นราธิวาส - ผู้บัญชาการทหารบกลงพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก เพื่อกล่าวขอโทษผู้ประกอบการ และประชาชนในพื้นที่จากเหตุคาร์บอมบ์ พร้อมยืนยัน จะมีการดูแลพื้นที่อย่างเต็มที่ โดยการติดตั้งกล้อง CCTV เพิ่ม ซึ่งจะเป็นนโยบายเร่งด่วนในการแก้ปัญหาสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่
เวลา 14.00 น. วันนี้ (24 ก.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก พร้อม พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 ลงพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก เพื่อพบปะกลุ่มผู้ประกอบการ ผู้นำศาสนา กลุ่มสมาคมชมรม และประชาชนในพื้นที่ เพื่อปลอบขวัญ และให้กำลังใจหลังเกิดเหตุลอบวางระเบิดคาร์บอมบ์ครั้งใหญ่ที่ร้านโปรคอมพิวเตอร์ แอนด์ โอเอ จำกัด ในเขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก เมื่อวันที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมา ทั้งนี้ ผู้บัญชาการทหารบกยืนยันภายใน 1 สัปดาห์ จะมีความชัดเจนเกี่ยวกับการดำเนินการจับกุมผู้ก่อเหตุ
โดยผู้บัญชาการทหารบก ได้กล่าวถึงความห่วงใยของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ส่งมาถึงพี่น้องประชาชนในพื้นที่ และมอบหมายให้เข้ามาดูแล ติดตามความคืบหน้า รวมถึงสนับสนุนการปฏิบัติงานในทุกรูปแบบ เพื่อนำความสงบสุขกลับคืนสู่พื้นที่ให้ได้โดยเร็ว พร้อมกันนี้ ผู้บัญชาการทหารบกได้กล่าวขอโทษต่อประชาชนทุกคนที่ไม่สามารถรักษาความปลอดภัยพื้นที่ จนทำให้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงขึ้น ซึ่งตนเองพร้อมรับผิดแต่เพียงผู้เดียว และจะพยายามอย่างดีที่สุดที่จะทำให้พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ปลอดภัยจากสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้น
ทั้งนี้ จากการรับฟังผลการปฏิบัติงานในระดับพื้นที่ของ อ.สุไหงโก-ลก และในระดับจังหวัด ทำให้ทราบว่า ยังขาดแคลนกำลังพลที่จะปฏิบัติงานด้านความมั่นคง ซึ่งแนวทางการแก้ปัญหาในขณะนี้ คิดว่าการติดตั้งกล้อง CCTV ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้จะสามารถมาทดแทนกันได้ในระดับหนึ่ง และยังเป็นการแก่ปัญหาการลอบเข้ามาก่อเหตุของกลุ่มคนร้ายได้ด้วย ดังนั้น กลับไปครั้งนี้จะนำเข้าหารือกับรัฐบาลในการจัดสรรงบประมาณคงเหลือจากหน่วยงานต่างๆ มารวมกับงบประมาณในการพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อดำเนินการติดตั้งกล้อง CCTV จำนวนกว่า 30,000 ชุด นำมาติดตั้งครอบคลุมทุกพื้นที่ทั้งในเขตเมือง เขตชุมชน ถนนสายหลัก และสายรอง โดยจะดำเนินการเป็นนโยบายเร่งด่วนที่จะต้องทำให้สำเร็จผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด ซึ่งอำเภอสุไหงโก-ลก ก็เป็นเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายหลักด้วย
นอกจากนี้ ยังกล่าวถึงการบังคับใช้กฎหมายในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ต้องมีการหารือร่วมกันว่า จะมีความเข้มงวดขึ้นในระดับใด เพราะหากนำกฎหมายด้านความมั่นคงมาใช้ทั้งหมด ความเป็นส่วนตัวของประชาชนจะลดน้อยลง แล้วประชาชนจะรับได้หรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ต้องพิจารณาอย่างรอบด้าน เพื่อป้องกันไม่ให้กลายเป็นประเด็นความขัดแย้ง หรือความไม่เข้าใจกันระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับประชาชนด้วย
ด้านนายกู้เกียรติ บูรพาพงศ์ ประธานหอการค้าจังหวัดนราธิวาส เรียกร้องให้ฝ่ายความมั่นคงกำหนดมาตรการที่ชัดเจนในการแก้ปัญหาสถานการณ์ความไม่สงบ รวมถึงการสนับสนุนอาวุธยุทโธปกรณ์ให้กำลังพลใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนให้มากขึ้น ซึ่งในเรื่องดังกล่าว ผู้บัญชาการทหารบกรับปากว่าจะมีการพิจารณาดำเนินการให้ตามกรอบการปฏิบัติงานทางทหาร
จากนั้น ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมคณะ ได้เดินทางไปเยี่ยม และให้กำลังใจนายเจริญชัย อุดมลาภสกุล อายุ 74 ปี เจ้าของบริษัทโปรคอมพิวเตอร์ แอนด์ โอเอ จำกัด และผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุระเบิดคาร์บอมบ์ ที่โรงพยาบาลสุไหงโก-ลก พร้อมไปตรวจดูพื้นที่เกิดเหตุ และพิกัดที่มีการติดตั้งกล้อง CCTV ในพื้นที่ เพื่อประกอบการพิจารณาดำเนินการให้การสนับสนุนต่อไป
เวลา 14.00 น. วันนี้ (24 ก.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก พร้อม พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 ลงพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก เพื่อพบปะกลุ่มผู้ประกอบการ ผู้นำศาสนา กลุ่มสมาคมชมรม และประชาชนในพื้นที่ เพื่อปลอบขวัญ และให้กำลังใจหลังเกิดเหตุลอบวางระเบิดคาร์บอมบ์ครั้งใหญ่ที่ร้านโปรคอมพิวเตอร์ แอนด์ โอเอ จำกัด ในเขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก เมื่อวันที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมา ทั้งนี้ ผู้บัญชาการทหารบกยืนยันภายใน 1 สัปดาห์ จะมีความชัดเจนเกี่ยวกับการดำเนินการจับกุมผู้ก่อเหตุ
โดยผู้บัญชาการทหารบก ได้กล่าวถึงความห่วงใยของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ส่งมาถึงพี่น้องประชาชนในพื้นที่ และมอบหมายให้เข้ามาดูแล ติดตามความคืบหน้า รวมถึงสนับสนุนการปฏิบัติงานในทุกรูปแบบ เพื่อนำความสงบสุขกลับคืนสู่พื้นที่ให้ได้โดยเร็ว พร้อมกันนี้ ผู้บัญชาการทหารบกได้กล่าวขอโทษต่อประชาชนทุกคนที่ไม่สามารถรักษาความปลอดภัยพื้นที่ จนทำให้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงขึ้น ซึ่งตนเองพร้อมรับผิดแต่เพียงผู้เดียว และจะพยายามอย่างดีที่สุดที่จะทำให้พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ปลอดภัยจากสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้น
ทั้งนี้ จากการรับฟังผลการปฏิบัติงานในระดับพื้นที่ของ อ.สุไหงโก-ลก และในระดับจังหวัด ทำให้ทราบว่า ยังขาดแคลนกำลังพลที่จะปฏิบัติงานด้านความมั่นคง ซึ่งแนวทางการแก้ปัญหาในขณะนี้ คิดว่าการติดตั้งกล้อง CCTV ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้จะสามารถมาทดแทนกันได้ในระดับหนึ่ง และยังเป็นการแก่ปัญหาการลอบเข้ามาก่อเหตุของกลุ่มคนร้ายได้ด้วย ดังนั้น กลับไปครั้งนี้จะนำเข้าหารือกับรัฐบาลในการจัดสรรงบประมาณคงเหลือจากหน่วยงานต่างๆ มารวมกับงบประมาณในการพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อดำเนินการติดตั้งกล้อง CCTV จำนวนกว่า 30,000 ชุด นำมาติดตั้งครอบคลุมทุกพื้นที่ทั้งในเขตเมือง เขตชุมชน ถนนสายหลัก และสายรอง โดยจะดำเนินการเป็นนโยบายเร่งด่วนที่จะต้องทำให้สำเร็จผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด ซึ่งอำเภอสุไหงโก-ลก ก็เป็นเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายหลักด้วย
นอกจากนี้ ยังกล่าวถึงการบังคับใช้กฎหมายในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ต้องมีการหารือร่วมกันว่า จะมีความเข้มงวดขึ้นในระดับใด เพราะหากนำกฎหมายด้านความมั่นคงมาใช้ทั้งหมด ความเป็นส่วนตัวของประชาชนจะลดน้อยลง แล้วประชาชนจะรับได้หรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ต้องพิจารณาอย่างรอบด้าน เพื่อป้องกันไม่ให้กลายเป็นประเด็นความขัดแย้ง หรือความไม่เข้าใจกันระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับประชาชนด้วย
ด้านนายกู้เกียรติ บูรพาพงศ์ ประธานหอการค้าจังหวัดนราธิวาส เรียกร้องให้ฝ่ายความมั่นคงกำหนดมาตรการที่ชัดเจนในการแก้ปัญหาสถานการณ์ความไม่สงบ รวมถึงการสนับสนุนอาวุธยุทโธปกรณ์ให้กำลังพลใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนให้มากขึ้น ซึ่งในเรื่องดังกล่าว ผู้บัญชาการทหารบกรับปากว่าจะมีการพิจารณาดำเนินการให้ตามกรอบการปฏิบัติงานทางทหาร
จากนั้น ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมคณะ ได้เดินทางไปเยี่ยม และให้กำลังใจนายเจริญชัย อุดมลาภสกุล อายุ 74 ปี เจ้าของบริษัทโปรคอมพิวเตอร์ แอนด์ โอเอ จำกัด และผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุระเบิดคาร์บอมบ์ ที่โรงพยาบาลสุไหงโก-ลก พร้อมไปตรวจดูพื้นที่เกิดเหตุ และพิกัดที่มีการติดตั้งกล้อง CCTV ในพื้นที่ เพื่อประกอบการพิจารณาดำเนินการให้การสนับสนุนต่อไป
