อนุกรรมการยาฯ เห็นชอบ 4 ยุทธศาสตร์ จัดการระบบยา เน้นการผลักดันการเข้าถึงยา-การกำหนดราคากลาง
วันนี้ (11 เม.ย.) นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการพัฒนานโยบายและยุทธศาสตร์ยาแห่งชาติ ว่า ที่ประชุมเห็นชอบร่างยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการด้านยา 4 ด้าน ได้แก่ 1.การเข้าถึงยา 2.การใช้ยาอย่างสมเหตุสมผล 3.การพัฒนาอุตสาหกรรมผลิตยา ชีววัตถุ และสมุนไพรเพื่อการพึ่งพาตนเอง และ 4.การพัฒนาระบบการควบคุมยาเพื่อประกันคุณภาพ ประสิทธิผล และความปลอดภัยของยา ซึ่งจะเป็นแผน 5 ปีระหว่างปี 2555-2559 โดยจากนี้จะนำเสนอต่อคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ ที่มี พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาให้ความเห็นชอบ จากนั้นจะเกิดการขับเคลื่อนตามแผนยุทธศาสตร์อย่างเป็นระบบ จะส่งผลให้ระบบยาและการใช้ยาก้าวหน้ามากขึ้น
นพ.พิพัฒน์ กล่าวด้วยว่า ในส่วนของยุทธศาสตร์การเข้าถึงยา จะดำเนินการในเรื่องของการกำหนดราคากลางยาในบัญชียาหลักแห่งชาติที่มีกว่า 700 รายการ เพื่อใช้เป็นราคาอ้างอิงให้หน่วยภาครัฐใช้ในการจัดซื้อจัดหายา และเป็นการตรวจสอบ ว่า หน่วยงานนั้นๆ ซื้อยาราคาแพงเกินจริงหรือไม่ โดยหากจะซื้อยาราคาแพงกว่าราคากลางที่อ้างอิงจะต้องมีเหตุผลที่สมควร เช่น อยู่ในพื้นที่ทุรกันดารการจัดส่งทำได้ลำบาก เป็นต้น ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการกำหนดราคากลางยาในบัญชียาหลักแห่งชาติของคณะอนุกรรมการกำหนดราคากลาง ส่วนยานอกบัญชียาหลักแห่งชาติ จะมีการกำหนดราคากลางด้วยหรือไม่ จะต้องมีการหารือต่อไป สำหรับยาที่จะเน้นให้ประชาชนจะเป็นยาที่มีการใช้น้อย และผู้จัดหาน้อยราย แต่เป็นยาที่มีความจำเป็นต้องใช้ หรือยากำพร้า อาทิ แก้พิษ ยาแก้ปวดเพื่อผู้ป่วยมะเร็ง เช่น มอร์ฟีน
“นอกจากนี้ ในเรื่องของยุทธศาสตร์การใช้ยาอย่างสมเหตุผล จะเน้นด้านการพัฒนา ระบบ และกลไกการกำกับดูแลเพื่อให้เกิดการใช้ยาอย่างสมเหตุผล รวมทั้งจะส่งเสริมการวิจัยพัฒนาในอุตสาหกรรมยาและนวัตกรรมต่อยอดทางยาสู่อุตสาหกรรมเชิงพาณิชย์ การสร้างความเชื่อมั่น และประกันคุณภาพยาที่ผลิตในประเทศแก่ผู้สั่งใช้ยาและประชาชน” นพ.พิพัฒน์ กล่าว
วันนี้ (11 เม.ย.) นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการพัฒนานโยบายและยุทธศาสตร์ยาแห่งชาติ ว่า ที่ประชุมเห็นชอบร่างยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการด้านยา 4 ด้าน ได้แก่ 1.การเข้าถึงยา 2.การใช้ยาอย่างสมเหตุสมผล 3.การพัฒนาอุตสาหกรรมผลิตยา ชีววัตถุ และสมุนไพรเพื่อการพึ่งพาตนเอง และ 4.การพัฒนาระบบการควบคุมยาเพื่อประกันคุณภาพ ประสิทธิผล และความปลอดภัยของยา ซึ่งจะเป็นแผน 5 ปีระหว่างปี 2555-2559 โดยจากนี้จะนำเสนอต่อคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ ที่มี พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาให้ความเห็นชอบ จากนั้นจะเกิดการขับเคลื่อนตามแผนยุทธศาสตร์อย่างเป็นระบบ จะส่งผลให้ระบบยาและการใช้ยาก้าวหน้ามากขึ้น
นพ.พิพัฒน์ กล่าวด้วยว่า ในส่วนของยุทธศาสตร์การเข้าถึงยา จะดำเนินการในเรื่องของการกำหนดราคากลางยาในบัญชียาหลักแห่งชาติที่มีกว่า 700 รายการ เพื่อใช้เป็นราคาอ้างอิงให้หน่วยภาครัฐใช้ในการจัดซื้อจัดหายา และเป็นการตรวจสอบ ว่า หน่วยงานนั้นๆ ซื้อยาราคาแพงเกินจริงหรือไม่ โดยหากจะซื้อยาราคาแพงกว่าราคากลางที่อ้างอิงจะต้องมีเหตุผลที่สมควร เช่น อยู่ในพื้นที่ทุรกันดารการจัดส่งทำได้ลำบาก เป็นต้น ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการกำหนดราคากลางยาในบัญชียาหลักแห่งชาติของคณะอนุกรรมการกำหนดราคากลาง ส่วนยานอกบัญชียาหลักแห่งชาติ จะมีการกำหนดราคากลางด้วยหรือไม่ จะต้องมีการหารือต่อไป สำหรับยาที่จะเน้นให้ประชาชนจะเป็นยาที่มีการใช้น้อย และผู้จัดหาน้อยราย แต่เป็นยาที่มีความจำเป็นต้องใช้ หรือยากำพร้า อาทิ แก้พิษ ยาแก้ปวดเพื่อผู้ป่วยมะเร็ง เช่น มอร์ฟีน
“นอกจากนี้ ในเรื่องของยุทธศาสตร์การใช้ยาอย่างสมเหตุผล จะเน้นด้านการพัฒนา ระบบ และกลไกการกำกับดูแลเพื่อให้เกิดการใช้ยาอย่างสมเหตุผล รวมทั้งจะส่งเสริมการวิจัยพัฒนาในอุตสาหกรรมยาและนวัตกรรมต่อยอดทางยาสู่อุตสาหกรรมเชิงพาณิชย์ การสร้างความเชื่อมั่น และประกันคุณภาพยาที่ผลิตในประเทศแก่ผู้สั่งใช้ยาและประชาชน” นพ.พิพัฒน์ กล่าว