xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กตู่” ปัดเลี้ยงไข้ไฟใต้ โวยไม่ชมก็อย่าทำ จนท.ท้อ แย้มซื้อ FIDO ใช้แทน GT200

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (แฟ้มภาพ)
“ผบ.ทบ.” ลงนราธิวาส เยี่ยมผู้บาดเจ็บคาร์บอมบ์ รับมีเหตุถี่ต้องไปดูว่าบกพร่องอะไร เผยผู้นำอิสลามช่วยแจงก่อการร้ายไม่ถูกต้องแล้ว สับสื่อเขียนไม่รู้รบกับใครไม่เป็นธรรมต่อเจ้าหน้าที่ อ้างต่อสู้ต้องมีเทคโนโลยี-กม.ควบคุมพื้นที่ ปัดเลี้ยงไข้ ยันกำลังรบแบบไม่เปิดเผย วอนชาวบ้านร่วมมือ จวกเลิกเสียทีนักรบปากเปล่า ข้องใจให้ถาม ไม่ชมก็อย่าด่า หวั่นทำท้อแท้ ย้ำไม่ง่ายเหมือนสู้ พคท. แย้มใช้ไฟโดหาบึ้มแทนจีที 200

วันนี้ (24 ก.ค.) ที่กองการบิน กรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) เมื่อเวลา 08.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร พร้อมด้วย พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล เสนาธิการทหารบก ในฐานะเลขาธิการกอ.รมน. พร้อมคณะนายทหารระดับสูงได้เดินทางลงพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เพื่อแก้ไขปัญหาและเยี่ยมผู้บาดเจ็บจากเหตุคาร์บอมบ์หน้าร้านโปรคอมพิวเตอร์ ด้านหลังโรงแรมเก็นติ้ง จนมีผู้บาดเจ็บหลายราย โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนจะลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและกำกับดูแลงานในพื้นที่ตามคำสั่งของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง โดยจะไปติดตามความก้าวหน้าของผลการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ที่ได้สั่งการลงไป ที่สำคัญช่วงนี้มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นหลายครั้งจึงต้องไปดูว่ามีข้อบกพร่องอย่างไร ซึ่งเหตุความรุนแรงเกิดขึ้นในช่วงเดือนรอมฎอนของทุกปี ที่ผ่านมาผู้ก่อเหตุได้ปลุกระดมให้สมาชิกสร้างเหตุการณ์ให้มีผลกระทบต่อเจ้าหน้าที่และกระบวนการของรัฐให้มากที่สุด เพราะมีความเชื่อว่าผู้กระทำความรุนแรงในช่วงพิธีบุญจะได้ขึ้นสวรรค์ ซึ่งเป็นคำสอนที่ผิด ขณะนี้ผู้นำศาสนาอิสลามได้เข้ามาช่วยทำความใจแล้วว่าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

“ปัญหาภาคใต้เราทราบดีว่าเกิดจากอะไร แต่บางครั้งการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ทั้งหมด ส่วนใหญ่สื่อชอบนำไปเขียนว่าเจ้าหน้าที่ไม่รู้ว่ารบกับใครจึงรบไม่ชนะ ผมว่ามันไม่เป็นธรรมต่อเจ้าหน้าที่ หากไม่รู้ก็มาถามและพูดคุยกันดีกว่า เป้าหมายของผู้ก่อเหตุต้องการสร้างผลกระทบให้เกิดความรุนแรงมากที่สุด ซึ่งเสนอข่าวได้ แต่ถ้านำเสนอในลักษณะโจมตีเจ้าหน้าที่และให้เครดิตกับฝ่ายก่อการร้ายนั้นไม่ได้เกิดประโยชน์ต่อประเทศ ในแง่ของเจ้าหน้าที่จะแก้ตัวเรื่องความรับผิดชอบคงไม่ได้ เพราะการเกิดเหตุร้ายทุกครั้งต้องมีการรับผิดชอบ แต่ต้องถามว่าเขาทำหน้าที่อย่างเต็มที่หรือยัง ทั้งนี้การต่อสู้โดยใช้ยุทธวิธีการก่อการร้ายหรือ สงครามกองโจรนั้น ต้องใช้เทคโนโลยีพิเศษหลายอย่าง เช่น กล้องวงจรปิดซีซีทีวี เครื่องตรวจวัตถุระเบิด และอุปกรณ์ต่างๆ ต้องมีครบ 100 เปอร์เซ็นต์ รวมถึงกฎหมายที่จะต้องควบคุมพื้นที่ให้ปลอดภัย โดยมีเจ้าหน้าที่ลงไปทำงานและจะต้องควบคุมประชาชนให้อยู่ในพื้นที่ปลอดภัย แต่ประเด็นหลังนั้นทำไม่ได้เลย ทำให้การแก้ไขปัญหาต้องใช้เวลามากขึ้นเรื่อยๆ” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ปัญหาสำคัญอีกประการ คือ การที่มีเจ้าหน้าที่ลงไปจำนวนมาก ทำให้คนคิดว่าน่าจะปกป้องเหตุร้ายได้ทั้งหมด ทั้งหมดนี้ไม่ใช่การแก้ตัว แต่เป็นสิ่งที่เรียนให้ทุกคนได้เข้าใจในบริบทการแก้ไขปัญหาภาคใต้ว่าไม่ใช่การแก้ไขปัญหาด้วยปาก หากพูดด้วยปากและสมองคิดไปเรื่อยเปื่อย มันทำได้หมด ไม่ยาก ขอเน้นว่ากำลังทหารทำหน้าที่เสี่ยงอันตรายและยืนยันว่าไม่มีการเลี้ยงไข้อย่างที่มีคอลัมนิสต์เขียนออกมาตามหน้ากระดาษ ทุกรัฐบาลดำเนินการแก้ไขปัญหาตามลำดับ แต่ปัญหาภาคใต้เกิดมา 100 ปี แต่คนมองว่า 7 ปีมากเกินไป ควรจะแก้ไขปัญหาได้แล้ว แต่ปัญหาเกิดขึ้นเพราะมีการสร้างเด็กตั้งแต่เล็กจนโต อีกทั้งยังมีเรื่องแนวคิดแยกดินแดน ภัยแทรกซ้อน กระทำผิดกฎหมาย การเมืองท้องถิ่น ผสมกันจนทำให้ปัญหารุนแรงขึ้น

“สิ่งหนึ่งที่ไม่เหมือนกับการรบบริเวณชายแดนหรือศัตรู คือ เราต้องรบแบบไม่เปิดเผย วันนี้เราพยายามแก้ไขปัญหาเรื่องระเบิด ทั้งการขนย้ายและการประกอบระเบิด ซึ่งต้องขอความร่วมมือจากต่างประเทศ และต้องขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยดูแลควบคุมและการขายส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์ด้วย เพราะสามารถซื้อทางอินเทอร์เน็ต หรือในตลาดหาดใหญ่ก็มีทุกประเภท ทั้งหมดประชาชนต้องให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ ส่วนประชาชนที่ไม่ปฏิบัติตามจะร้องว่าเจ้าหน้าที่ประพฤติไม่ถูกต้อง ใช้กฎหมายไปรบกวนการใช้ชีวิตปกติของประชาชน ขอร้องให้สื่อช่วยผมและรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลชุดนี้ก็ให้ความสำคัญและฟังในสิ่งที่ฝ่ายความมั่นคงเสนอขึ้นไปเลยนำไปสู่การจัดตั้งคณะกรรมการอำนวยการบริหารงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กบต.) ทั้งการขับเคลื่อนงบประมาณแผนการดำเนินการ” ผบ.ทบ.กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ทหารที่ลงไปในพื้นที่ภาคใต้ประมาณ 3-4 หมื่นนายนั้น เอาไปให้ กอ.รมน.เขาใช้งาน ขอให้เข้าใจว่าการทำงานมีระบบอยู่ ดังนั้นขอให้เลิกเสียทีนักรบปากเปล่า หรือนักรบที่เขียนคอลัมนิสต์ หากสงสัยให้มาถาม เพราะปัญหาวันนี้กับวันที่แล้วไม่เหมือนกัน เขียนแล้วบั่นทอนทุกวัน อย่าเขียนด้วยความไม่รู้ จะให้ตนอารมณ์เย็นๆ คงไม่ได้ เพราะลูกน้องเหน็ดเหนื่อย งบประมาณแต่ละบาทเป็นเงินภาษีของประชาชนไม่มีใครอยากใช้ของท่าน หากปัญหาจบสิ้นทหารก็อยากกลับมาหาลูกเมีย แต่มันเป็นหน้าที่ที่ต้องทำและปกป้องประชาชน เมื่อมาคลี่ดูแผนงานนั้นต้องใช้งบประมาณปี 55 ที่จะสิ้นสุดในช่วง 3 เดือนหลังจากนี้ ซึ่งจะต้องมีกล้องซีซีทีวีครอบคลุมทุกพื้นที่ในเขตเมือง วันนี้ยังมีกล้องไม่ถึง 10,000 กล้องใน 3 จังหวัดพื้นที่ภาคใต้ ความจริงตอนนี้ต้องให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ และต้องช่วยกันอย่าไปโฆษณาให้เครดิตผู้ก่อเหตุ อย่างน้อยไม่ต้องชมเจ้าหน้าที่แต่อยากตำหนิให้มากนัก ไม่เช่นนั้นคนจะท้อแท้กันหมด

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงกรณีที่มีการวางระเบิดชุดลาดตระเวนทหารจนทำให้รถหุ้มเกราะเสียหายว่า เป้าหมายคือเจ้าหน้าที่ทหาร ซึ่งภารกิจในการดูแลความปลอดภัย คือ การลาดตระเวนใน 300 โรงเรียน หากเจ้าหน้าที่จะปลอดภัย ตนก็ต้องไปหารถหุ้มเกราะมาให้เพื่อความปลอดภัย เมื่อจะระเบิดเจ้าหน้าที่ก็ต้องโดนรถหุ้มเกราะ อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเราต้องดูว่ามีผลกระทบต่อภาพรวมของประเทศในสายต่อของชาวโลกหรือไม่ เช่น องค์การความร่วมมืออิสลาม (โอไอซี) ทั้งหมดมันไม่ได้ง่ายเหมือนสมัยก่อนที่เราต่อสู้กับโจรจีนคอมมิวนิสต์ ผู้การก่อร้ายคอมมิวนิสต์ ที่มีที่ตั้งและมีหัวหน้าชัดเจน แต่ตอนนี้ไม่มี เรารู้ว่าใครเป็นแกนนำ แต่ปัญหาคือมันไม่อยู่ให้เราจับ เพราะมีการเคลื่อนไหวไปมาและสั่งการจากต่างประเทศ ซึ่งกฎหมายไทยกับกฎหมายต่างประเทศไม่เหมือนกัน

“นี่ไม่ใช่คำแก้ตัว แต่อยากให้ทุกคนเข้าใจปัญหา อย่าไปขยายความให้ผู้ร้ายและสร้างความเข้าใจผิดให้ประชาชน เพราะเจ้าหน้าที่จะทำงานไม่ได้ ทุกอย่างที่เราทำงานวันนี้คือดำเนินการตามกฎหมาย หากเจ้าหน้าที่ไม่เคารพกฎหมาย ไม่เชื่อกระบวนการยุติธรรม เจ้าหน้าที่จะกระทำตัวไม่ผิดกับโจร คนที่ไม่ใช้กระบวนการในการแก้ไขปัญหาภาคใต้ก็เปรียบเสมือนโจร ท่านอยากให้เจ้าหน้าที่เป็นโจรหรือไม่ ถ้าเป็นโจรก็ใช้กำลังปราบปรามเข้าทุก 217 หมู่บ้าน ที่เหลืออีกประมาณ 1,000 หมู่บ้านก็เข้าตะลุยทุกหมู่บ้าน ซึ่งทำได้ แต่ต่างชาติก็จะเข้ามา” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ผู้บัญชาการทหารบกยังให้สัมภาษณ์ถึงการจัดซื้อเครื่องตรวจหาวัตถุระเบิดเพื่อทดแทนเครื่อง จีที 200ว่า ขั้นตอนที่เสนอจัดซื้อไฟโด (Fido) โดยทดลองใช้ 3 เครื่องเท่าที่งบประมาณมีอยู่ ขณะนี้อยู่ในกระบวนการจัดหาจัดซื้อ ทั้งนี้ในการจัดซื้อยุทโธปกรณ์อย่ามากล่าวหาว่าทุจริตหากบอกว่า ทุจริตก็ไปหาหลักฐานมา ซึ่งเครื่องไฟโดใช้ตรวจหาวัตถุระเบิดได้ แต่ใช้คนละวิธีกับเครื่องจีที 200 โดยมีวิธีการ คือ เอามาป้ายตัวเพื่อตรวจสอบว่ามีสารเสพติดหรือสารวัตถุระเบิดหรือไม่ ส่วนที่บอกว่าเครื่องจีที 200 ดีเพราะมีการชี้ไปยังเป้าหมาย ซึ่งตนคิดว่าใช้ได้ เพราะมีการทดสอบแล้วว่าใช้ได้ แต่เมื่อพิสูจน์แล้วว่าใช้ไม่ได้ก็จบ ซึ่งเราก็ยอมรับว่าใช้ไม่ได้เพราะทุกอย่างทำตามกระบวนการทดสอบทางวิทยาศาสตร์ นอกจากนี้ ประเทศเราเสียอย่าง เพราะไม่มีการผลิตของพวกนี้ หากผู้จำหน่ายจะคิดราคาเท่าไหร่เราก็ต่อรองไม่ได้ จะซื้อมาแกะว่ามีอะไรอยู่ข้างในก็ไม่ได้ ซึ่งหากซื้อรถยนต์แล้วจะมาถอดอุปกรณ์มาตรวจทุกชิ้นก็ทำไม่ได้ ดังนั้นต้องเห็นใจการทำงาน หากกล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่คนใดทุจริตก็ไปหาตัวมาเพราะกระบวนการมีตั้งแต่จัดซื้อจัดหา และกำหนดความต้องการโดยฝ่ายยุทธการ วันหลังสื่อต้องไปถามกรมยุทธการเพราะเขาเป็นคนรวบรวมว่าต้องการอะไรในพื้นที่

“กรมยุทธการจะเป็นผู้หาว่า มีเครื่องมืออะไรที่จะป้องกันระเบิดใน 3 ลักษณะ คือ 1. ด้วยวิทยุ 2. โทรศัพท์ 3. ด้วยเชื้อปะทุ ซึ่งต้องไปหาเครื่องมือมาและเรียกให้ผู้ขายมาเปิดเสนอในความต้องการจัดขายและมีการดำเนินการไปที่คณะกรรมการมาตรฐานยุทโธปกรณ์ จากนั้นผู้บังคับบัญชาระดับสูงก็เข้ามาพิจารณาร่วมกันกลับเจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดหาและกำหนดว่าจะเอากี่ยี่ห้อเพื่อเป็นตัวกำหนด แต่บางเรื่องก็มีบริษัทเดียวที่ขายก็ไม่รู้จะไปเทียบกับใคร ซึ่งอุปกรณ์นั้นก็ใช้ได้ในตอนนั้น ซึ่งทุกอย่างเป็นการขาย ไม่ใช่เรื่องโง่กว่าเขาหรอก” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น