ASTVผู้จัดการรายวัน-ไอซีที ล้อมคอก หวั่นเกิด “อังคณา2” ประสาน ก.ศึกษาฯ เพิ่มมาตราการควบคุมแท็บเล็ตเด็กป.1 พร้อมปลูกฝังคุณธรรม-จริยธรรม ด้าน”อนุดิษฐ์”รับอาจเซ็นสัญญาไม่ทันช่วงสงกรานต์ อ้างรอ “อสส.”ตรวจสอบ ช่างกล้า!หอบตัวอย่าง สีแดงสด! ของ บ.สโคปฯโชว์สื่อ
วานนี้(11เม.ย.55) ที่รัฐสภา น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสาร กล่าวถึงกรณีการควบคุมการใช้แท็บเล็ตภายหลังเกิดเหตุการณ์เด็กมัธยมศึกษาปีที่ 1 เผยแพร่คลิปลงยูทูปโดยใช้ถ้อยคำไม่สุภาพ ว่า การใช้โซเชี่ยลเน็ตเวิร์คไม่ควรละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ดังนั้นจึงต้องมีการเพิ่มมาตราการในการควบคุมในเรื่องของการใช้ถ้อยคำที่ไม่สุภาพ เพราะขนาดนี้เด็กประถมศึกษาปีที่ 1จะเริ่มใช้แท็บเล็ตจึงต้องปลูกฝั่งคุณธรรมและจริยธรรมและรณรงค์ในเรื่องนี้ด้วย
ส่วนการวางกรอบในเรื่องดังกล่าวอย่างไรนั้น น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวว่า เรามีกฎหมายอยู่แล้วแม้รัฐธรรมนูญจะให้สิทธิแต่การแสดงออกรวมถึงถ้อยคำที่ใช้ต้องไม่ละเมิดสิทธิของบุคคลอื่นต้องเคารพกฎหมายเหมือนกันไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่
เมื่อถามว่า ได้หารือกับกระทรวงศึกษาถึงมาตราการในการควบคุมการใช้โซเชี่ยลเน็ตเวิร์คอย่างไรเพราะขณะนี้เด็กป.1กำลังจะเริ่มใช้แท็บเล็ต น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวว่า เป็นหลักสูตรที่กระทรวงศึกษาได้เตรียมไว้แล้วตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดความพร้อมไม่พร้อมอยู่ที่โครงสร้างพื้นฐาน
**“โชว์แท็บเล็ตสีแดง แจกเด็กป.1
ที่ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการจัดหาแท็บเล็ตป.1 ซึ่งนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เป็นวาระจรที่ 18 วานนี้ว่า ที่ประชุมครม.เห็นชอบใน 3 เรื่องที่มีการแก้ไขในสัญญา คือ ให้ปลัดกระทรวงไอซีทีเป็นผู้ลงนามในสัญญาจัดซื้อจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์แบบพกพาหรือแทบเล็ตจากประเทศจีน ซึ่งเป็นไปตามคำแนะนำของสำนักอัยการสูงสุดที่ระบุให้ทำตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุ พ.ศ.2535 ซึ่งกำหนดให้หัวหน้าส่วนราชการเป็นผู้ลงนามสัญญาจัดซื้อจัดจ้าง จำนวนการจัดซื้อแท็บเล็ตที่เพิ่มขึ้นจาก 9 แสนเครื่อง เป็น 1 ล้านเครื่อง และงบประมาณที่ใช้ในการจัดซื้อจากเดิม 1,900 ล้านบาท เป็นไม่เกินวงเงินในการจัดซื้อ 3,000 ล้านบาท ซึ่งตามสัญญาแท็บเล็ตราคาเครื่องละ 82 เหรียญ หรือประมาณ 2,400-2,600 บาท โดย 1 ล้านเครื่องจะใช้งบประมาณราว 2,400-2,600 ล้านบาท
ขณะนี้ร่างสัญญาจัดซื้อแท็บเล็ตป.1 ขณะนี้กระทรวงไอซีทีได้ส่งให้สำนักงานอัยการสูงสุดตรวจสอบแล้ว ซึ่งในร่างสัญญามีการแก้ไขเนื้อหาใน 3 ส่วนตามที่ครม.เห็นชอบ รวมทั้งจะมีข้อกำหนดไว้ในร่างสัญญาว่ากระทรวงไอซีทีสามารถสั่งซื้อเพิ่มเติมได้ตามราคาที่ได้ตกลงในสัญญาหรือถูกกว่าที่ระบุไว้ในสัญญา สำหรับเรื่องงบประมาณการจัดซื้อแท็บเล็ตตามโครงการนี้ กรมบัญชีกลางให้ความเห็นว่าหน่วยงานที่จะจัดซื้อแท็บเล็ตจะต้องโอนเงินมายังกระทรวงไอซีทีให้แล้วเสร็จก่อนดำเนินการ
“การเซ็นสัญญาจัดซื้อแท็บเล็ตป.1 วันนี้ที่ยังไม่สามารถเซ็นได้เนื่องจากมีเงื่อนไข คือ รอสำนักงานอัยการสูงสุดส่งร่างสัญญาจัดซื้อแท็บเล็ตที่กระทรวงไอซีทีส่งให้ตรวจสอบด้านกฎหมายกลับมาให้กระทรวงไอซีที รวมทั้งเรื่องหนังสือรับรองด้านการเงิน(แบงก์การันตี) ของบริษัท สโคป ถ้าไม่มีก็ไม่สามารถเซ็นสัญญาได้ และเมื่อเซ็นสัญญาจัดซื้อแล้วนับไปอีก 60 วันสโคปจะต้องจัดส่งเครื่องแท็บเล็ตล็อตแรกมาให้กับกระทรวงไอซีที ซึ่งขณะนี้ไอซีทียังไม่ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจรับ แต่คาดว่าจะตั้งเร็วๆนี้”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างให้สัมภาษณ์ น.อ.อนุดิษฐ์ นำตัวอย่างแท็บเล็ตตามโครงการจัดหาแท็บเล็ตเด็กป.1 หรือโครงการคอมพิวเตอร์มือถือสำหรับนักเรียนทุกคน (One Tablet PC Per Child) ที่บริษัท เสิ่นเจิ้น สโคป ไซแอนทิฟิก ดีเวลลอปเมนต์ ได้รับคัดเลือกให้จัดหามาโชว์ พร้อมกล่าวว่า แท็บเล็ตตัวนี้มีหน้าจอขนาด 7 นิ้ว มีประสิทธิภาพการทำงานใกล้เคียงกับแท็บเล็ตที่จะแจกให้เด็กป.1 เนื่องจากแท็บเล็ตที่จะแจกเด็กป.1 จะใช้ชิปที่ดีกว่านี้ และตัวเครื่องแท็บเล็ตมี 3 สีคือ แดง เมทัลลิค และฟ้า โดยลงซอฟต์แวร์และแอพพลิเคชั่นตำราเรียนของเด็กป.1 ไว้แล้วด้วย โดยด้านหลังของแท็บเล็ตจะมีตัวอักษร OTPC ซึ่งหมายถึง One Tablet PC Per Child
นางจีราวรรณ บุญเพิ่ม ปลัดกระทรวงไอซีที กล่าวว่า วันนี้ได้ประสานกับสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) เป็นผู้รวบรวมจำนวนเงินที่แต่ละโรงเรียนจะใช้จัดซื้อแท็บเล็ตแล้วจัดส่งมาให้กระทรวงไอซีที โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด 7 หน่วยงาน ได้แก่ กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ) สำนักงานกรรมการการอุดมศึกษา(สกอ.) สำนักงานการศึกษาเอกชน(สช.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) กระทรวงมหาดไทย(ส่วนของโรงเรียนสังกัดท้องถิ่นต่างๆ) และกรุงเทพมหานครและพัทยา
ขณะนี้ประสานทุกหน่วยงานให้เร่งดำเนินงานตามที่กรมบัญชีกลางระบุแล้ว โดยจะพยายามทำให้เร็วที่สุดแต่ต้องเป็นไปตามระเบียบและขั้นตอนการโอนเงิน เนื่องจากทุกหน่วยงานไม่อยากให้ผิดขั้นตอน ช้าตอนนี้ดีกว่าต้องไปเริ่มต้นใหม่ แต่อย่างไรก็ตามคาดหวังว่าเย็นนี้สำนักงานอัยการสูงสุดจะส่งร่างสัญญาจัดซื้อแท็บเล็ตกลับมาให้กระทรวงไอซีที
มีรายงานว่า น.อ.อนุดิษฐ์ คาดว่าการเซ็นสัญญาจัดซื้อแท็บเล็ตป.1 ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ก่อนเทศกาลสงกรานต์นี้ เนื่องจากคณะกรรมการจัดหาแท็บเล็ตยังไม่ได้หารือเรื่องการจัดส่งแท็บเล็ต และราคา 82 เหรียญตามสัญญาก็เป็นราคาที่ยังไม่รวมการจัดส่งแท็บเล็ตไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั่วประเทศ
**ครม.ถกแท็บเล็ตนานสุด หวั่นผิดกม.
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่า ค่ำวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา ครม.ใช้เวลาหารือเรื่องเเท็บเล็ตนานที่สุดกว่าครึ่งชั่วโมง เนื่องจากโครงการนี้เดิมกำหนดไว้ที่ 5 แสนเครื่องแต่มีการปรับปรุงให้เพิ่มเป็น 1 ล้านเครื่อง จากงบประมาณเดิมที่กำหนดไว้ 1.7 พันล้านบาท แต่กระทรวงศึกษาธิการได้โอนงบฯ ให้กระทรวงไอซีทีไป 2 พันล้านบาทเศษแล้ว ครม.จึงใช้เวลาหารือว่าจะยกเลิกโครงการนี้แล้วดำเนินการใหม่ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาและขัดกับกฎหมาย หรือไม่ ซึ่ง รมว.ไอซีที ต้องการทำเรื่องนี้ให้ถูกกฎหมายเพื่อไม่ให้เกิดข้อครหาใดๆ และหากได้งบประมาณเพิ่มเติมจึงค่อยดำเนินการใหม่ในส่วนที่เหลือ
วานนี้(11เม.ย.55) ที่รัฐสภา น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสาร กล่าวถึงกรณีการควบคุมการใช้แท็บเล็ตภายหลังเกิดเหตุการณ์เด็กมัธยมศึกษาปีที่ 1 เผยแพร่คลิปลงยูทูปโดยใช้ถ้อยคำไม่สุภาพ ว่า การใช้โซเชี่ยลเน็ตเวิร์คไม่ควรละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ดังนั้นจึงต้องมีการเพิ่มมาตราการในการควบคุมในเรื่องของการใช้ถ้อยคำที่ไม่สุภาพ เพราะขนาดนี้เด็กประถมศึกษาปีที่ 1จะเริ่มใช้แท็บเล็ตจึงต้องปลูกฝั่งคุณธรรมและจริยธรรมและรณรงค์ในเรื่องนี้ด้วย
ส่วนการวางกรอบในเรื่องดังกล่าวอย่างไรนั้น น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวว่า เรามีกฎหมายอยู่แล้วแม้รัฐธรรมนูญจะให้สิทธิแต่การแสดงออกรวมถึงถ้อยคำที่ใช้ต้องไม่ละเมิดสิทธิของบุคคลอื่นต้องเคารพกฎหมายเหมือนกันไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่
เมื่อถามว่า ได้หารือกับกระทรวงศึกษาถึงมาตราการในการควบคุมการใช้โซเชี่ยลเน็ตเวิร์คอย่างไรเพราะขณะนี้เด็กป.1กำลังจะเริ่มใช้แท็บเล็ต น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวว่า เป็นหลักสูตรที่กระทรวงศึกษาได้เตรียมไว้แล้วตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดความพร้อมไม่พร้อมอยู่ที่โครงสร้างพื้นฐาน
**“โชว์แท็บเล็ตสีแดง แจกเด็กป.1
ที่ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการจัดหาแท็บเล็ตป.1 ซึ่งนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เป็นวาระจรที่ 18 วานนี้ว่า ที่ประชุมครม.เห็นชอบใน 3 เรื่องที่มีการแก้ไขในสัญญา คือ ให้ปลัดกระทรวงไอซีทีเป็นผู้ลงนามในสัญญาจัดซื้อจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์แบบพกพาหรือแทบเล็ตจากประเทศจีน ซึ่งเป็นไปตามคำแนะนำของสำนักอัยการสูงสุดที่ระบุให้ทำตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุ พ.ศ.2535 ซึ่งกำหนดให้หัวหน้าส่วนราชการเป็นผู้ลงนามสัญญาจัดซื้อจัดจ้าง จำนวนการจัดซื้อแท็บเล็ตที่เพิ่มขึ้นจาก 9 แสนเครื่อง เป็น 1 ล้านเครื่อง และงบประมาณที่ใช้ในการจัดซื้อจากเดิม 1,900 ล้านบาท เป็นไม่เกินวงเงินในการจัดซื้อ 3,000 ล้านบาท ซึ่งตามสัญญาแท็บเล็ตราคาเครื่องละ 82 เหรียญ หรือประมาณ 2,400-2,600 บาท โดย 1 ล้านเครื่องจะใช้งบประมาณราว 2,400-2,600 ล้านบาท
ขณะนี้ร่างสัญญาจัดซื้อแท็บเล็ตป.1 ขณะนี้กระทรวงไอซีทีได้ส่งให้สำนักงานอัยการสูงสุดตรวจสอบแล้ว ซึ่งในร่างสัญญามีการแก้ไขเนื้อหาใน 3 ส่วนตามที่ครม.เห็นชอบ รวมทั้งจะมีข้อกำหนดไว้ในร่างสัญญาว่ากระทรวงไอซีทีสามารถสั่งซื้อเพิ่มเติมได้ตามราคาที่ได้ตกลงในสัญญาหรือถูกกว่าที่ระบุไว้ในสัญญา สำหรับเรื่องงบประมาณการจัดซื้อแท็บเล็ตตามโครงการนี้ กรมบัญชีกลางให้ความเห็นว่าหน่วยงานที่จะจัดซื้อแท็บเล็ตจะต้องโอนเงินมายังกระทรวงไอซีทีให้แล้วเสร็จก่อนดำเนินการ
“การเซ็นสัญญาจัดซื้อแท็บเล็ตป.1 วันนี้ที่ยังไม่สามารถเซ็นได้เนื่องจากมีเงื่อนไข คือ รอสำนักงานอัยการสูงสุดส่งร่างสัญญาจัดซื้อแท็บเล็ตที่กระทรวงไอซีทีส่งให้ตรวจสอบด้านกฎหมายกลับมาให้กระทรวงไอซีที รวมทั้งเรื่องหนังสือรับรองด้านการเงิน(แบงก์การันตี) ของบริษัท สโคป ถ้าไม่มีก็ไม่สามารถเซ็นสัญญาได้ และเมื่อเซ็นสัญญาจัดซื้อแล้วนับไปอีก 60 วันสโคปจะต้องจัดส่งเครื่องแท็บเล็ตล็อตแรกมาให้กับกระทรวงไอซีที ซึ่งขณะนี้ไอซีทียังไม่ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจรับ แต่คาดว่าจะตั้งเร็วๆนี้”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างให้สัมภาษณ์ น.อ.อนุดิษฐ์ นำตัวอย่างแท็บเล็ตตามโครงการจัดหาแท็บเล็ตเด็กป.1 หรือโครงการคอมพิวเตอร์มือถือสำหรับนักเรียนทุกคน (One Tablet PC Per Child) ที่บริษัท เสิ่นเจิ้น สโคป ไซแอนทิฟิก ดีเวลลอปเมนต์ ได้รับคัดเลือกให้จัดหามาโชว์ พร้อมกล่าวว่า แท็บเล็ตตัวนี้มีหน้าจอขนาด 7 นิ้ว มีประสิทธิภาพการทำงานใกล้เคียงกับแท็บเล็ตที่จะแจกให้เด็กป.1 เนื่องจากแท็บเล็ตที่จะแจกเด็กป.1 จะใช้ชิปที่ดีกว่านี้ และตัวเครื่องแท็บเล็ตมี 3 สีคือ แดง เมทัลลิค และฟ้า โดยลงซอฟต์แวร์และแอพพลิเคชั่นตำราเรียนของเด็กป.1 ไว้แล้วด้วย โดยด้านหลังของแท็บเล็ตจะมีตัวอักษร OTPC ซึ่งหมายถึง One Tablet PC Per Child
นางจีราวรรณ บุญเพิ่ม ปลัดกระทรวงไอซีที กล่าวว่า วันนี้ได้ประสานกับสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) เป็นผู้รวบรวมจำนวนเงินที่แต่ละโรงเรียนจะใช้จัดซื้อแท็บเล็ตแล้วจัดส่งมาให้กระทรวงไอซีที โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด 7 หน่วยงาน ได้แก่ กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ) สำนักงานกรรมการการอุดมศึกษา(สกอ.) สำนักงานการศึกษาเอกชน(สช.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) กระทรวงมหาดไทย(ส่วนของโรงเรียนสังกัดท้องถิ่นต่างๆ) และกรุงเทพมหานครและพัทยา
ขณะนี้ประสานทุกหน่วยงานให้เร่งดำเนินงานตามที่กรมบัญชีกลางระบุแล้ว โดยจะพยายามทำให้เร็วที่สุดแต่ต้องเป็นไปตามระเบียบและขั้นตอนการโอนเงิน เนื่องจากทุกหน่วยงานไม่อยากให้ผิดขั้นตอน ช้าตอนนี้ดีกว่าต้องไปเริ่มต้นใหม่ แต่อย่างไรก็ตามคาดหวังว่าเย็นนี้สำนักงานอัยการสูงสุดจะส่งร่างสัญญาจัดซื้อแท็บเล็ตกลับมาให้กระทรวงไอซีที
มีรายงานว่า น.อ.อนุดิษฐ์ คาดว่าการเซ็นสัญญาจัดซื้อแท็บเล็ตป.1 ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ก่อนเทศกาลสงกรานต์นี้ เนื่องจากคณะกรรมการจัดหาแท็บเล็ตยังไม่ได้หารือเรื่องการจัดส่งแท็บเล็ต และราคา 82 เหรียญตามสัญญาก็เป็นราคาที่ยังไม่รวมการจัดส่งแท็บเล็ตไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั่วประเทศ
**ครม.ถกแท็บเล็ตนานสุด หวั่นผิดกม.
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่า ค่ำวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา ครม.ใช้เวลาหารือเรื่องเเท็บเล็ตนานที่สุดกว่าครึ่งชั่วโมง เนื่องจากโครงการนี้เดิมกำหนดไว้ที่ 5 แสนเครื่องแต่มีการปรับปรุงให้เพิ่มเป็น 1 ล้านเครื่อง จากงบประมาณเดิมที่กำหนดไว้ 1.7 พันล้านบาท แต่กระทรวงศึกษาธิการได้โอนงบฯ ให้กระทรวงไอซีทีไป 2 พันล้านบาทเศษแล้ว ครม.จึงใช้เวลาหารือว่าจะยกเลิกโครงการนี้แล้วดำเนินการใหม่ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาและขัดกับกฎหมาย หรือไม่ ซึ่ง รมว.ไอซีที ต้องการทำเรื่องนี้ให้ถูกกฎหมายเพื่อไม่ให้เกิดข้อครหาใดๆ และหากได้งบประมาณเพิ่มเติมจึงค่อยดำเนินการใหม่ในส่วนที่เหลือ