ายรอมฎอน รับตามยึดรถใช้ทำคาร์บอมบ์ยาก เหตุต้องระวัง "กับระเบิด" ฟันธงวัยรุ่น 9 พันหัวโจกก่อเหตุใต้
เมื่อเวลา 13.10 น.วานนี้ (16 ส.ค.) ขณะที่ พ.ต.อ.มานิตย์ ยิ้มซ้าย ผกก.สภ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี นั่งปฏิบัติหน้าที่อยู่ภายในห้องทำงาน ปรากฏว่า ได้ยิงเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวจึงรีบออกมาดู พบว่าจุดเกิดเหตุระเบิดอยู่บริเวณลานจอดรถหน้าที่ว่าการอำเภอปะนาเระ และมีเพลิงลุกไหม้รถยนต์อย่างรุนแรง จึงรีบวิทยุประสานรถดับเพลิงเข้ามาระงับเหตุ เจ้าหน้าที่ใช้เวลาร่วม 20 นาที จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้
จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบว่า แรงระเบิดทำให้รถยนต์ซึ่งเป็นของเจ้าหน้าที่ได้รับความเสียหายจากไฟไหม้และสเก็ดระเบิด โดยพบว่ารถคันที่คนร้ายนำมาก่อเหตุถูกแรงระเบิดจนเหลือแต่ซาก ตรวจสอบเป็นรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ แค๊ป สีบอร์น ติดป้ายทะเบียนปลอมโดยดัดแปลงป้ายทะเบียนเป็น 2 ด้าน คือ กข 2585 ปัตตานี และ บฉ 2585 ยะลา
นอกจากนี้ แรงระเบิดยังทำให้รถยนต์เก๋งและกระบะของเจ้าหน้าที่อำเภอ ตำรวจ และเจ้าหน้าที่เทศบาล ได้รับความเสียหายถูกไฟไหม้และสะเก็ดระเบิดพังทั้งคันกว่า 10 คัน สำนักงานต่าง ๆ บ้านเรือนประชาชน ที่อยู่บริเวณที่เกิดเหตุได้รับความเสียหายจากสะเก็ดระเบิดหลายหลัง เจ้าหน้าที่พบชิ้นส่วนโทรศัพท์มือถือ ชิ้นส่วนอิเลคทรอนิกและสะเก็ดระเบิดกระจายไปทั่วบริเวณ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
พ.ต.อ.มานิตย์ เปิดเผยหลังเกิดเหตุว่า หลังจากได้ทำการตรวจสอบหลักฐานโดยเฉพาะรถยนต์คันที่คนร้ายนำมาก่อเหตุนั้น พบว่ามีการดัดแปลงสีรถโดยการนำสติ๊กเกอร์สีดำเพื่ออำพรางสีพร้อมกับติดป้ายทะเบียนปลอมเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ โดยคนร้ายได้นำรถยนต์ซุกระเบิดแสวงเครื่องน้ำหนักประมาณ 30 กก.จุดชนวนด้วยโทรศัพท์มือถือขับเข้ามาจอดไว้ช่วงเวลา13.00 น. จากนั้นพยานซึ่งเห็นตัวคนร้าย ระบุว่า คนร้ายสวมใส่ชุดสุภาพถือแฟ้มเอกสารเดินลงจากรถทำทีมาติดต่อราชการ แต่กลับเดินออกจากอำเภอได้เพียง 10 นาที จึงกดระเบิดขึ้น
สำหรับจุดที่เกิดเหตุถือว่าเป็นศูนย์รวมของส่วนราชการทั้งหมดของอำเภอปะนาเระ เชื่อคนร้ายมีการวางแผนมาก่อนและรู้ช่วงจังหวะในการก่อเหตุ แต่โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงความกังวลว่าอาจมีการก่อความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ก่อนสิ้นสุดเดือนรอมฎอนในวันที่ 19 ส.ค.นี้ว่า ตนได้รับทราบเรื่องนี้จากการลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เมื่อวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา และสำนักข่าวกรองแห่งชาติได้แจ้งคำเตือนมาเช่นกัน ตนจึงได้เตือนหน่วยปฏิบัติที่ จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมาว่า ขอให้หน่วยปฏิบัติมีความระมัดระวังมากขึ้นในช่วง 10 วันสุดท้ายก่อนสิ้นสุดเดือนรอมฎอน เพราะมีการสร้างความเข้าใจที่ผิดในกลุ่มผู้ก่อความรุนแรงว่าถ้าเขาก่อความรุนแรงในช่วง 10 วันดังกล่าว จะทำให้ได้รับบุญมากขึ้น 3-4 เท่าและได้เฝ้าองค์อัลเลาะห์ คนพวกนี้จึงพยายามสร้างความรุนแรงในช่วงเวลาดังกล่าว ทั้งนี้ ตนได้เห็นการเตรียมการของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ภาค 4 เป็นไปอย่างเข้มงวด เช่น การจัดตั้งด่านตรวจ การลาดตระเวน เป็นต้น ขณะที่การเตรียมการของแต่ละจังหวัดก็ทำได้อย่างดีมาก โดยว่าผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ได้เรียกประชุมในเรื่องนี้แล้ว ซึ่งมีการวางแผน 3 ขั้นตอน และจัดการตรวจตราพื้นที่เป็น 3 วงรอบ คือ วงรอบภายใน วงรอบกลาง และวงรอบภายนอก
ต่อข้อถามถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับการพูดคุยหรือการเจรจากับผู้ก่อความไม่สงบ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ไม่ใช่การเจรจาเพราะจะมีการต่อรอง แต่เราใช้การพูดคุยเพื่อสันติภาพ ซึ่งการพูดคุยเพื่อสันติภาพถือเป็นนโยบายอยู่แล้วที่จะให้หน่วยปฏิบัติดำเนินการ ตนคิดว่า ศอ.บต.กำลังดำเนินการอยู่แล้วในทางลับ เราหวังว่าจะทำเป็นขั้นตอนและจะมีการพัฒนาในอนาคตต่อไป ทั้งนี้หน่วยปฏิบัติในพื้นที่รู้ว่าใครเป็นกลุ่มเป้าหมายในการพูดคุยดังกล่าว ซึ่งเขามีการายงานทางลับเข้ามาตลอด โดยการพูดคุยดังกล่าวจะมีขึ้นกับกลุ่มผู้ก่อเหตุที่เป็นคนรุ่นใหม่ เพราะการก่อเหตุความไม่สงบในช่วงนี้เป็นฝีมือของกลุ่มนี้ ซึ่งมีประมาณ 2 กลุ่มหลักที่มีสมาชิกและแนวร่วมรวมกันประมาณ 9,000 คน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แสดงความไม่พอใจในแผนการดำเนินงานในการแก้ไขปัญหาภาคใต้ของทั้ง 17 กระทรวงว่า คำว่า ไม่พอใจหรือพอใจไม่ใช่ความล้มเหลว นี่เป็นการทำงานครั้งแรกที่นำทั้ง 17 หน่วยงานกับ 66 กระทรวงมานั่งตีแผ่งบประมาณ ซึ่งยังไม่มีใครทำได้ วันนี้ เป็นการเปิดศักราชใหม่ การแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเป็นการแต่งตั้งเฉพาะกิจ ซึ่งเป็นการใช้อำนาจของนายกฯแต่งตั้งขึ้นมา แน่นอนว่าทั้ง 17 หน่วยงาน ท่านนายกฯต้องการให้แผนงานนั้นประสบผลสำเร็จโดยเร็วโดยแผนงานทั้งหมดจะต้องมาดูอีกว่า แผนงานไหนควรทำหรือไม่ควรทำ แล้วนำงบประมาณที่ยกเลิกไปนำกลับมาทำใหม่อีกครั้ง
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวกรณีที่มีรายงานว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไม่พอใจการทำงานของคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้หรือกปต.ว่า ขณะนี้ไม่จำเป็นต้องตั้งอะไรเพิ่มเติม แต่ควรบริหารโครงสร้างเดิมให้ชัดเจน และถ้าไม่พอใจ ก็ต้องเร่งแก้ไข ไม่ควรปล่อยให้มีการลองผิดลองถูก เพราะจะเป็นการซ้ำเติมปัญหา
เมื่อเวลา 13.10 น.วานนี้ (16 ส.ค.) ขณะที่ พ.ต.อ.มานิตย์ ยิ้มซ้าย ผกก.สภ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี นั่งปฏิบัติหน้าที่อยู่ภายในห้องทำงาน ปรากฏว่า ได้ยิงเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวจึงรีบออกมาดู พบว่าจุดเกิดเหตุระเบิดอยู่บริเวณลานจอดรถหน้าที่ว่าการอำเภอปะนาเระ และมีเพลิงลุกไหม้รถยนต์อย่างรุนแรง จึงรีบวิทยุประสานรถดับเพลิงเข้ามาระงับเหตุ เจ้าหน้าที่ใช้เวลาร่วม 20 นาที จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้
จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบว่า แรงระเบิดทำให้รถยนต์ซึ่งเป็นของเจ้าหน้าที่ได้รับความเสียหายจากไฟไหม้และสเก็ดระเบิด โดยพบว่ารถคันที่คนร้ายนำมาก่อเหตุถูกแรงระเบิดจนเหลือแต่ซาก ตรวจสอบเป็นรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ แค๊ป สีบอร์น ติดป้ายทะเบียนปลอมโดยดัดแปลงป้ายทะเบียนเป็น 2 ด้าน คือ กข 2585 ปัตตานี และ บฉ 2585 ยะลา
นอกจากนี้ แรงระเบิดยังทำให้รถยนต์เก๋งและกระบะของเจ้าหน้าที่อำเภอ ตำรวจ และเจ้าหน้าที่เทศบาล ได้รับความเสียหายถูกไฟไหม้และสะเก็ดระเบิดพังทั้งคันกว่า 10 คัน สำนักงานต่าง ๆ บ้านเรือนประชาชน ที่อยู่บริเวณที่เกิดเหตุได้รับความเสียหายจากสะเก็ดระเบิดหลายหลัง เจ้าหน้าที่พบชิ้นส่วนโทรศัพท์มือถือ ชิ้นส่วนอิเลคทรอนิกและสะเก็ดระเบิดกระจายไปทั่วบริเวณ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
พ.ต.อ.มานิตย์ เปิดเผยหลังเกิดเหตุว่า หลังจากได้ทำการตรวจสอบหลักฐานโดยเฉพาะรถยนต์คันที่คนร้ายนำมาก่อเหตุนั้น พบว่ามีการดัดแปลงสีรถโดยการนำสติ๊กเกอร์สีดำเพื่ออำพรางสีพร้อมกับติดป้ายทะเบียนปลอมเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ โดยคนร้ายได้นำรถยนต์ซุกระเบิดแสวงเครื่องน้ำหนักประมาณ 30 กก.จุดชนวนด้วยโทรศัพท์มือถือขับเข้ามาจอดไว้ช่วงเวลา13.00 น. จากนั้นพยานซึ่งเห็นตัวคนร้าย ระบุว่า คนร้ายสวมใส่ชุดสุภาพถือแฟ้มเอกสารเดินลงจากรถทำทีมาติดต่อราชการ แต่กลับเดินออกจากอำเภอได้เพียง 10 นาที จึงกดระเบิดขึ้น
สำหรับจุดที่เกิดเหตุถือว่าเป็นศูนย์รวมของส่วนราชการทั้งหมดของอำเภอปะนาเระ เชื่อคนร้ายมีการวางแผนมาก่อนและรู้ช่วงจังหวะในการก่อเหตุ แต่โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงความกังวลว่าอาจมีการก่อความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ก่อนสิ้นสุดเดือนรอมฎอนในวันที่ 19 ส.ค.นี้ว่า ตนได้รับทราบเรื่องนี้จากการลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เมื่อวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา และสำนักข่าวกรองแห่งชาติได้แจ้งคำเตือนมาเช่นกัน ตนจึงได้เตือนหน่วยปฏิบัติที่ จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมาว่า ขอให้หน่วยปฏิบัติมีความระมัดระวังมากขึ้นในช่วง 10 วันสุดท้ายก่อนสิ้นสุดเดือนรอมฎอน เพราะมีการสร้างความเข้าใจที่ผิดในกลุ่มผู้ก่อความรุนแรงว่าถ้าเขาก่อความรุนแรงในช่วง 10 วันดังกล่าว จะทำให้ได้รับบุญมากขึ้น 3-4 เท่าและได้เฝ้าองค์อัลเลาะห์ คนพวกนี้จึงพยายามสร้างความรุนแรงในช่วงเวลาดังกล่าว ทั้งนี้ ตนได้เห็นการเตรียมการของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ภาค 4 เป็นไปอย่างเข้มงวด เช่น การจัดตั้งด่านตรวจ การลาดตระเวน เป็นต้น ขณะที่การเตรียมการของแต่ละจังหวัดก็ทำได้อย่างดีมาก โดยว่าผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ได้เรียกประชุมในเรื่องนี้แล้ว ซึ่งมีการวางแผน 3 ขั้นตอน และจัดการตรวจตราพื้นที่เป็น 3 วงรอบ คือ วงรอบภายใน วงรอบกลาง และวงรอบภายนอก
ต่อข้อถามถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับการพูดคุยหรือการเจรจากับผู้ก่อความไม่สงบ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ไม่ใช่การเจรจาเพราะจะมีการต่อรอง แต่เราใช้การพูดคุยเพื่อสันติภาพ ซึ่งการพูดคุยเพื่อสันติภาพถือเป็นนโยบายอยู่แล้วที่จะให้หน่วยปฏิบัติดำเนินการ ตนคิดว่า ศอ.บต.กำลังดำเนินการอยู่แล้วในทางลับ เราหวังว่าจะทำเป็นขั้นตอนและจะมีการพัฒนาในอนาคตต่อไป ทั้งนี้หน่วยปฏิบัติในพื้นที่รู้ว่าใครเป็นกลุ่มเป้าหมายในการพูดคุยดังกล่าว ซึ่งเขามีการายงานทางลับเข้ามาตลอด โดยการพูดคุยดังกล่าวจะมีขึ้นกับกลุ่มผู้ก่อเหตุที่เป็นคนรุ่นใหม่ เพราะการก่อเหตุความไม่สงบในช่วงนี้เป็นฝีมือของกลุ่มนี้ ซึ่งมีประมาณ 2 กลุ่มหลักที่มีสมาชิกและแนวร่วมรวมกันประมาณ 9,000 คน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แสดงความไม่พอใจในแผนการดำเนินงานในการแก้ไขปัญหาภาคใต้ของทั้ง 17 กระทรวงว่า คำว่า ไม่พอใจหรือพอใจไม่ใช่ความล้มเหลว นี่เป็นการทำงานครั้งแรกที่นำทั้ง 17 หน่วยงานกับ 66 กระทรวงมานั่งตีแผ่งบประมาณ ซึ่งยังไม่มีใครทำได้ วันนี้ เป็นการเปิดศักราชใหม่ การแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเป็นการแต่งตั้งเฉพาะกิจ ซึ่งเป็นการใช้อำนาจของนายกฯแต่งตั้งขึ้นมา แน่นอนว่าทั้ง 17 หน่วยงาน ท่านนายกฯต้องการให้แผนงานนั้นประสบผลสำเร็จโดยเร็วโดยแผนงานทั้งหมดจะต้องมาดูอีกว่า แผนงานไหนควรทำหรือไม่ควรทำ แล้วนำงบประมาณที่ยกเลิกไปนำกลับมาทำใหม่อีกครั้ง
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวกรณีที่มีรายงานว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไม่พอใจการทำงานของคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้หรือกปต.ว่า ขณะนี้ไม่จำเป็นต้องตั้งอะไรเพิ่มเติม แต่ควรบริหารโครงสร้างเดิมให้ชัดเจน และถ้าไม่พอใจ ก็ต้องเร่งแก้ไข ไม่ควรปล่อยให้มีการลองผิดลองถูก เพราะจะเป็นการซ้ำเติมปัญหา