ASTVผู้จัดการรายวัน-"ยิ่งลักษณ์” สั่งติดซีซีทีวี สู้โจรใต้ หวังใช้ตรวจสอบเชิงลึก "สุกำพล" มาสูตรเดิม "ต้องปรับแผนใหม่" ด้าน “มาร์ค"วอนนายกฯ ดูแลดับไฟใต้ด้วยตัวเองหยุดลอยตัวหนีปัญหา ขณะที่จนท.เสริมกำลังทหารพราน 6 กองร้อยลงพื้นที่บ้านอูเป๊าะ ไล่ล่า “กามัน ไชยชนะ” พร้อมพวก ก่อเหตุลอบวางระเบิด ตร.สภ.ท่าธงเสียชีวิต 5 นาย
จากกรณี กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ขับรถยนต์ประกบยิงรถจักรยานยนต์ของทหาร บริเวณ ถนนสายปาลัส - มายอ จ.ปัตตานี จนเป็นเหตุให้นายทหาร 4 นาย เสียชีวิตและอีก 2 นายได้รับบาดเจ็บ เมื่อวันที่ 28 ก.ค.นั้น ที่ประชุมครม.สัญจร ที่จ.สุรินทร์ ได้นำเรื่องนี้เข้าหารือเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น
โดยนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมว่า หน่วยงานด้านความมั่นคงได้ชี้แจงว่า ไม่อยากให้มีการเผยแพร่คลิปที่ทหารถูกทำร้าย หรือ มีการถามเป็นครั้งๆไป เช่นพอเกิดเหตุการณ์นี้ทีก็มาถามทีว่า จะมีมาตรการตอบโต้อย่างไร รัฐบาล จะว่าอย่างไร แต่อยากให้ประชาชนเชื่อมั่นว่า รัฐบาล และหน่วยงานความมั่นคง มีแผนยุทธศาสตร์ครอบคลุม
ทั้งนี้ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ได้ชี้แจงในที่ประชุมว่า จะมีมาตรการดูแลพื้นที่ให้ปลอดภัย โดยเฉพาะพื้นที่เศรษฐกิจ หมู่บ้านที่เคยเป็นกลุ่มอิทธิพล ตอนนี้ก็ไม่ขยายตัวเพิ่มแล้ว และเริ่มจะลดลง จะมีการดูแลศาสนสถานพระ อาจารย์ในพื้นที่ เป็นอย่างดี
สำหรับ แนวทางการแก้ไขปัญหาคือ ต้องมีการข่าวที่ดีแม่นยำ มีมาตรการเฝ้าระวังสูงขึ้น ดำเนินยุทธศาสตร์ไม่ให้เกิดเหตุการณ์เพิ่มมากขึ้น มีการกำหนดจุดตรวจในเมืองต้องทำ 3 แบบ คือ ชั้นใน ชั้นกลาง และชั้นนอก พัฒนากล้องวงจรปิด ซีซีทีวี ให้เป็นมากกว่ามีไว้ดูแค่ว่า เกิดเหตุการณ์อะไร แต่จะต้องใช้สอบสวนเชิงลึกได้ด้วย
** "สุกำพล"ท่องสูตรปรับเเผนใหม่
พล.อ.อ.สุกำพล สุรรณทัต รมว.กลาโหม กล่าวว่า ตอนนี้แม่ทัพภาคที่ 4 และกองทัพบก กำลังดำเนินการโดยไม่ได้นิ่งเฉย และคงต้องเตรียมปรับแนวทางการทำงานกันใหม่ และขอบอกประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ว่า ต้องอยู่กันด้วยความไม่สะดวกสักนิด เพราะต้องมีแผนในพื้นที่ใหม่มากขึ้น หากปล่อยไว้แบบนี้ไม่ไหว เพราะช่วงเทศกาลรอมฎอนนั้น ฝ่ายตรงข้ามรุกหนักจนเจ้าหน้าที่เสียชีวิต จึงต้องเข้มงวดขึ้น และต้องเร่งทำให้เรื่องนี้สงบ ยืนยันตอนนี้เจ้าหน้าที่ไม่ได้อยู่เฉยทำงานเต็มที่ และมีการสนธิกำลังกันกับทุกหน่วยงานเห็นได้ว่ามีการควบคุมคนร้ายที่ร่วมก่อเหตุได้สามคนแล้ว
** สนองนโยบายทำทีวีภาษายาวี
นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีแนวคิดจัดทำสื่อภาษายาวี เพื่อแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า สถานีโทรทัศน์ช่อง 11 ได้ดำเนินการแล้วในระดับภูมิภาค โดยทุกภาคทั่วประเทศ จะมีรายการที่มีภาษาท้องถิ่นไว้ เพื่อให้ชาวบ้านเข้าใจนโยบายของรัฐบาล
ทั้งนี้ ตนเพิ่งกลับจากการดูงานของบีบีซี เรื่องดิจิตัลทีวี ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะตามแผนงานตามนโยบายระดับชาตินั้น เรื่องนี้ต้องเริ่มดำเนินการในปลายปีนี้ แต่กรณีนี้ น่าจะรอต่อไปประมาณ 1 ปี เพราะตอนนี้ต้องกำลังทดลองออกอากาศ และขอใบอนุญาตอยู่
***"เหลิม"งานเข้า "ปู"สั่งไปช่วยปราบโจรใต้
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ดูแลการแก้ปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว ในฐานะที่ ร.ต.อ.เฉลิม กำกับดูแล สตช. จึงให้ร่วมกับสมช. นำปัญหาต่างๆ ที่ผ่านมาไปศึกษา และดูว่า จะมีแนวทางอย่างไรในการทำงานร่วมกัน แต่ยังคงใช้นโยบาย และแนวทางเดิม ที่เสนอไว้ต่อรัฐสภา เพียงแต่ให้ไปดูรายละเอียด แนวทางปฏิบัติเพิ่มเติมกับสมช.ว่า จะลงไปทำความเข้าใจในพื้นที่ และทำให้เกิดความสงบได้อย่างไร โดยให้ตำรวจเข้าไปช่วยดูแลความสงบเรียบร้อย และความปลอดภัยของประชาชน
** "ปู"อย่าลอยตัวหนีปัญหา
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า นายกฯ และครม.ต้องเอาใจใส่ในเชิงนโยบาย และวิเคราะห์ถึงสภาพปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะมีสัญญาณบ่งบอกมาตั้งแต่เดือนมี.ค. จากเหตุการณ์ที่ยะลา หาดใหญ่ จากนั้นก็มีการเตือนมาตลอดว่า เหตุการณ์ความรุนแรงอาจจะมีมากขึ้น จึงต้องทบทวนทั้งนโยบาย และแนวปฏิบัติการที่จะบอกเพียงว่า มอบหมายหน่วยงานไปปฏิบัติแล้ว ไม่เพียงพอ เพราะคนที่มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องนี้มีมาก ไม่ใช่เฉพาะแค่ฝ่ายการเมือง แต่ควรระดมฝ่ายวิชาการ และฝ่ายอื่นๆ มาช่วย เพราะขณะนี้นอกจากเรื่องการก่อความไม่สงบ ยังมีปัจจัยเรืองธุรกิจผิดกฎหมาย เพราะคนที่ก่อการร้ายจะไปเกี่ยวพันกับอาชญากรรมอื่นๆ ด้วย ดังนั้นจึงต้องพยายามคลี่คลายต้นเหตุใหญ่ ๆ ก่อนโดยไม่สร้างเงื่อนไขใหม่ๆ
"เรามีกฎหมายกำหนดให้นายกรัฐมนตรี มีบทบาทและอำนาจในการดูแลเรื่องความมั่นคงมากขึ้น เพราะไม่ใช่เรื่องที่หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งจะทำได้ ต้องประสานกับทุกหน่วยงาน ซึ่งผมเรียกร้องให้นายกฯ หลายครั้งให้ดูแลเรื่องนี้ใกล้ชิด และอยากจะขอร้องอีกครั้ง ให้นายกฯ คิดถึงบ้านเมืองอย่าคิดแต่เรื่องการเมือง ผมทราบดีว่า ยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ซึ่งนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาฯ ก็ระบุในคลิปเสียงว่า เรื่องไหนที่เป็นปัญหา จะกันนายกฯไม่ให้เกี่ยวข้อง ด้วยหวังว่า ให้นายกฯลอยตัวออกจากปัญหา ไม่ให้นายกฯ ต้องเผชิญกับความยากลำบากที่กระทบต่อคะแนนนิยม แต่นี่คือความรับผิดชอบของคนที่เป็นผู้นำประเทศ นายกฯ ต้องเข้ามาดูแล ผมคิดว่า ประชาชนไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องทำทุกอย่างถูกต้องสำเร็จร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่อยากให้เข้ามารับผิดชอบ เพราะหากทิ้งสภาพแบบนี้ต่อไปปัญหาก็จะเลวร้ายลงเรื่อย ๆ สุดท้ายนายกฯ ก็หนีความรับผิดชอบไม่ได้" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
**ส่ง ทพ.6กองร้อยล่า“กามัน ไชยชนะ”
พ.ต.เผด็จ เหมือนเงิน นายทหารการข่าว หน่วยเฉพาะกิจที่ 12 อ.รามัน เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุร้าย ได้มีคำสั่งให้เสริมกำลังทหารพรานเข้าในพื้นที่จำนวนทั้งสิ้น 6 กองร้อย ประกอบด้วย หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 41 จำนวน 3 กองร้อย หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43 จำนวน 3 กองร้อย และผสานการปฏิบัติร่วมกับทหารราบ ที่ร้อย 15213 หน่วยเฉพาะกิจที่ 12 ในการติดตามกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดคุ้มครองครู สภ.ท่าธง จนทำให้เจ้าหน้าที่เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บ
โดยทางการปฏิบัติจะแยกเป็น 2 กองร้อย ทำงานการข่าว และงานมวลชน ลงพื้นที่เกาะติดงาน สร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชน ส่วนกำลังที่เหลือจะปฏิบัติการลาดตระเวน และตั้งจุดตรวจคุมเข้มพื้นที่ เพื่อกดดันกลุ่มคนร้าย
นายประสิทธิ์ หนูกุ้ง ผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษายะลา เขต 1 ระบุว่า ขณะนี้ ได้มีการเสริมกำลังเจ้าหน้าที่เข้ามาดูแลความปลอดภัยให้แก่คณะครูและนักเรียน ซึ่งคาดว่า จะสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ครูได้ในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ก็ต้องมีการหารือร่วมกันอีกครั้ง เพื่อให้เกิดผลดีในระยะยาวต่อไป
**ป่วนรายวันยิงชาวบ้านปัตตานีดับ 1
เวลา 15.30 น.วานนี้ พ.ต.อ.มานะ นาคทั่ง ผกก.สภ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี ได้รับแจ้งมีเหตุยิงกันบนถนนสายตะโละกาโปร์-ท่าด่าน ม.3 บ้านท่าด่าน ต.ตะโละกาโปร์ จึงนำกำลังไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบผู้เสียชีวิตนอนตายจมกองเลือด ทราบชื่อ นายตูแวรอเซ็ง ตูแวดี อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 150 ม.5 ต.หนองแรต อ.ยะหริ่ง ถูกยิงด้วยอาวุธปืนพกสั้นเข้าศีรษะ 1 นัด ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อซูซูกิ ทะเบียน กษค 506 ปัตตานี ของผู้ตายล้มอยู่ สอบสวนทราบว่า ขณะที่ผู้ตายขับขี่รถจักรยานยนต์ เพื่อไปทำธุระในพื้นที่ เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุถูกคนร้าย 2 คนขับขี่รถจักรยานยนต์ ตามประกบยิงจนเสียชีวิต สาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวน
**บึ้มห่างโรงพักบาเจาะ200ม.ทหารเจ็บ1
เวลาประมาณ 17.00 น.เได้กิดเหตุคนร้ายไม่ทราบกลุ่มและจำนวน ลอบนำระเบิดแสวงเครื่องบรรจุใส่ไว้ในกล่องเหล็กน้ำหนักประมาณ 5 กิโลกรัม นำไปฝังไว้ที่บริเวณกองทรายข้างท่อระบายน้ำ หน้าบ้านเลขที่ 135/1 ถ.เพชรเกษม สาย 42 เทศบาลตำบลบาเจาะ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส ซึ่งห่างจากสถานีตำรวจบาเจาะ 200 เมตร แรงระเบิดส่งผลให้ร่างของพลทหารพิจิตร คงทน กระดอนมากระแทกกับพื้นได้รับบาดเจ็บ
***จ่อยิงทหารพรานดับอีก2
พ.ต.อ.ประยงค์ โคตรสาขา ผกก.สภ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส รับแจ้งมีเหตุคนร้ายยิงเจ้าหน้าที่ทหารพราน สังกัด ร้อย ทพ.4807 กรมทหารพรานที่ 48 ได้รับบาดเจ็บสาหัส 2 นาย และมีผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านถูกลูกหลงได้รับบาดเจ็บอีก 1 ราย เหตุเกิดหน้ามัสยิดบ้านบูเก๊ะตาโมง บนถนนจารุเสถียร สายสุไหงปาดี-เจาะไอร้อง หมู่ 7 ต.บูกิต อ.เจาะไอร้อง จึงพร้อมด้วย พ.อ.ภูมินทร์ ชุมช่วย ผบ.กรมทหารพรานที่ 48 และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารจำนวนหนึ่งรุดเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
จากกรณี กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ขับรถยนต์ประกบยิงรถจักรยานยนต์ของทหาร บริเวณ ถนนสายปาลัส - มายอ จ.ปัตตานี จนเป็นเหตุให้นายทหาร 4 นาย เสียชีวิตและอีก 2 นายได้รับบาดเจ็บ เมื่อวันที่ 28 ก.ค.นั้น ที่ประชุมครม.สัญจร ที่จ.สุรินทร์ ได้นำเรื่องนี้เข้าหารือเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น
โดยนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมว่า หน่วยงานด้านความมั่นคงได้ชี้แจงว่า ไม่อยากให้มีการเผยแพร่คลิปที่ทหารถูกทำร้าย หรือ มีการถามเป็นครั้งๆไป เช่นพอเกิดเหตุการณ์นี้ทีก็มาถามทีว่า จะมีมาตรการตอบโต้อย่างไร รัฐบาล จะว่าอย่างไร แต่อยากให้ประชาชนเชื่อมั่นว่า รัฐบาล และหน่วยงานความมั่นคง มีแผนยุทธศาสตร์ครอบคลุม
ทั้งนี้ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ได้ชี้แจงในที่ประชุมว่า จะมีมาตรการดูแลพื้นที่ให้ปลอดภัย โดยเฉพาะพื้นที่เศรษฐกิจ หมู่บ้านที่เคยเป็นกลุ่มอิทธิพล ตอนนี้ก็ไม่ขยายตัวเพิ่มแล้ว และเริ่มจะลดลง จะมีการดูแลศาสนสถานพระ อาจารย์ในพื้นที่ เป็นอย่างดี
สำหรับ แนวทางการแก้ไขปัญหาคือ ต้องมีการข่าวที่ดีแม่นยำ มีมาตรการเฝ้าระวังสูงขึ้น ดำเนินยุทธศาสตร์ไม่ให้เกิดเหตุการณ์เพิ่มมากขึ้น มีการกำหนดจุดตรวจในเมืองต้องทำ 3 แบบ คือ ชั้นใน ชั้นกลาง และชั้นนอก พัฒนากล้องวงจรปิด ซีซีทีวี ให้เป็นมากกว่ามีไว้ดูแค่ว่า เกิดเหตุการณ์อะไร แต่จะต้องใช้สอบสวนเชิงลึกได้ด้วย
** "สุกำพล"ท่องสูตรปรับเเผนใหม่
พล.อ.อ.สุกำพล สุรรณทัต รมว.กลาโหม กล่าวว่า ตอนนี้แม่ทัพภาคที่ 4 และกองทัพบก กำลังดำเนินการโดยไม่ได้นิ่งเฉย และคงต้องเตรียมปรับแนวทางการทำงานกันใหม่ และขอบอกประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ว่า ต้องอยู่กันด้วยความไม่สะดวกสักนิด เพราะต้องมีแผนในพื้นที่ใหม่มากขึ้น หากปล่อยไว้แบบนี้ไม่ไหว เพราะช่วงเทศกาลรอมฎอนนั้น ฝ่ายตรงข้ามรุกหนักจนเจ้าหน้าที่เสียชีวิต จึงต้องเข้มงวดขึ้น และต้องเร่งทำให้เรื่องนี้สงบ ยืนยันตอนนี้เจ้าหน้าที่ไม่ได้อยู่เฉยทำงานเต็มที่ และมีการสนธิกำลังกันกับทุกหน่วยงานเห็นได้ว่ามีการควบคุมคนร้ายที่ร่วมก่อเหตุได้สามคนแล้ว
** สนองนโยบายทำทีวีภาษายาวี
นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีแนวคิดจัดทำสื่อภาษายาวี เพื่อแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า สถานีโทรทัศน์ช่อง 11 ได้ดำเนินการแล้วในระดับภูมิภาค โดยทุกภาคทั่วประเทศ จะมีรายการที่มีภาษาท้องถิ่นไว้ เพื่อให้ชาวบ้านเข้าใจนโยบายของรัฐบาล
ทั้งนี้ ตนเพิ่งกลับจากการดูงานของบีบีซี เรื่องดิจิตัลทีวี ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะตามแผนงานตามนโยบายระดับชาตินั้น เรื่องนี้ต้องเริ่มดำเนินการในปลายปีนี้ แต่กรณีนี้ น่าจะรอต่อไปประมาณ 1 ปี เพราะตอนนี้ต้องกำลังทดลองออกอากาศ และขอใบอนุญาตอยู่
***"เหลิม"งานเข้า "ปู"สั่งไปช่วยปราบโจรใต้
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ดูแลการแก้ปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว ในฐานะที่ ร.ต.อ.เฉลิม กำกับดูแล สตช. จึงให้ร่วมกับสมช. นำปัญหาต่างๆ ที่ผ่านมาไปศึกษา และดูว่า จะมีแนวทางอย่างไรในการทำงานร่วมกัน แต่ยังคงใช้นโยบาย และแนวทางเดิม ที่เสนอไว้ต่อรัฐสภา เพียงแต่ให้ไปดูรายละเอียด แนวทางปฏิบัติเพิ่มเติมกับสมช.ว่า จะลงไปทำความเข้าใจในพื้นที่ และทำให้เกิดความสงบได้อย่างไร โดยให้ตำรวจเข้าไปช่วยดูแลความสงบเรียบร้อย และความปลอดภัยของประชาชน
** "ปู"อย่าลอยตัวหนีปัญหา
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า นายกฯ และครม.ต้องเอาใจใส่ในเชิงนโยบาย และวิเคราะห์ถึงสภาพปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะมีสัญญาณบ่งบอกมาตั้งแต่เดือนมี.ค. จากเหตุการณ์ที่ยะลา หาดใหญ่ จากนั้นก็มีการเตือนมาตลอดว่า เหตุการณ์ความรุนแรงอาจจะมีมากขึ้น จึงต้องทบทวนทั้งนโยบาย และแนวปฏิบัติการที่จะบอกเพียงว่า มอบหมายหน่วยงานไปปฏิบัติแล้ว ไม่เพียงพอ เพราะคนที่มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องนี้มีมาก ไม่ใช่เฉพาะแค่ฝ่ายการเมือง แต่ควรระดมฝ่ายวิชาการ และฝ่ายอื่นๆ มาช่วย เพราะขณะนี้นอกจากเรื่องการก่อความไม่สงบ ยังมีปัจจัยเรืองธุรกิจผิดกฎหมาย เพราะคนที่ก่อการร้ายจะไปเกี่ยวพันกับอาชญากรรมอื่นๆ ด้วย ดังนั้นจึงต้องพยายามคลี่คลายต้นเหตุใหญ่ ๆ ก่อนโดยไม่สร้างเงื่อนไขใหม่ๆ
"เรามีกฎหมายกำหนดให้นายกรัฐมนตรี มีบทบาทและอำนาจในการดูแลเรื่องความมั่นคงมากขึ้น เพราะไม่ใช่เรื่องที่หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งจะทำได้ ต้องประสานกับทุกหน่วยงาน ซึ่งผมเรียกร้องให้นายกฯ หลายครั้งให้ดูแลเรื่องนี้ใกล้ชิด และอยากจะขอร้องอีกครั้ง ให้นายกฯ คิดถึงบ้านเมืองอย่าคิดแต่เรื่องการเมือง ผมทราบดีว่า ยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ซึ่งนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาฯ ก็ระบุในคลิปเสียงว่า เรื่องไหนที่เป็นปัญหา จะกันนายกฯไม่ให้เกี่ยวข้อง ด้วยหวังว่า ให้นายกฯลอยตัวออกจากปัญหา ไม่ให้นายกฯ ต้องเผชิญกับความยากลำบากที่กระทบต่อคะแนนนิยม แต่นี่คือความรับผิดชอบของคนที่เป็นผู้นำประเทศ นายกฯ ต้องเข้ามาดูแล ผมคิดว่า ประชาชนไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องทำทุกอย่างถูกต้องสำเร็จร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่อยากให้เข้ามารับผิดชอบ เพราะหากทิ้งสภาพแบบนี้ต่อไปปัญหาก็จะเลวร้ายลงเรื่อย ๆ สุดท้ายนายกฯ ก็หนีความรับผิดชอบไม่ได้" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
**ส่ง ทพ.6กองร้อยล่า“กามัน ไชยชนะ”
พ.ต.เผด็จ เหมือนเงิน นายทหารการข่าว หน่วยเฉพาะกิจที่ 12 อ.รามัน เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุร้าย ได้มีคำสั่งให้เสริมกำลังทหารพรานเข้าในพื้นที่จำนวนทั้งสิ้น 6 กองร้อย ประกอบด้วย หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 41 จำนวน 3 กองร้อย หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43 จำนวน 3 กองร้อย และผสานการปฏิบัติร่วมกับทหารราบ ที่ร้อย 15213 หน่วยเฉพาะกิจที่ 12 ในการติดตามกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดคุ้มครองครู สภ.ท่าธง จนทำให้เจ้าหน้าที่เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บ
โดยทางการปฏิบัติจะแยกเป็น 2 กองร้อย ทำงานการข่าว และงานมวลชน ลงพื้นที่เกาะติดงาน สร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชน ส่วนกำลังที่เหลือจะปฏิบัติการลาดตระเวน และตั้งจุดตรวจคุมเข้มพื้นที่ เพื่อกดดันกลุ่มคนร้าย
นายประสิทธิ์ หนูกุ้ง ผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษายะลา เขต 1 ระบุว่า ขณะนี้ ได้มีการเสริมกำลังเจ้าหน้าที่เข้ามาดูแลความปลอดภัยให้แก่คณะครูและนักเรียน ซึ่งคาดว่า จะสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ครูได้ในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ก็ต้องมีการหารือร่วมกันอีกครั้ง เพื่อให้เกิดผลดีในระยะยาวต่อไป
**ป่วนรายวันยิงชาวบ้านปัตตานีดับ 1
เวลา 15.30 น.วานนี้ พ.ต.อ.มานะ นาคทั่ง ผกก.สภ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี ได้รับแจ้งมีเหตุยิงกันบนถนนสายตะโละกาโปร์-ท่าด่าน ม.3 บ้านท่าด่าน ต.ตะโละกาโปร์ จึงนำกำลังไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบผู้เสียชีวิตนอนตายจมกองเลือด ทราบชื่อ นายตูแวรอเซ็ง ตูแวดี อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 150 ม.5 ต.หนองแรต อ.ยะหริ่ง ถูกยิงด้วยอาวุธปืนพกสั้นเข้าศีรษะ 1 นัด ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อซูซูกิ ทะเบียน กษค 506 ปัตตานี ของผู้ตายล้มอยู่ สอบสวนทราบว่า ขณะที่ผู้ตายขับขี่รถจักรยานยนต์ เพื่อไปทำธุระในพื้นที่ เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุถูกคนร้าย 2 คนขับขี่รถจักรยานยนต์ ตามประกบยิงจนเสียชีวิต สาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวน
**บึ้มห่างโรงพักบาเจาะ200ม.ทหารเจ็บ1
เวลาประมาณ 17.00 น.เได้กิดเหตุคนร้ายไม่ทราบกลุ่มและจำนวน ลอบนำระเบิดแสวงเครื่องบรรจุใส่ไว้ในกล่องเหล็กน้ำหนักประมาณ 5 กิโลกรัม นำไปฝังไว้ที่บริเวณกองทรายข้างท่อระบายน้ำ หน้าบ้านเลขที่ 135/1 ถ.เพชรเกษม สาย 42 เทศบาลตำบลบาเจาะ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส ซึ่งห่างจากสถานีตำรวจบาเจาะ 200 เมตร แรงระเบิดส่งผลให้ร่างของพลทหารพิจิตร คงทน กระดอนมากระแทกกับพื้นได้รับบาดเจ็บ
***จ่อยิงทหารพรานดับอีก2
พ.ต.อ.ประยงค์ โคตรสาขา ผกก.สภ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส รับแจ้งมีเหตุคนร้ายยิงเจ้าหน้าที่ทหารพราน สังกัด ร้อย ทพ.4807 กรมทหารพรานที่ 48 ได้รับบาดเจ็บสาหัส 2 นาย และมีผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านถูกลูกหลงได้รับบาดเจ็บอีก 1 ราย เหตุเกิดหน้ามัสยิดบ้านบูเก๊ะตาโมง บนถนนจารุเสถียร สายสุไหงปาดี-เจาะไอร้อง หมู่ 7 ต.บูกิต อ.เจาะไอร้อง จึงพร้อมด้วย พ.อ.ภูมินทร์ ชุมช่วย ผบ.กรมทหารพรานที่ 48 และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารจำนวนหนึ่งรุดเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ