นราธิวาส - ผบ.ทบ.เรียกผู้บังคับหน่วย 3 จชต.ประชุมสั่งเข้มอย่าปล่อยให้เกิดเหตุคาร์บอมบ์สะเทือนขวัญเหมือนสุไหงโก-ลกซ้ำซากอีก ย้ำ จนท.อำนวยความสะดวกให้ประชาชนประกอบศาสนกิจช่วงเดือนรอมฎอน เผยสถิติการก่อเหตุในห้วง 6 เดือน ลดลงจากปีที่แล้วเกินครึ่ง
วันนี้ (24 ก.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. และคณะ ได้เดินทางมายังกองบังคับการหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ซึ่งตั้งอยู่ศูนย์ราชการ ต.โคกเคียน อ.เมือง จ.นราธิวาส และได้เรียกประชุมผู้บังคับหน่วยของกองกำลังหน่วยที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งตัวแทนเจ้าหน้าที่ตำรวจ และฝ่ายปกครอง จำนวนกว่า 70 นาย เข้าร่วมประชุม เพื่อมอบนโยบายเพิ่มเติม และรับทราบการสนับสนุนกำลังในการคลี่คลาย และสกัดกั้นเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดคาร์บอมบ์หน้าบริษัทโปรคอมพิวเตอร์ แอนด์ โอเอ ไทยแลนด์ จำกัด เมื่อวันที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมา
โดย พล.ต.กัมปนาท รุดดิษฐ์ ผบ.ฉก.นราธิวาส ได้ขึ้นกล่าวรายงานสรุปเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงกล่าวรายงานความคืบหน้าการปฏิบัติงานเกี่ยวกับการส่งกำลังลงพื้นที่เพื่อจำกัดการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนร้ายในช่วงรอมฎอน หรือเดือนถือศีลอดของชาวไทยมุสลิม หลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ ผบ.ทบ.ได้ลงสั่งการในพื้นที่เมื่อวันที่ 11 มิ.ย.55 ที่ผ่านมา ซึ่งผลการปฏิบัติงานเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ สามารถสกัดกั้นกลุ่มคนร้ายไม่ให้มีช่องโหว่ในการลอบก่อเหตุได้
ส่วนเหตุคาร์บอมบ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่สุไหงโก-ลกนั้น คนร้ายได้เปลี่ยนแผนนำระเบิดมาประกอบในพื้นที่สุไหงโก-ลก แทนที่จะแอบแฝงตัวนำระเบิดที่ประกอบแล้วเสร็จเหมือนในครั้งที่ผ่านมา แล้วค่อยแฝงตัวนำนำระเบิดมาลอบก่อเหตุวินาศกรรม ซึ่งจุดนี้แสดงให้เห็นว่า การทำงานของเจ้าหน้าที่มีความรัดกุมขึ้น จนกลุ่มคนร้ายต้องมีการปรับแผนใหม่
ในส่วนของเดือนรอมฏอนนั้น ขณะนี้ มีเจ้าหน้าที่ทหารทุกฝ่ายเตรียมพร้อมอำนวยความสะดวกประชาชน ในการเดินทางไปในพื้นที่เสียงภัยในการประกอบศาสนกิจต่างๆ ซึ่งประชาชนมีความอบอุ่นใจ และกายมากขึ้น และสามารถเห็นได้เด่นชัด จากปีนี้พบว่า มีประชาชนเดินทางไปจับจ่ายสินค้าที่ตลาดมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเดือนรอมฎอน ซึ่งการประชุมเป็นการประชุมลับไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้ารับฟังกว่า 1 ชม.
แหล่งข่าวความมั่นคงของกองทัพภาคที่ 4 เปิดเผยโดยภาพรวมว่า จากสถิติล่าสุดของคดีในพื้นที่ 3 จชต.ในรอบ 6 เดือนของห้วงระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.55 ถึงวันที่ 30 มิ.ย.55 มีจำนวน 8,461 คดี ซึ่งเป็นคดีความมั่นคงเพียง 228 คดี ที่เหลือเป็นคดีทั่วไป เช่น ยาเสพติด และเรื่องส่วนตัว ซึ่งคดีความมั่นคงที่รู้ตัวผู้กระทำผิดจำนวน 38 ราย ควบคุมตัวได้ 31 ราย และอยู่ระหว่างการดำเนินการ อีก 7 ราย โดยเปรียบเทียบจากคดีทั้งหมด และเป็นเหตุการณ์ความรุนแรงเพียง 2.67% ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบจากห้วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมาพบว่า เหตุการณ์ความรุนแรงลดลงเกินกว่าครึ่ง
ขณะเดียวกัน ในส่วนของเหตุคาร์บอมบ์หน้าบริษัทโปรคอมพิวเตอร์ กลางเมืองสุไหงโก-ลก เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมานั้น เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้สรุปโดยภาพรวมความคืบหน้าทางคดีว่า ล่าสุด เจ้าหน้าที่ได้มีการเชิญพยานที่เห็นเหตุการณ์มาสอบปากคำไปแล้วจำนวน 10 ปาก ซึ่งได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีเป็นอย่างมาก โดยกลุ่มผู้ต้องสงสัยกบดานในพื้นที่ อ.สุไหงปาดี 1 เป้าหมาย สุไหงโก-ลก 4 เป้าหมาย และละแวกจุดเกิดเหตุอีก 3 เป้าหมาย และพฤติการณ์ยังเป็นรูปแบบเดิมที่ใช้โรงแรมแห่งหนึ่งเป็นที่สังเกตการณ์ และจุดชนวน
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนด้วยสีหน้าเคร่งเครียดถึงแนวทางในการปรับแผนหลังเกิดเหตุคาร์บอมบ์ต้อนรับเดือนถือศีลอดว่า ทาง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีความร้อนใจหลังเกิดเหตุที่สุไหงโก-ลก โดยได้กำชับให้ตนเองลงมาในพื้นที่ ซึ่งได้อธิบายไปว่าต้องให้เวลาแก่เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายสัก 2-3 วันในการทำงานที่มีทั้งระดับสั่งการ และผู้ปฏิบัติ และหลังจากนี้ไป ทุกกระทรวงทบวงกรมต้องปรับแนวทางกันใหม่เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอย ที่สำคัญ ความร่วมมือของทุกภาคส่วนเป็นสิ่งที่สำคัญ โดยเฉพาะการเฝ้าระวังเขตชุมชนและเศรษฐกิจ ต้องมีการเพิ่มกล้อง CCTV ให้มากขึ้น มีการปรับในส่วนของแผนเผชิญเหตุเพื่อให้รู้เท่าทันฝ่ายตรงข้าม
ที่ผ่านมา ทหารเข้าไปช่วยทุกภาคส่วนอยู่แล้ว ตำรวจก็มีหน้าที่ด้านกฎหมาย ส่วนกลุ่มก่อเหตุที่สุไหงโก-ลก ผบ.ทบ.ย้ำว่า เป็นคนไทยที่นับถือศาสนาอิสลาม และถูกปลูกฝังด้านประวัติศาสตร์ที่ไม่ถูกต้อง แต่ขอยืนยันว่า เหตุที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวกับการก่อการร้ายสากลอย่างที่หลายฝ่ายมอง หรือแม้กระทั่งกลุ่มโจรที่พยายามชูประเด็นว่า เป็นสงครามศาสนา ซึ่งผู้นำศาสนาของเขาเองก็ออกมาพูดว่าไม่ใช่ แต่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนของผู้บริสุทธิ์ที่ขัดต่อหลักคำสอนที่ว่า การฆ่าผู้บริสุทธิ์ 1 คนเท่ากับเป็นการฆ่ามวลมนุษย์ทั้งโลก โดยเฉพาะในช่วงเดือนแห่งความประเสริฐ ที่มุสลิมต้องชำระล้างจิตใจให้สะอาดให้ทำดีเพราะประตูสวรรค์เปิด ประตูนรกปิด ที่สำคัญ ในส่วนของประชาชนหากต้องการความปลอดภัยต้องเข้าใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ที่ต้องมีทั้ง พ.ร.ก.และกฎอัยการศึกในการเข้าไปตรวจค้น และควบคุมผู้ต้องสงสัย
จากนั้น ในช่วงบ่ายวันเดียวกันทาง ผบ.ทบ.ได้เดินทางต่อไปยังพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก เพื่อไปพบปะให้กำลังใจประชาชน และเยี่ยมผู้ได้รับผลกระทบที่อาคารอเนกประสงค์ที่ว่าการอำเภอสุไหงโก-ลก ก่อนที่จะเสร็จสิ้นภารกิจในช่วงเย็น โดย ผบ.ทบ.ได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ดูพื้นที่อย่าปล่อยให้มีเหตุคาร์บอมบ์ซ้ำเหมือนที่ อ.สุไหงโก-ลก
