xs
xsm
sm
md
lg

แฉ“การียา สาเมาะ”บงการคาร์บอมบ์ใต้ ผบ.ทบ.เผย“ในหลวง-ราชินี”ทรงห่วง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผบ.ทบ.เผย “ในหลวง-พระราชินี” ทรงห่วงไฟใต้ วอนอย่ากระพือสถานการณ์ ปัดประกาศเคอร์ฟิว แต่เป็นแค่มาตรการหนึ่งที่ลดความสูญเสีย บอกถ้าจำกัดเส้นทางไม่ได้ก็แยกโจรลำบาก ยันคาร์บอมบ์ถูกเตือนทุกอาทิตย์ เชื่อพวกก่อการหวังให้โลกรู้ หน่วยข่าวเผย “การียา สาเมาะ” เป็นผู้ประสานงานการก่อเหตุความไม่สงบ สั่งทำป้ายทะเบียนรถยนต์ปลอม 10 ป้ายเพื่อใช้ก่อเหตุ คนร้ายป่วนรายวันยิง ตร.ปัตตานีดับ 1 และลอบวางบึ้มทหารลาดตระเวนตากใบรถพัง

วานนี้ (5 ส.ค.) ที่กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2 รอ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงห่วงใยสถานการณ์ไฟใต้ว่า พระองค์ท่านทรงเป็นห่วงมาตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์ ตั้งแต่เริ่มเสด็จลงพื้นที่ภาคใต้ 20-30 ปีมาแล้ว ถึงวันนี้ทั้งสองพระองค์ก็ทรงดูแลปัญหาอยู่ ในปัจจุบันสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้พระราชทานทุนทรัพย์และพระราชทานรายได้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ศิลปาชีพมาโดยตลอด ถึงแม้ว่าพระองค์ท่านจะไม่ได้เสด็จฯ ลงในพื้นที่ภาคใต้ แต่ทั้งสองพระองค์ก็ยังคงพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณให้แก่ประชาชนใต้หมู่เหล่า และคนไทยทั้งประเทศ ไม่ว่าจะเป็นคนไทยพุทธ หรือคนไทยมุสลิม พระองค์ท่านไม่เคยแบ่งแยก พระองค์ท่านทรงพระราชทานตลอด ทั้งคนไทยพุทธ และคนไทยมุสลิมอยู่ด้วยกันทั้งสองสัญชาติมาโดยตลอดไม่มีปัญหา แต่มีเพียงคนไม่ดีที่มาทำให้เกิดปัญหารุนแรงเท่านั้น ซึ่งคนในพื้นที่และคนไทยทั้งประเทศก็ทราบเรื่องนี้ดี ทั้งนี้ข้อมูลทุกอย่างกองทัพทราบดี

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ไม่อยากให้กระพือสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ เพราะจะเกิดความวุ่นวาย หรือเกิดความสับสนในการสร้างความเข้าใจกับคนทั้งประเทศ สิ่งที่ตนบอกว่าจะมีผลต่อการแก้ไขปัญหาในพื้นที่นั้นมีอยู่ 3 อย่าง คือ เจ้าหน้าที่ดีหรือไม่ดี มีประสิทธิภาพหรือไม่ หรือกำลังพลพร้อมปฏิบัติงานหรือไม่ กฎหมายพอเพียงหรือยัง จะทำให้คนเดือดร้อนหรือเปล่า และประชาชนที่มีหลายส่วนด้วยกัน ดังนั้นจะต้องมองปัญหาเดียวกันว่ามีปัจจัยอะไรบ้าง และวิธีการแก้ไขปัญหาจะต้องสอดคล้องกัน หากไปแยกทำอิสระก็ไม่จบ

เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีเรียกประชุมหน่วยงานด้านความมั่นคงเพื่อแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ในวันที่ 8 ส.ค.นี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เป็นการประชุมหน่วยงานด้านความมั่นคง และการพัฒนา ซึ่งผู้ปฏิบัติหลักคือกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) และศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ซึ่งเป็นองค์กรพิเศษที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อขับเคลื่อนงานทั้งสองส่วน การแก้ไขปัญหาประกอบด้วยงานพัฒนาและความมั่นคง จะต้องเกื้อกูลซึ่งกันและกัน และยังมีอีกหลายประการที่จะต้องปรับปรุงเพื่อให้สอดคล้องให้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะแผนโครงการและงบประมาณเพื่อให้ตรงกับห้วงเวลาและความต้องการของประชาชน

“ส่วนศูนย์ปฏิบัติการของรัฐบาลนั้นเดิมมีการจัดตั้งอยู่แล้ว เพราะกฎหมายได้แยกไว้ 2 ส่วน คือ ของ กอ.รมน.ซึ่งจะเป็นงานด้านความมั่นคง พลเรือน ตำรวจ และทหาร ที่รับผิดชอบหลัก ส่วนอีกเรื่องหนึ่งคือ งานพัฒนาที่เกี่ยวข้องกับหลายกระทรวงที่เข้าไปเกี่ยวข้อง ซึ่งทั้งสองส่วนจำเป็นจะต้องบูรณาการขึ้นมาให้สอดคล้องกับรัฐบาลที่มีจัดตั้งคณะทำงานขึ้นมาในลักษณะควบคุมการบังคับบัญชาสั่งการ จะมีนายกรัฐมนตรี พร้อมรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องที่เกี่ยวข้อง ส่วนอีกส่วนหนึ่งจะต้องสำรวจแผนงานโครงการที่แต่ละกระทรวงมีงบประมาณอยู่ว่าได้ทำอะไรไปบ้างเพื่อให้การขับเคลื่อน ดังนั้น ศูนย์นี้จะสวมกันอยู่ คือ ศูนย์ที่ดูแลแผนงานโครงการและครอบคลุมในการสั่งการ หากมีการประชุมศูนย์นี้ทั้งหมดจะใช้เวลามาก เพราะจะต้องมาคลี่แผนงานทุกกระทรวงออกมา แต่ศูนย์ปฏิบัติที่จัดตั้งขึ้นใหม่คือการเอาคนเหล่านี้แต่ลดให้มันเล็กและขับเคลื่อนได้"

**ปัดประกาศเคอร์ฟิวชายแดนใต้

ส่วนสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ภาคใต้จำเป็นจะต้องประกาศเคอร์ฟิวหรือยัง ผบ.ทบ.กล่าวว่า รัฐบาลพูดมาตั้งแต่ต้นแล้วว่า ไม่ได้บอกว่าจะประกาศเคอร์ฟิวส์ เพียงแต่บอกว่าเป็นมาตรการหนึ่งที่จะทำให้ลดการสูญเสียได้ เพราะสามารถแยกผู้ร้ายออกจากโจร และในเวลาไม่สมควรที่จะใช้เส้นทางก็จะได้ลดเป้าหมายความเสี่ยงลงไป เจ้าหน้าที่จะได้ปฏิบัติการทางทหารได้เต็มที่ ในช่วงที่ไม่มีผู้คนสัญจรไปมา แต่ขณะนี้ทุกฝ่ายยังไม่เห็นด้วย ทั้งนี้ อยากเรียนว่าถ้าตราบใดยังคุมเส้นทางไม่ได้ทั้งหมดที่มีเป็น 100 เส้นทาง ก็จำกัดเสรีฝ่ายตรงข้ามได้ยาก แยกผู้ร้าย โจร ได้ลำบาก มันก็จะเกิดความสูญเสียเกิดขึ้น ถ้าตั้งด่านตรวจเต็มพื้นที่ต้องใช้กำลังพลประมาณ 2 หมื่นนาย และยังไม่รวมในเขตพื้นที่เมือง สรุปว่าเอาทหารไปตั้งด่านอย่างเดียวก็หมดแล้ว

"ดังนั้น จะต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง หากเอากำลังพลมาตั้งด่านกำลังพลที่จะปฏิบัติการเชิงรุก หรือกำลังพลที่จะไปปฏิบัติงานเชิงรับ ดูแลสถานที่ต่างๆ ก็จะต้องลดลง เพราะจะต้องทำทุกอย่าง ไม่ใช่ทำอย่างใดอย่างหนึ่งแล้วจะสำเร็จ ดังนั้น เราจะเลือกพื้นที่และกำหนดจุดให้เหมาะสม แต่พื้นที่ไหนไม่มีเจ้าหน้าที่ ก็มีการขอให้ติดตั้งกล้องวจรปิดแต่ขณะนี้ก็ยังไม่ครบ ซึ่งเราจะต้องปรับไปเรื่อยๆ ประเด็นสำคัญคือความเสี่ยงทั้งสถานที่ บุคคล เส้นทาง ยังมีอีกจำนวนมาก ซึ่งเจ้าหน้าที่เน้นในการความปลอดภัยชีวิต และทรัพย์สินเป็นหลัก"

ส่วนที่หน่วยข่าวแจ้งเตือนว่ากลุ่มก่อความไม่สงบเตรียมคาร์บอมบ์แหล่งเศรษฐกิจในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลานั้น ผบ.ทบ.กล่าวว่า มีการเตือนทุกเดือนทุกอาทิตย์ เป็นข่าวสาร และผลิตเป็นข่าวกรองได้บางข่าว มีการจับยึดอะไร ไปดำเนินคดี เพียงขณะนี้ได้ข่าวว่ารถที่หายไปจำนวนเท่านี้และยังหาไม่เจอ และเจอแล้วก็ไปสอบสวน ซึ่งทั้งหมดเป็นเรื่องการทำงาน สิ่งที่ปรากฎอยู่ฝ่ายตรงข้ามเขาต้องการให้โลกและคนทั้งประเทศสนใจ แต่เราควรสนใจในลักษณะที่ว่าคนพวกนี้มันแย่ และต้องประณาม คนจะได้ไม่ไปร่วมไม่ไปสนับสนุน และทุกหน่วยงานต้องไปขับเคลื่อน ทหารก็มีแค่ 2 มือ มีหัว มีความคิด แต่ทุกคนมีอำนาจอย่างเดียวคือความมั่นคง งานพัฒนาไปสั่งใครก็ไม่ได้ การนำข่าวมาใช้ประโยชน์ที่ผ่านมาก็ใช้ประโยชน์ได้เยอะ แต่ไม่ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ การแก้ไขปัญหาภาคใต้จะต้องร่วมมือกันทุกภาคส่วน ไม่อยากไปโทษว่าเป็นความผิดของใคร อย่าเพิ่งตำหนิกันเพราะเหตุการณ์ยังไม่จบ

**“การียา สาเมาะ”สั่งทำทะเบียนรถปลอม

ด้านสถานการณ์ในพื้นที่ จ.สงขลา ซึ่งยังคงอยู่ในช่วงที่มีการเฝ้าระวังการลอบเข้ามาก่อเหตุความไม่สงบไปจนกว่าจะสิ้นสุดเดือนรอมฎอน เนื่องจากเป็นหนึ่งในเป้าหมายในการลอบวางระเบิดคาร์บอมบ์โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ ล่าสุดทางกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ได้ส่งกำลังหน่วยปฏิบัติการพิเศษของศูนย์สืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 9 ลงพื้นที่ อ.หาดใหญ่ เพื่อเสริมการปฏิบัติงานร่วมกับกำลังตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง ลาดตระเวน ตรวจค้นเป้าหมาย และตั้งจุดตรวจจุดสกัดตรวจรถต้องสงสัยอย่างเข้มข้นในช่วง 10 วันสุดท้ายของเดือนรอมฎอน

ขณะที่บรรยากาศการท่องเที่ยวที่ อ.หาดใหญ่ นักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียและสิงคโปร์ที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในช่วงสุดสัปดาห์ซึ่งตรงกับเทศกาลอาสาฬหบูชาและเข้าพรรษา ยังมั่นใจในความปลอดภัยออกมาเดินจับจ่ายซื้อสินค้ากันอย่างคึกคัก

ส่วนย่านเศรษฐกิจการค้าถนนเสน่หานุสรณ์ใกล้กับโรงแรมลีการ์เด้นส์พลาซ่า มีการนำแผงกั้นห้ามจอดรถทุกชนิดเพื่อความปลอดภัย เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวพลุกพล่าน เช่นเดียวกับที่ด่านนอก เขตเทศบาลตำบลสำนักขามซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวชายแดนไทย-มาเลเซีย ก็มีนักท่องเที่ยวหนาตาเช่นกันแต่บางส่วนได้ทยอยเดินทางกลับในวันนี้

ด้านหน่วยข่าวด้านความมั่นคงใน จ.สงขลา เผยว่า ผู้ทำหน้าที่ประสานงานกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ จ.สงขลา และในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ นายซาการียา สาเมาะ มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ ต.คูหา อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา มีหมายจับคดีความมั่นคงติดตัว 10 คดี ซึ่งเคยถูกเจ้าหน้าที่เข้าปิดล้อมจับกุมมาแล้วครั้งหนึ่งแต่สามารถหลบหนีไปได้ และเป็นผู้ที่สั่งทำป้ายทะเบียนรถยนต์ปลอมจำนวน 10 ป้ายจากร้านทำป้ายใน อ.สะเดา เพื่อนำมาใช้ก่อเหตุทั้งในพื้นที่ จ.สงขลา และในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังติดตามความเคลื่อนไหวอยู่

**กราดยิง ตร.ปัตตานีสาหัสดับ 1

ที่ จ.ปัตตานี เวลา 07.00 น.วานนี้ คนร้าย 4 คนได้ขี่รถจักรยานยนต์มา 2 คันก่อนใช้อาวุธปืนอาก้ากราดยิง ด.ต.อับดุลรอซะ ยูโซ๊ะ อายุ 45 ปี ผู้บังคับหมู่งานป้องกันปราบปราม สภ.โสร่ง อ.ยะรัง ได้รับบาดเจ็บสาหัสถูกนำส่งโรงพยาบาลศูนย์ยะลา และได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยเหตุเกิดขณะที่ ด.ต.อับดุลรอซะ กำลังรดน้ำต้นไม้อยู่บริเวณข้างบ้านในตอนเช้าก่อนที่จะไปทำงานที่บ้านเลขที่ 28/1 บ้านโสร่ง หมู่ 3 ต.เขาตูม อ.ยะรัง

**กดบึ้ม! ทหารชุดลาดตระเวนตากใบ

ที่ จ.นราธิวาสเวลา 13.00 น.วานนี้ พ.ต.อ.เสน่ห์ จรรยาสถิต ผกก.สภ.ตากใบ ได้รับแจ้งมีเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดดักสังหารเจ้าหน้าที่ทหาร 14 นาย ชุดลาดตระเวนเส้นทางที่บนถนนในหมู่บ้านปะดาดอ ม.3 ต.นานาค อ.ตากใบ จึงพร้อมด้วยกำลังตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบหลุมระเบิดบริเวณกลางถนนลึก 80 ซ.ม.กว้าง 100 ซ.ม.และมีเศษซากชิ้นส่วนของระเบิดแสวงเครื่องที่คนร้ายประกอบใส่ไว้ในถังแก๊สปิกนิก หนัก 15 ก.ก.จุดชนวนด้วยโทรศัพท์มือถือตกกระจายเกลื่อนพื้นถนน และที่บริเวณสะพานห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 80 เมตร มีรถยนต์จิ๊บสีเขียวทะเบียนตรากงจักร 89212 จอดอยู่ ซึ่งมีสภาพถูกสะเก็ดระเบิดที่บริเวณตัวถังด้านซ้ายได้รับความเสียหาย

ก่อนเกิดเหตุ ร.อ.เด็ดดวง จันทวงศ์ ผบ.ร้อยชุดเฝ้าตรวจชายแดนที่ 3 และ ร.อ.กิตติพงษ์ มั่นเขตกิจ ผบ.ร้อย ร.2913 ฉก.นราธิวาส 36 ได้ร่วมสนธิกำลังรวม 14 นายเดินเท้า 9 นาย และนั่งรถยนต์จิ๊บ 5 นาย เพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยเส้นทางให้กับประชาชนเพื่อเดินทางไปซื้ออาหารมารับประทานในช่วงเปิดปอซอหรือละศีลอด ถึงที่เกิดเหตุได้มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนแฝงตัวอยู่ในละแวกจุดเกิดเหตุ ได้ใช้โทรศัพท์มือถือจุดชนวนระเบิดที่ลอบนำไปฝังไว้กลางถนนและได้เกิดระเบิดขึ้นในขณะรถยนต์จิ๊บแล่นผ่านทำให้รถยนต์ได้รับความเสียหายแต่ไม่มีเจ้าหน้าที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นฝีมือการกระทำของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ สังหารเจ้าหน้าที่รายวัน.
กำลังโหลดความคิดเห็น