แม่ทัพภาคที่ 4 เผย สถานการณ์ไฟใต้ หลังเกิดคาร์บอมบ์ที่สุไหงโก-ลก ชี้ อยู่ในความควบคุมของหน่วยงานความมั่นคง ยอมรับที่ผ่านมาเพลี่ยงพล้ำ เพิ่มความเข้มช่วงถือศีลอด ส่วนเรื่องจีที 200 รับเลิกใช้ตั้งแต่มีเสียงวิจารณ์ แต่ไม่ทราบรายละเอียดจัดหาอุปกรณ์เสริมอื่น พบกองทัพอนุมัติซื้อเครื่องมือใช้แทนจีที 200 ผบ.ทบ.เตรียมลงพื้นที่พรุ่งนี้
วันนี้ (23 ก.ค.) พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ในพื้นที่ภาคใต้ ภายหลังเกิดเหตุคาร์บอมบ์ที่ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ว่า ขณะนี้สถานการณ์อยู่ในการควบคุมของหน่วยงานด้านความมั่นคง โดยหน่วยงานราชการกำลังเร่งฟื้นฟูเยียวยาและดำเนินการไปตามขั้นตอนตามแผนที่วางไว้ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ทราบตัวคนร้ายแล้วว่าเป็นกลุ่มไหน และมีจำนวนเท่าไร แต่ยังไม่สามารถบอกถึงรายละเอียดในส่วนนี้ได้ จึงขอปิดไว้เป็นความลับก่อน
อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้สั่งการมาแล้วว่า การทำงานในช่วงนี้ให้ดำเนินการไปตามแผน และพยายามกำจัดวงแคบของคนร้าย ทั้งนี้ต้องยอมรับว่า จากเหตุการณ์ที่ผ่านมา ถือว่ามาตรการทางทหารของเราเพลี่ยงพล้ำ จึงทำให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น และทำให้เกิดเหตุระเบิดขึ้น ดังนั้น หน่วยงานด้านความมั่นคง ทหาร และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับผิดชอบต้องเพิ่มมาตรการความเข้มงวดมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะมาตรการการรักษาความสงบเรียบร้อยในช่วงเดือนรอมฎอน (การถือศีลอด) ประจำปีฮิจเราะห์ โดยเราจะเน้นมาตรการทำอยู่ในพื้นที่สว่างเพื่อง่ายต่อการหาตัวคนร้ายและจะได้ไม่เพลี่ยงพล้ำต่อเหตุการณ์แบบนี้อีก
พล.ท.อุดมชัย กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับเครื่องตรวจวัตถุระเบิด จีที 200 ว่า ไม่มีประสิทธิภาพนั้น ตั้งแต่มีการวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องดังกล่าว ทางหน่วยทหารในพื้นที่ก็ไม่ได้มีการนำเครื่องจีที 200 มาใช้อีก ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า ทางกองทัพบกจะมีการจัดหาเครื่องตรวจวัตถุระเบิด Fido-XTและ Spectrex มาทดแทน จีที 200 นั้น ตนยังไม่ทราบรายละเอียดในเรื่องนี้ คงต้องรอให้ผู้บังคับบัญชาเป็นผู้ชี้แจง แต่คิดว่า ถ้าได้อุปกรณ์มาเสริมในการทำงานในพื้นที่ก็น่าจะเป็นเรื่องดี ทั้งนี้ ภายหลังจากที่เราเลิกใช้เครื่องตรวจหาวัตถุระเบิด จีที 200 ก็ยังไม่มีเครื่องมือใดมาทดแทน นอกจากเราจะต้องใช้ความสามารถของทหารในการตรวจหาเท่านั้น
รายงานข่าวแจ้งว่า ภายหลังจากที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า เครื่องตรวจหาวัตถุระเบิดจีที 200 ใช้ไม่ได้จริงและไม่มีประสิทธิภาพนั้น ตั้งแต่ปี 2553 ที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กันในวงกว้าง และมีการทดสอบทางวิทยาศาสตร์แล้ว พบว่า เครื่องจีที 200 ไม่สามารถใช้งานได้จริง ทำให้ทางหน่วยงานที่ทำงานอยู่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ยกเลิกใช้เครื่องจีที 200 ตั้งแต่นั้น อย่างไรก็ตามยังคงมีทหารบางส่วนที่ยังคงใช้เครื่องตรวจหาวัตถุระเบิดจีที 200 อยู่ เนื่องจากมีความมั่นใจว่า จีที 200 สามารถตรวจหาระเบิดได้จริง และเห็นว่า ขณะนี้ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังไม่มีอุปกรณ์ใดมาทดแทนด้วย อย่างไรก็ตาม เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กองทัพบกได้อนุมัติการจัดซื้อเครื่องตรวจมวลสารและตรวจวัตถุระเบิด Fido-XT อีก 4 เครื่อง รวม 15 ล้านบาท และเตรียมจะซื้อแบบพกพา Spectrex 40 ชุดรวมงบประมาณ 40 ล้านบาทจากอเมริกา เพื่อให้ทหารในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มาใช้ทดแทนจีที 200
อีกด้านหนึ่ง ในวันที่ 24 ก.ค.นี้ พล.อ.ประยุทธ์ มีกำหนดการที่จะเดินทางลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ภายหลังจากที่มีเหตุคนร้ายนำรถยนต์กระบะอีซูซุสีดำที่มีการติดตั้งระเบิดมาจอดที่หน้าร้านโปรคอมพิวเตอร์ ด้านหลังโรงแรมเกนติ้ง อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก
