xs
xsm
sm
md
lg

รัฐบาลแก้ผ้าเอาหน้ารอด จับฉ่าย ดับ “ไฟใต้” สุดมั่ว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ผ่าประเด็นร้อน

ความวัวยังไม่หาย ความควายก็กระโดดเข้าแทรก “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” ทันที

หลังจากเพิ่งกลืนเลือดใส่เกียร์ถอย ชะลอการโหวตแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ 3 และร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ เพื่อลดอุณหภูมิทางการเมืองที่ร้อนแรงไม่ให้สั่นคลอนเสถียรรัฐบาลไปได้อยู่หยกๆ

แต่เรื่อง “ไฟใต้” การแก้ไขปัญหาความไม่สงบในชายแดนปลายด้ามขวานที่ยังกรุ่นๆ อยู่ ก็ระอุรุมเร้าเข้าใส่รัฐบาลเข้าฉาดใหญ่ไม่ให้ทันได้ตั้งตัว ไม่ได้พักหายใจ โดยเฉพาะ “เทศกาลรอมฎอน” ปีนี้ ที่ดุกว่าปีอื่นๆ เปิดฉากเผาเครื่องได้สะท้านสะเทือนอารมณ์คนทั้งประเทศ อย่างเหตุการณ์คาร์บอมบ์กลางเมืองสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 8 ราย

ความโศกสลดจากปฏิบัติการโหดเหี้ยมที่ “โก-ลก” ยังไม่ทันสร่างซา อีก 5 วันต่อมา กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบก็ลงมือปฏิบัติการกระตุกต่อมอารมณ์ชาวบ้านอีกครั้ง ด้วยยุทธวิธีคาร์บอมบ์เหมือนเดิมในท้องที่ อ.รามัน จ.ยะลา จนเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิต 5 นาย

และที่ร้ายแรงจนคนไทยกลั้นน้ำตาไม่อยู่ ก็หนีไม่พ้นภาพคนร้ายจากกล้องวงจรปิด ลงมือปฏิบัติการประกบยิงทหารชุดลาดตระเวนอย่างโหดเหี้ยมในท้องที่ อ.มายอ จ.ปัตตานี เสียชีวิตไปอีก 4 นาย เมื่อวันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา

ขณะเดียวกัน สถานการณ์ล่าสุดก็ยังพบว่าเกิดเหตุความไม่สงบในพื้นที่ดินแดนด้านขวานอีกอย่างต่อเนื่องในหลายพื้นที่กระจัดกระจายรอบบริเวณ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จนคนในพื้นที่หวาดผวาไม่เป็นอันทำอะไร

แต่ในทางตรงกันข้าม “รัฐบาลทักษิณส่วนหน้า” กลับเดินลอยหน้าลอยตาราวกับปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นแค่ปัญหาก้อนกรวด ก้อนทราย ทั้งๆ ที่ การแก้ไขปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ นโยบายของรัฐบาลที่ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี ยืนท่องสคริปต์อ่านในวันแถลงนโยบายต่อรัฐสภาเมื่อปีที่แล้ว

มิหนำซ้ำ หลังจากเกิดเหตุการณ์เป็นต้นมา “นารีปู” เองก็หาได้สะทกสะท้านหรือกระวนกระวายเร่งจ้ำจี้จ้ำไชหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาระดมกำลังติดตามสถานการณ์อย่างที่ผู้นำประเทศควรจะเป็น

แต่กลับโยน “เผือกร้อน” ไปให้ “บิ๊กอ๊อด-พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา” รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง ที่กำลังนั่งลุ้นกีฬาโอลิมปิกอยู่ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษอย่างเพลิดเพลิน ต้องตีตั๋วจับเครื่องบินด่วนกลับมาเมืองไทย เพื่อออกแอคชั่นเรียกประชุมหน่วยงานด้านความมั่นคงที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล

ขณะที่ “ยิ่งลักษณ์” นั่งเป็นไม้ประดับให้พอเป็นพิธีอยู่ที่หัวโต๊ะ

ส่วนผลประชุมก็เป็นอย่างที่คาดการณ์เอาไว้ “รัฐบาลนอมินี” แก้ผ้าเอาหน้ารอดตามแบบฉบับทุกครั้งที่ผ่านมา ขยันตั้งคณะกรรมการชุดนู้นชุดนี้จนบางครั้งตัวเองก็จำชื่อไม่ได้

และหนนี้ก็ผุด “ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้” ที่มีรองนายกรัฐมนตรี 3 คนดูแลรับผิดชอบ ประกอบด้วย “ยงยุทธ วิชัยดิษฐ” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยที่ควบคุมกลไกของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) “ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง” รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และ “พล.อ.ยุทธศักดิ์” ในฐานะที่ดูแลหน่วยงานด้านความมั่นคง ทั้งสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และสำนักข่าวกรองแห่งชาติ

ตามลิสต์รายชื่อที่ออกมา ก็หวังจะสร้างภาพลักษณ์ส่งผ่านออกไปข้างนอกให้ประชาชนเห็นว่า ตัวเองมุ่งมั่นแก้ไขปัญหา ไม่นิ่งเฉยดูดาย แต่ก็เข็มขัดสั้นคาดไม่ถึงลืมไปว่าเป็นแค่มุกตื้นๆที่ใครก็จับไต๋ได้

เรื่องของเรื่องเพราะปัญหาของการแก้ไขไฟใต้ที่ “เรื้อรัง” ของฝ่ายบริหารก็คือ ความเป็นเอกภาพในการทำงาน ที่กองอำนวยการณ์รักษาความมั่นงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) และ ศอ.บต.ยังไม่สามัคคีกันเดิน

การเพิ่มความสับสนด้วยการตั้งรองนายกฯ 3 คน ดูแลก็แทบไม่ต่างจากการฉีกแผลให้เหวอะหวะเข้าไปใหญ่

ขณะเดียวกัน ภาพของการแก้ปัญหาแบบขอไปทีของรัฐบาล ยังถูกประจานสู่สายตาชาวบ้านชาวช่องเป็นอีกคำรบ ตอกย้ำทฤษฎี “ผักชีโรยหน้า” แบบเต็มเปา ในกรณีที่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจร ที่ จ.สุรินทร์ มีมติเห็นชอบส่ง “ร.ต.อ.เฉลิม” และ “เดอะปุ้ม-สุรนันทน์ เวชชาชีวะ” เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เข้าไปเสริมทัพในการแก้ไขปัญหา

มะรุมมะตุ้มวุ่นวายกันไปใหญ่

แต่ไม่รู้ไปทำอีท่าไหน ผิดคิวกันจังหวะใด เช้าวันรุ่งขึ้น “เป็ดเหลิม” ยังเกาหัวงงๆ เมื่อถูกนักข่าวสอบถามถึงภารกิจใหม่ที่ได้รับมอบหมาย แถมยังปล่อยไก่ตัวเบ้อเร้อ เพ้อฝันจะสร้าง “เพนทากอน 2” เพื่อนำมาดับไฟใต้

แต่หารู้ไม่ คนที่ขายหน้าไปเต็มดอกก็เป็น “ยิ่งลักษณ์” ที่รับไปเต็มๆ

ความโหลยโท่ยของการแก้ไขปัญหาชายแดนภาคใต้ของรัฐบาลในครั้งนี้ที่ทำเอาชาวบ้านถึงกับ “อ้าปากค้าง” ระอาแทบรับไม่ได้กับพฤติกรรมของนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทยชนิดฟิวส์ขาด ก็ในฉากที่ “ยิ่งลักษณ์” เดินสะบัดผมไป “ร้อง เล่น เต้น รำ” ในงานสัมมนากับพรรคร่วมรัฐบาลที่โรงแรมมิราเคิล ในวันเดียวกับที่เกิดเหตุการณ์คาร์บอมบ์ที่โรงแรมซีเอส จ.ปัตตานี แบบหมาดๆ

แต่ “นารีนกแก้ว” กลับเลือกตอบแบบหน้าตาย ไม่รู้ร้อนรู้หนาวเพียงสั้นๆ “ได้รับรายงานแล้วค่ะ”

อย่างไรก็ตาม ยังมีหลักฐานหลายอย่างที่ตอกลิ่ม “รัฐบาลนอมินี” ชุดนี้ที่ทำงานแบบ “จับฉ่าย” และไร้ความตั้งใจในการแก้ปัญหาพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้อย่างจริงจังที่แอบซุกอยู่ใต้พรมอีกเป็นกองพะเนิน

ไม่ว่าจะเป็นการลงพื้นที่ชายแดนภาคใต้ของ “นายกฯ หญิง” ที่ตั้งแต่นั่งบัญชาการเป็นเบอร์หนึ่งอยู่ในตึกไทยคู่ฟ้ามา เพิ่งจะเอาเท้าแตะพื้นดินดินแดนปลายด้ามขวานได้เพียงครั้งเดียว คือ เมื่อวันที่ 29 เม.ย. 55 ที่ผ่านมา

ตลกร้ายกว่านั้น การลงพื้นที่ดังกล่าวของผู้นำรายนี้ ยังเป็นแค่การโชว์ตัวนั่งตากแอร์อยู่ในฐานบัญชาการ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ไม่ได้เดินตากแดดตากลมไปพบปะพี่น้องประชาชนแม้แต่วินาทีเดียว ขณะเดียวกันก็ยังกระเสือกกระสนสร้างภาพ กวักมือเรียกประชาชนมาหาตัวเองถึงที่

ขณะที่ยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาของ “รัฐบาลนาวา” ลำนี้ ก็สวนทางกับที่ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาเอาไว้อย่างสิ้นเชิง เพราะ “ยิ่งลักษณ์” จัดการสังคายนาบุคลากรจากขั้วอำนาจเก่าที่มีฝีมือดีออกไปแบบยกแผง ไม่ว่าจะเป็นในรายของ “ถวิล เปลี่ยนศรี” อดีตเลขาธิการ สมช. และ “สมเกียรติ บุญชู” อดีตรองเลขาธิการ สมช.ที่เปรียบเสมือนมันสมองขององค์กรที่ร่วมคิดค้นยุทธศาสตร์สารพัดขึ้นมาดับไฟใต้

ส่วนบุคลากรใหม่ที่นำมาเสียบแทนที่ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นคนของฝ่ายการเมืองที่หาได้ช่ำชองเรื่องดังกล่าวเป็นการเฉพาะแต่อย่างใด แต่ถูกส่งมาเพื่อทำงานสนอง “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี เท่านั้น

ขมวดภาพทุกปม ทุกชอต ย้อนหลังตั้งแต่เข้ามาบริหารจนถึงปัจจุบัน ภาพรวมๆ “รัฐบาลเพื่อไทย” ยังไม่มีอะไรแก้ไขได้เป็นชิ้นเป็นอัน นอกเสียจากข้ออ้างเวลาจวนตัว ที่ชอบนำมาบลั๊ฟผลงานรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อย่างสถิติการก่อเหตุที่ลดลงจากเดิม

แต่ก็ตามจังหวะ ยังบอกความจริงแค่ครึ่งเดียว เพราะแม้ตัวเลขจะดูเหมือนน้อยกว่าเมื่อนำมาทาบมาเทียบกัน แต่การก่อเหตุแต่ละครั้งตั้งแต่ “รัฐบาลสมุนทักษิณ” ควบประเทศนี้มา แต่ละดอก แต่ละชอต รุนแรงเกินกว่ากันหลายเท่าตัว

ตามเนื้อเรื่อง “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” ก็เข้าอีหรอบเดิม “รัฐบาลทักษิณ” ที่นอกจากจะแก้ไม่ได้ กับยังฉุดให้ทรุดลงมากขึ้นเรื่อยๆ
กำลังโหลดความคิดเห็น