นราธิวาส - พิษคาร์บอมบ์สุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส เตรียมหางบพิเศษช่วยเจ้าของบริษัทโปรคอมฯ หลังเสียหายไป 100 ล้าน ด้านความคืบหน้าคดี จนท.คาดจะได้ตัวคนร้ายในเร็ววัน
สำหรับความคืบหน้ากรณีเหตุคนร้ายวางระเบิดคาร์บอมบ์หน้าบริษัทโปรคอมพิวเตอร์ แอนด์ โอเอ ไทยแลนด์ จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ ถ.เจริญเขต เขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมา จนสร้างความเสียหายต่อทรัพย์สิน และทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 10 รายนั้น
ล่าสุด หลังจากเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบว่า นายเจริญชัย อุดมลาภสกุล อายุ 74 ปี เจ้าของบริษัทฯ ไม่ได้มีการทำประกันภัยไว้ จนทำให้ทรัพย์สินได้รับความเสียหาย ประมาณ 100 ล้านบาท จากเหตุคนร้ายวางระเบิดคาร์บอมบ์ ทางจังหวัดนราธิวาสได้มีการพิจารณาหางบประมาณพิเศษเข้าช่วยเหลือ ในการสร้างอาคารหลังใหม่ให้ หากผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ตรวจสอบพบว่า โครงสร้างหลักของอาคารได้รับความเสียหายจากเหตุเพลิงไหม้ จนไม่สามารถใช้การได้ ก็ต้องทุบทิ้งประการเดียว
ในส่วนของทรัพย์สินที่ถูกเพลิงไหม้ ทางจังหวัดจะดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาเหมือนกรณีกับบุคคลอื่นๆ ทั่วไปที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งขณะนี้ ทางจังหวัดได้ให้การช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบในเรื่องของทรัพย์สินไปแล้วในเบื้องต้น จำนวน 16 ราย รวมเป็นเงินทั้งสิน 441,015 บาท
ในส่วนของความคืบหน้าทางคดีนั้น หลังจากที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ จันทร์อิทธิกุล รอง ผบ.ตร. ได้ลงมาเร่งรัดในการจับกุมกลุ่มคนร้ายมาลงโทษให้ได้นั้น ล่าสุด พ.ต.อ.ไมตรี ฉิมเฉิด ผกก.สภ.สุไหงโก-ลก ได้แต่งตั้งคณะทำงานออกเป็น 3 ชุด คือ ชุดที่ 1.ทำหน้าที่เก็บรวบรวมพยานหลักฐาน ชุดที่ 2.ทำหน้าที่สืบสวนสอบสวนแกะรอยกลุ่มคนร้ายที่อยู่ในเป้าหมาย 5 คน ซึ่งประกอบด้วย 1.นายนัสรี มือลี 2.นายมูฮำหมัดสักรี ไซซิง 3.นายบูดีมาน มะสาและ 4.นายอับดุลอาซิ มะแซ 5.นายอาแว ยา
และชุดที่ 3.ทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์จิตวิทยา เพื่อขอความร่วมมือประชาชนในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก กรณีแจ้งเบาะแสความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนร้าย ที่ในเบื้องต้นพบว่า กลุ่มคนร้ายได้ขี่รถจักรยานยนต์ และรถยนต์คันที่ประกอบระเบิดวนเวียนในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก ก่อนที่จะตัดสินใจจอดรถคาร์บอมบ์วางระเบิดหน้าบริษัทโปรคอมพิวเตอร์ฯ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ประเมินแล้วค่อนข้างชัดเจนว่า กลุ่มคนร้ายได้ประกอบระเบิดลูกดังกล่าวในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก ซึ่งไม่ต้องเสี่ยงจากการตรวจสอบพบของเจ้าหน้าที่ที่ได้มีการตั้งด่านตรวจในทุกมุมเมือง ที่เป็นเส้นทางเข้า-ออก ซึ่งจุดดังกล่าวนี้ถือว่าเป็นประเด็นสำคัญที่จะขยายผลไปสู่เครือข่ายของกลุ่มคนร้าย
สำหรับความคืบหน้ากรณีเหตุคนร้ายวางระเบิดคาร์บอมบ์หน้าบริษัทโปรคอมพิวเตอร์ แอนด์ โอเอ ไทยแลนด์ จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ ถ.เจริญเขต เขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมา จนสร้างความเสียหายต่อทรัพย์สิน และทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 10 รายนั้น
ล่าสุด หลังจากเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบว่า นายเจริญชัย อุดมลาภสกุล อายุ 74 ปี เจ้าของบริษัทฯ ไม่ได้มีการทำประกันภัยไว้ จนทำให้ทรัพย์สินได้รับความเสียหาย ประมาณ 100 ล้านบาท จากเหตุคนร้ายวางระเบิดคาร์บอมบ์ ทางจังหวัดนราธิวาสได้มีการพิจารณาหางบประมาณพิเศษเข้าช่วยเหลือ ในการสร้างอาคารหลังใหม่ให้ หากผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ตรวจสอบพบว่า โครงสร้างหลักของอาคารได้รับความเสียหายจากเหตุเพลิงไหม้ จนไม่สามารถใช้การได้ ก็ต้องทุบทิ้งประการเดียว
ในส่วนของทรัพย์สินที่ถูกเพลิงไหม้ ทางจังหวัดจะดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาเหมือนกรณีกับบุคคลอื่นๆ ทั่วไปที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งขณะนี้ ทางจังหวัดได้ให้การช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบในเรื่องของทรัพย์สินไปแล้วในเบื้องต้น จำนวน 16 ราย รวมเป็นเงินทั้งสิน 441,015 บาท
ในส่วนของความคืบหน้าทางคดีนั้น หลังจากที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ จันทร์อิทธิกุล รอง ผบ.ตร. ได้ลงมาเร่งรัดในการจับกุมกลุ่มคนร้ายมาลงโทษให้ได้นั้น ล่าสุด พ.ต.อ.ไมตรี ฉิมเฉิด ผกก.สภ.สุไหงโก-ลก ได้แต่งตั้งคณะทำงานออกเป็น 3 ชุด คือ ชุดที่ 1.ทำหน้าที่เก็บรวบรวมพยานหลักฐาน ชุดที่ 2.ทำหน้าที่สืบสวนสอบสวนแกะรอยกลุ่มคนร้ายที่อยู่ในเป้าหมาย 5 คน ซึ่งประกอบด้วย 1.นายนัสรี มือลี 2.นายมูฮำหมัดสักรี ไซซิง 3.นายบูดีมาน มะสาและ 4.นายอับดุลอาซิ มะแซ 5.นายอาแว ยา
และชุดที่ 3.ทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์จิตวิทยา เพื่อขอความร่วมมือประชาชนในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก กรณีแจ้งเบาะแสความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนร้าย ที่ในเบื้องต้นพบว่า กลุ่มคนร้ายได้ขี่รถจักรยานยนต์ และรถยนต์คันที่ประกอบระเบิดวนเวียนในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก ก่อนที่จะตัดสินใจจอดรถคาร์บอมบ์วางระเบิดหน้าบริษัทโปรคอมพิวเตอร์ฯ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ประเมินแล้วค่อนข้างชัดเจนว่า กลุ่มคนร้ายได้ประกอบระเบิดลูกดังกล่าวในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก ซึ่งไม่ต้องเสี่ยงจากการตรวจสอบพบของเจ้าหน้าที่ที่ได้มีการตั้งด่านตรวจในทุกมุมเมือง ที่เป็นเส้นทางเข้า-ออก ซึ่งจุดดังกล่าวนี้ถือว่าเป็นประเด็นสำคัญที่จะขยายผลไปสู่เครือข่ายของกลุ่มคนร้าย
