xs
xsm
sm
md
lg

ปูเมินลงใต้ ใช้เทคโนโลยีทำงานดับไฟ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

"นายกฯปู" อ้างมีระบบเทคโนโลยี ไม่จำเป็นต้องลงไปแก้ปัญหาถึงพื้นที่ไฟใต้ หวั่นเป็นภาระ จนท.ต้องมาคอยอารักขา "รอง ผบ.ตร." ลงนราฯ เรียกถกตำรวจ 19 โรงพัก ตามคดีเหตุคาร์บอมบ์โก-ลก พร้อมเผยภาพ 5 ผู้ต้องสงสัย ขณะที่ ตร.รือเสาะจับผู้ต้องสงสัยใต้ยิงถล่มฐานทหารหลังพบหลักฐานใช้บ้านพักเป็นสถานที่รักษาคนเจ็บ

วานนี้ (22 ก.ค.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะเหตุการณ์คาร์บอมบ์ในพื้นที่ จ.นราธิวาสว่า ตนได้รับทราบเบาะแสแล้วและมอบได้ให้เจ้าหน้าที่สอบสวนเรื่องนี้อยู่

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าหลายฝ่ายเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า "ถ้าลงไปแล้วมีประโยชน์ก็จะลง แต่จริงๆ แล้วดิฉันได้ทำงานติดตามอยู่แล้ว ซึ่งการประชุมกับหน่วยงานต่างๆ เรามีระบบเทคโนโลยี ไม่จำเป็นต้องลงไปเองและหากมีเวลาที่เหมาะสมก็อยากลงไป เพราะบางครั้งลงไปขณะเกิดสถานการณ์ อาจทำให้เจ้าหน้าที่เกิดความกังวลในการดูแลความปลอดภัย เราอยากให้เจ้าหน้าที่ใช้กำลังดูแลประชาชนอย่างเต็มที่มากกว่า"

ด้านนายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เมื่อนายกฯกลับมาถึงเมืองไทยแล้วอยากจะให้ได้สรุปผลการเดินทางไปเยือนประเทศต่างๆ ว่าประสบผลคุ้มค่ากับการเดินทางไปเยือนครั้งนี้หรือไม่ เพราะขณะนี้ปัญหาภายในประเทศมีจำนวนมาก โดยเฉพาะสถานการณ์ความรุนแรงใน 3 จังหวัดภาคใต้ที่มีความรุนแรงเกิดขึ้นทุกวัน รัฐบาลไม่เคยให้ความสำคัญ หรือสนใจที่จะเข้าไปแก้ไขปัญหา

"อยากจะเรียกร้องให้ฝ่ายการเมืองที่รับผิดชอบในเรื่องนี้ลงพื้นที่ไปดูแลจนถึงบัดนี้ หลังจากมีเหตุการณ์รุนแรงติดต่อกันหลายครั้งก็ยังไม่มีฝ่ายการเมืองคนใดลงไปในพื้นที่ แม้แต่คนเดียว ทำได้ก็แค่ให้โฆษกพรรคเพื่อไทยนั่งแถลงข่าวประนามมือระเบิดรายวัน ซึ่งไม่ใช่เป็นการแก้ปัญหาหรือสร้างความมั่นใจให้ประชาชนในพื้นที่ได้"

**เผยภาพ 5 ผู้ต้องสงสัยคาร์บอมบ์

เวลา 13.00 น.วันเดียวกัน พล.ต.อ.สุวัฒน์ จันทร์อิทธิกุล รอง ผบ.ตร.ได้เดินทางไปยังห้องประชุมปาหนัน กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส และได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับผู้บังคับบัญชา ของสถานีตำรวจภูธรทั้ง 19 แห่งในพื้นที่ จ.นราธิวาส รวมถึงเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องในการคลี่คลายคดีเหตุคนร้ายลอบวางระเบิด 50 กิโลกรัมไว้ในรถยนต์ก่อนนำไปจอดไว้ หน้าบริษัทโปรคอมพิวเตอร์แอนด์โอเอ ไทยแลนด์ จำกัด ในเขตเทศบาลสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส แล้วกดชนวนจนเกิดระเบิดขึ้นอย่างรุนแรงส่งผลให้เพลิงไหม้อาคารร้านค้า และยานพาหนะในละแวกดังกล่าว มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย เมื่อช่วงเช้าวันที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมาซึ่งเป็นวันแรกของการถือศีลอด ของชาวมุสลิม เพื่อรับทราบความคืบหน้าทางคดี และรวมไปถึงการวางมาตรการณ์ไม่ให้เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นในพื้นที่อีก

โดยการเข้าประชุมครั้งนี้ พ.ต.อ.สมบัติ หวังดี รอง ผบก.ภ.จ.นราธิวาส ได้เป็นผู้กล่าวรายงานสรุปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยที่ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนทุกแขนงเข้ารับฟัง เนื่องจากเป็นการป้องกันไม่ให้กลุ่มคนร้ายไหวตัวในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดี กำลังรวมรวบประจักษ์พยานหลักฐาน ซึ่งคดีได้มีความคืบหน้าไประดับหนึ่ง และหลังจากประชุมแล้วเสร็จ รอง ผบ.ตร.ได้เดินทางไปดูสถานที่เกิดเหตุ ก่อนที่จะกลับกรุงเทพฯ เพื่อรายงานข้อมูลความคืบหน้าทั้งหมดทางคดีต่อ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร.ทราบ

ส่วนความคืบหน้าเกี่ยวกับกลุ่มคนร้ายที่เจ้าหน้าที่ได้แกะรอยจากภาพวงจรปิด พบว่าเป็นกลุ่มเดียวกับที่เคยก่อเหตุเมื่อ ก.ย.ปี 54 ในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก ซึ่งเจ้าหน้าที่หน่วยความมั่นคงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้มีการประเมินร่วมกันกับชุดคลี่คลายคดี จนทราบว่าผู้ที่ร่วมก่อเหตุคาร์บอมบ์ในครั้งนี้มีอย่างน้อยด้วยกัน 5 คน ซึ่งรู้รายชื่อหมดแล้ว ประกอบด้วย 1.นายนัสรี มือลี, 2.นายมูฮำหมัดสักรี ไซซิง, 3.นายบูดีมาน มะสาและ, 4.นายอับดุลอาซิ มะแซ และ 5.นายอาแว ยา โดยเจ้าหน้าที่ใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานในการแกะรอยความคืบหน้าทางคดีและได้มีการแจกจ่ายภาพถ่ายและประวัติของบุคคลทั้ง 5 ให้กับบุคคลที่ทำหน้าที่เป็นสายข่าวให้ทางราชการ ในการติดตามเบาะแสและพฤติกรรมในอีกทางหนึ่ง เพื่อรายงานให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องรับทราบในทางลับ ซึ่งเจ้าหน้าที่เชื่อว่าอย่างน้อยบุคคลทั้ง 5 บางคนยังคงหลบซ่อนตัวอยู่ที่บ้านของสมาชิกแนวร่วมพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งของ จ.นราธิวาสที่เจ้าหน้าที่กำลังแกะรอยและรวบรวมข้อมูล เพื่ออกหมายจับในลำดับต่อไป

**จับผู้ต้องสงสัยถล่มฐานทหารรือเสาะ

ทางด้าน พ.ต.อ.ดุลยมาน แยนา ผกก.สภ.รือเสาะ จ.นราธิวาส เปิดเผยความคืบหน้ากรณีการติดตามไล่ล่ากลุ่มคนร้าย 30 คนที่แต่งกายเลียนแบบเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกถล่มฐานปฏิบัติการณ์ทหาร สังกัดร้อย. ร.15123 ชุดเฉพาะกิจนราธิวาสที่ 30 ซึ่งตั้งอยู่บริเวณสามแยกบ้านท่าเรือ ม.1 ต.รือเสาะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ช่วงเวลา 18.50 น.วันที่ 17 ก.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลทำให้ทหารเสียชีวิต 1 นาย ชาวบ้านเสียชีวิต 2 ราย นอกจากนี้ทั้งทหารและชาวบ้านยังได้รับบาดเจ็บสาหัสอีก 6 ราย ส่วนคนร้ายที่เสียชีวิต 2 รายโดยกลุ่มคนร้ายสามารถนำศพหลบหนีไปได้นั้น

ต่อเมื่อเช้าวานนี้ (22 ก.ค.) จากการผสานกำลัง 3 ฝ่าย ใช้กฎอัยการศึกบุกจู่โจมตรวจค้นบ้านต้องสงสัยหลังหนึ่งในพื้นที่ ต.เรียง อ.รือเสาะ สามารถตรวจสอบพบหลักฐานสำคัญเป็นคราบเลือดที่ติดอยู่ตามเสื้อผ้า เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัว นายมูฮาหมัด แวกาจิ ซึ่งเป็นลูกชายของเจ้าของบ้านไปทำการสอบสวนขยายผล เพราะเชื่อว่าบุคคลดังกล่าวเป็นสมาชิกแนวร่วมกองกำลังติดอาวุธ RKK ที่แฝงตัวเคลื่อนไหวในหมู่บ้าน และใช้บ้านพักเป็นสถานที่รักษากลุ่มคนร้ายที่ถูกเจ้าหน้าที่ทหารและชาวบ้านยิงได้รับบาดเจ็บมารักษาตัว

ส่วนกรณีศพผู้ต้องสงสัย 2 ศพที่ประกอบพิธีฝังศพขึ้นที่กุโบร์ในหมู่บ้าน ต.โคกสะตอ อ.รือเสาะ ซึ่งเป็นศพของนายอามัน กอละ ส่วนจุดที่ 2 ที่กุโบร์ในพื้นที่ ต.บาลอ อ.รามัน จ.ยะลา เป็นศพของนายอาหะมะ สะตะ ซึ่งเป็นน้องชายของนายอาซิ สะตะ ซึ่งเป็นมือผลิตระเบิดของกองกำลังติดอาวุธ RKK ที่หลบหนีหมายจับ

จากการตรวจสอบในเบื้องต้นเชื่อว่าเป็นบุคคลที่ร่วมใช้อาวุธปืนบุกยิงถล่มฐานทหารในช่วงเย็นของวันที่ 17 ก.ค. ที่ผ่านมา เนื่องจากบ้านของบุคคลทั้งสองที่ถูกเจ้าหน้าที่ตรวจค้นยังพบหลักฐานเป็นซองใส่กระสุนปืนเอ็ม 16 ที่ยังอยู่ในกระเป๋าเสื้อ แต่เจ้าหน้าที่รอผลตรวจสอบดีเอ็นเอจากวัตถุพยานซึ่งเป็นคราบเลือดที่ติดอยู่บนรถจักรยานยนต์ของคนร้ายที่จอดทิ้งไว้ในที่เกิดเหตุ 3 คัน ซึ่งมีลักษณะแห้งกรังแต่สามารถนำไปตรวจพิสูจน์ได้ จึงจะสามารถระบุได้ว่าผู้เสียชีวิตทั้ง 2 รายเกี่ยวข้องหรือไม่อย่างไร.
กำลังโหลดความคิดเห็น