ASTVผู้จัดการรายวัน/ศูนย์ข่าวหาดใหญ่-สั่งคุมเข้า 7 หัวเมืองใหญ่จังหวัดชายแดนใต้ ทั้งตั้งด่านตรวจ จุดตรวจ เพิ่มความปลอดภัยสูงสุด ด้านหน่วยข่าวแจ้งเตือน "บุคคลวีไอพี" เป้าหมายใหม่ กอ.รมน.ชง ครม. ประกาศเคอร์ฟิวบางพื้นที่ คาดใช้หลังเดือนรอมฎอน ด้าน "บิ๊กโอ๋"เล็งใช้เครื่องบินตรวจตราแทนทหารเดินเท้า
วานนี้ (1 ส.ค.) เมื่อเวลา 16.00 น ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก แถลงผลการประชุมผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงของกองทัพบก (นขต.ทบ.) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานในการประชุมว่า ในที่ประชุม ผบ.ทบ.ได้เล่าและแสดงความคิดเห็นกับผู้บังคับหน่วยถึงการปฏิบัติงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งผบ.ทบ.ได้กล่าวถึงการทำงานเพื่อแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า สถานการณ์เริ่มตั้งแต่ปี 2547 ซึ่งกองทัพบกเข้าไปมีส่วนช่วยแก้ไขตั้งแต่เริ่ม โดยเป็นไปตามกรอบยุทธศาสตร์ และนโยบายตามกรอบกฎหมาย ซึ่งการแก้ไขปัญหาแบบยั่งยืนต้องมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน และหน่วยงานด้านความมั่นคงจะทำงานได้อย่างรวดเร็ว หากได้รับความร่วมมือจากประชาชน พร้อมระบุว่า นายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยในปัญหาชายแดนภาคใต้ และได้สั่งการให้ทุกกระทรวง ทบวง กรม เข้ามาขับเคลื่อน และยังติดตามการแก้ปัญหาอย่างใกล้ชิดด้วย
ส่วนกรณีที่นายกฯ ได้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการแก้ปัญหาชายแดนภาคใต้ ทางผบ.ทบ.จะได้ประชุมร่วมกับผบ.หน่วย เพื่อเตรียมการทำงานให้สอดคล้องตามที่รัฐบาลได้กำหนดขึ้น โดยพล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รองผบ.ทบ.ที่ได้เข้าไปประชุมร่วมกับนายกฯ เมื่อวันที่ 31 ก.ค.ที่ผ่านมา จะนำเนื้อหาสาระมาแจ้งให้หน่วยที่ปฏิบัติงานรับทราบ พร้อมกับหารือถึงการปฏิบัติที่จะสนับสนุนและสอดคล้องกับแนวทางการทำงานของศูนย์ปฏิบัติการที่นายกฯ ตั้งขึ้น ซึ่งคาดว่า 1-2 วันจะมีความชัดเจน
สำหรับความเป็นไปได้ในการประกาศเคอร์ฟิวเพื่อแก้ปัญหาภาคใต้ พ.อ.หญิงศิริจันทร์ กล่าวว่า เรื่องการใช้ชีวิตของประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ผบ.ทบ.ระบุว่า ที่ผ่านมา ได้พยายามให้ประชาชนได้ใช้ชีวิตตามปกติ ไม่ได้ตั้งกฎเกณฑ์ หรือห้ามเข้า ห้ามออก ห้ามการจราจร ซึ่งเป็นสิ่งที่ภาครัฐตั้งใจทำอย่างเต็มที่เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชน ถ้าจะต้องปรับเปลี่ยนและเกิดความไม่สะดวกกับประชาชน คงเป็นเรื่องลำดับหลังๆ ที่จะคิด
ส่วนการปรับยุทธวิธีหรือไม่ ในที่ประชุมไม่ได้พูดถึงในรายละเอียด แต่จะปรับไปตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และต้องปรับให้สอดคล้องกับความเป็นอยู่ของประชาชน ขณะนี้ยังคงปฏิบัติตามกรอบยุทธศาสตร์และยุทธวิธีตามที่รัฐบาล กระทรวงกลาโหม กองทัพบก และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ได้วางไว้
***เตือนระวังโจมตีบุคคลวีไอพี
รายงานข่าวแจ้งว่า ในที่ประชุม นขต.ทบ. หน่วยงานทางด้านการข่าวได้มีการแจ้งเตือนเจ้าหน้าที่ทหารให้มีความระมัดระวังต่อการก่อเหตุจากผู้ก่อความไม่สงบ เพราะขณะนี้เจ้าหน้าที่ผู้ใหญ่ที่จะไปร่วมกิจกรรม บุคคลสำคัญ และบุคคลสาธารณะในพื้นที่ ถือเป็นกลุ่มเป้าหมายในการก่อเหตุ
ทั้งนี้ ภายหลังจากการประชุม นขต.ทบ. ทางผบ.ทบ. ได้ประชุมร่วมกับ กอ.รมน. เกี่ยวกับการตั้งศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาชายแดนภาคใต้ตามคำสั่งนายกรัฐมนตตรี ซึ่งขณะนี้ทางกองทัพบกได้ให้รัฐบาลเลือก 1 ใน 3 สถานที่ คือ ทำเนียบรัฐบาล กองทัพบก และ กอ.รมน. เพื่อจัดเป็นที่ตั้งของศูนย์ปฏิบัติการ
***ชงประกาศ"เคอร์ฟิว"หลังจบรอมฎอน
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า สำหรับการประกาศเคอร์ฟิว หรือการห้ามประชาชนเข้า-ออกจากเคหสถานในเวลากลางคืนนั้น เป็นข้อเสนอของ กอ.รมน.ที่จะใช้บางมาตราของพ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ) โดยจะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบเร็วๆนี้ โดยจะกำหนดเป็นกรอบกว้างๆ เน้นพื้นที่ที่เป็นเส้นทางย่อย เส้นทางลัด พื้นที่ที่ผู้ก่อเหตุสามารถหลบหนีได้ โดยรายละเอียดเส้นทางจะให้ทางกองทัพภาคที่ 4 ไปจัดทำแผนมา ซึ่งมีหลายร้อยเส้นทาง หากครม.เห็นชอบ คาดว่า จะให้แม่ทัพภาคที่ 4 ประกาศใช้ได้ภายหลังจบเดือนรอมฎอน
**สั่งคุมเข้ม7หัวเมืองใหญ่
เมื่อเวลา 08.15 น.ที่ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ รองโฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวว่า ภายหลังเกิดเหตุระเบิดบริเวณถนนด้านหลังโรงแรม ซี.เอส. ปัตตานี หน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 23 เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรเมือง ฝ่ายปกครอง และชุด EOD ได้เข้าควบคุมพื้นที่และตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมจัดกำลังเข้าปฏิบัติตามแผนพิทักษ์เมืองปัตตานีในพื้นที่รับผิดชอบ โดยมุ่งเน้นเสริมกำลัง 4 ฝ่าย บริเวณ ด่านตรวจ จุดตรวจและจุดสกัดอย่างเข้มข้นตลอด 24 ชั่วโมง หากประชาชนพบสิ่งผิดปกติ ทั้งบุคคล ยานพาหนะ หรือวัตถุต้องสงสัย แจ้งหมายเลข 1341 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
สำหรับมาตรการรักษาความปลอดภัย ทาง กอ.รมน.ภาค 4 จะเพิ่มมาตรการในการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมให้ปลอดภัย โดยให้ความสำคัญสูงสุดในห้วงเดือนรอมฎอน ด้วยมาตรการเพิ่มความเข้มข้นในการตั้งด่านตรวจ จุดตรวจ และจุดสกัดให้มากยิ่งขึ้น โดยให้ความเร่งด่วนในการรักษาความปลอดภัยในเขตพื้นที่ 7 หัวเมืองเศรษฐกิจ ซึ่งประกอบด้วย อ.เมือง อ.เบตง จ.ยะลา, อ.เมือง จ.ปัตตานี, อ.เมือง อ.ตากใบ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส และ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ให้มีความปลอดภัยสูงสุด ด้วยวิธีการเสริมยุทโธปกรณ์พิเศษ เช่น CCTV, เสริมกำลังทหารดูแลเขตเมืองให้มากขึ้น รวมทั้งการทบทวนการกำหนดพื้นที่ปลอดภัย (Safety Zone) ให้มีความเหมาะสมด้วย
**ตรวจซากคาร์บอมบ์โรงแรม ซี.เอส
เช้าวันเดียวกัน เวลาประมาณเวลา 08.00 น. ร.ต.ท.พรพิทักษ์ สมศรี หัวชุดศาสตรา ศชต. ได้นำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบวัตถุพยานในที่เกิดเหตุคาร์บอมบ์หลังโรงแรมซี.เอส.ปัตตานี อ.เมือง จ.ปัตตานี อีกครั้ง เพื่อหารายละเอียดของชิ้นส่วนประกอบระเบิดที่คนร้ายนำมาก่อเหตุ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดพิสูจน์หลักฐานปัตตานี
จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบชิ้นส่วนของถังแก๊สหุงต้ม ขนาด 15 กิโลกรัม สามารถบรรจุระเบิดได้น้ำหนักประมาณ 50-60 กิโลกรัม ชิ้นส่วนของวิทยุสื่อสาร และชิ้นส่วนของสะเก็ดระเบิดที่ทำด้วยเหล็กเส้นขนาด 2 หุน และ 3 หุน ปะปนกันอยู่เป็นจำนวนมาก
ส่วนรถยนต์ที่คนร้ายนำมาก่อเหตุในครั้งนี้ เป็นรถยนต์กระบะหมายเลขทะเบียน ถล 8099 กทม. สีน้ำเงิน ซึ่งเป็นรถยนต์ที่คนร้ายได้โจรกรรมในพื้นที่ อ.กะพ้อ เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งพนักงานบริษัทเบทาโกรขับกลับมาจากส่งไก่ให้กับลูกค้าในพื้นที่ เป็นเหตุให้คนงานถูกยิงเสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุก่อนคนร้ายจะชิงรถไป และนำมาก่อเหตุดังกล่าว
**คุมเข้ม“หาดใหญ่”เสี่ยงถูกเจาะรอบ2
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กำลังเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจได้เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงใน จ.สงขลา ที่อาจตกเป็นเป้าการก่อเหตุลอบวางระเบิดทั้งพื้นที่ 4 อำเภอชายแดนของ จ.สงขลา คือ อ.จะนะ เทพา นาทวี และ อ.สะบ้าย้อย ที่ติดกับ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งพื้นที่ อ.หาดใหญ่ ซึ่งมีการเฝ้าระวังเป็นพิเศษ หลังมีรายงานว่ามีรถยนต์กระบะต้องสงสัย 2 คันที่อาจเตรียมนำเข้ามาก่อเหตุในพื้นที่ จ.สงขลา โดยเฉพาะ อ.หาดใหญ่ ซึ่งเป็นพื้นที่ไข่แดง คันแรกเป็นรถยนต์กระบะโตโยต้าวีโก แบบแค็บ สีบรอนซ์เงิน ไม่ทราบหมายเลขทะเบียนและ คันที่สอง เป็นรถยนต์กระบะอีซูซุ ดีแม็กซ์ แบบแค็บ สีบรอนซ์เงิน
โดยกำลังทหารของหน่วยเฉพาะกิจสงขลาประจำด่านตรวจควนมีด ซึ่งเป็นด่านตรวจถาวรด่านแรกของ อ.จะนะ ที่จะมุ่งหน้าเข้าสู่ตัวเมืองหาดใหญ่ ได้เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจค้นและเฝ้าสังเกตรถยนต์ต้องสงสัยทั้งสองคันอย่างใกล้ชิด รวมทั้งตรวจค้นวัตถุต้องสงสัยทุกประเภทเช่นเดียวกับพื้นที่โดยรอบของ อ.หาดใหญ่ ทั้งชั้นนอกและชั้นในจะมีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตั้งจุดตรวจเส้นทางเข้าออกหาดใหญ่ทั้งสี่มุมเมืองและถนนสายรอง ทั้งนี้หน่วยข่าวได้มีการแจ้งเตือนให้เฝ้าระวังการก่อเหตุในช่วงเช้ามืดเป็นพิเศษ
**ยะลาจับตา 5 คาร์บอมบ์เจาะด่าน
ส่วนที่บริเวณจุดตรวจขุนไวย์ ซึ่งเป็นเขตรอยต่อของ ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี กับเขตเทศบาลนครยะลา เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนประจำจุดตรวจได้ปฏิบัติหน้าที่ตรวจสอบรถยนต์และจักรยานยนต์ต้องสงสัยทุกคันที่จะวิ่งผ่านเข้ามาในเขตเทศบาลนครยะลาอย่างเข้มงวด
โดย พล.ต.ต.พีระ บุญเลี้ยง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา ได้สั่งการวิทยุด่วนไปยังจุดตรวจหลักในพื้นที่รอบเขตเทศบาลนครยะลา ให้ค้นหารถต้องสงสัย โดยเฉพาะรถยนต์กระบะจำนวน 3 คัน ที่กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงใช้กราดยิงเจ้าหน้าที่ทหารเสียชีวิต 4 นาย ที่บนถนนสาย 4061 มายอ-ปาลัส บ้านดูวา ม.3 ต.ถนน อ.มายอ จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา ประกอบด้วย รถยนต์กระบะสองตอนยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ สีบรอนซ์เงิน, รถยนต์กระบะ ยี่ห้ออีซูซุ รดีแมคซ์ สีบรอนซ์เทา และอีซูซุ ดีแมคซ์ สีบรอนซ์เงิน รวมถึงรถยนต์ต้องสงสัยจำนวน 2 คัน คือ รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีออส สีดำ และรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นแจ๊ซ สีเขียว โดยรถยนต์ทั้ง 5 คันนี้ มีความเป็นไปได้ว่ากลุ่มคนร้ายจะนำไปประกอบวัตถุระเบิด แล้วนำมาก่อเหตุในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
**กราดยิงร้านน้ำชาปัตตานีตาย2เจ็บ4
ด้านสถานการณืความไม่สงบ เมื่อเวลา 03.30 น.ของวันที่ 1 ส.ค. ได้มีคนร้ายจำนวน 2 คนขับขี่รถจักรยานยนต์ไม่ทราบชนิดเป็นยานพาหนะ มาจอดที่หน้าบ้านเลขที่ 29 ม.4 บ้านท่าพง ต.ตะโละกาโปร์ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี ขณะที่นายดอเลาะ ยูโซะ อายุ 44 ปี เป็น ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ม.4 ขับรถยนต์ปิกอัพ มาจากในเมือง กำลังนำรถจะเข้าจอดที่หน้าบ้าน คนร้ายที่ซ้อนท้ายได้ใช้อาวุธปืนสั้น กระหน่ำยิง ทำให้ กระสุนปืนถูกนายดอเลาะที่ใบหน้าลำตัวรวม 6 นัดเสียชีวิตคาที่ จากนั้นคนร้ายอาศัยความมืดหลบหนีไป พ.ต.อ.มานะ นาคคั่ง ผกก.สภ.ยะหริ่ง เดินทางไปร่วมตรวจสอบ สาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวน
เวลาใกล้เคียงกัน ขณะที่ชาวบ้านประมาณ 10 คน กำลังนั่งดื่มน้ำชาที่หน้าร้านไม่มีชื่อ บริเวณสี่แยกบ้านบูเก็ตโนรี ม.5 ต.ควนโนรี อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี เป็นที่มืด ไม่มีไฟฟ้า มีคนร้าย 2 คน ขับขี่รถจักดรยานยนต์ มาจอดที่หน้าร้าน และคนร้ายที่ซ้อนท้ายใช้อาวุธปืนสงครามอาก้า กราดยิงเข้าไปในร้าน ทำให้บรรดาชาวบ้านที่กำลังดื่นน้ำชาภายในร้าน ต่างวิ่งหนีกันจ้าละหวั่น และคนร้ายยังไม่หนำใจ ยังเข้าไปยิงบริเวณที่พักในร้านน้ำชาอีก จากนั้นคนร้ายวิ่งขึ้นรถจักรยานยนต์หลบหนีไป โดยพบผู้เสียชีวิต 2 คน และบาดเจ็บ 4 คน
**ซัด“เหลิม”อย่าสร้างเงื่อนไขใหม่
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี และรัฐบาลต้องทบทวนหลายสิ่งที่เกี่ยวข้อง ซึ่งในเรื่องกรอบนโยบายที่ทางสภาความมั่นคงแห่งชาติ เสนอต่อที่ประชุมของสภา ถือเป็นแนวทางที่ถูกต้อง และหลังจากที่มีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล ก็มีการเปลี่ยนแปลงบุคลากรค่อนข้างเยอะ แม้กระทั่งใน สมช. หลายคนซึ่งเคยมีโอกาสได้ทำงานที่เกี่ยวข้องกับภาคใต้ ก็ไม่ได้รับโอกาสในการทำงานต่อเนื่อง
ส่วนกรณี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี มีแนวคิดใช้รูปแบบ “เพนทากอน” แก้ปัญหาความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำให้คิดถึงการจัดการกับ “บินลาเดน” เพราะถือเป็นเรื่องที่อันตราย ไม่ควรสร้างเงื่อนไขใหม่ หรือท้าทายอะไร ไม่ควรสื่อสารไปในลักษณะนี้
**"ปู"ปัดรัฐบาลทำงานแบบวิ่งไล่หลัง
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวตอบคำถาม รัฐบาลทำงานวิ่งไล่ตามผู้ก่อความไม่สงบว่า ไม่ขอตอบประเด็นนี้ อย่าพูดแบบนั้นเลย เรื่องตรงนี้ เป็นเรื่องของการก่อความไม่สงบ ไม่ใช่ว่าเราวิ่งตาม แต่เป็นการทำงานในเชิงรุกแน่นอน อย่างที่บอกว่ายุทธศาสตร์ต่างๆ เป็นกรอบใหญ่ การขับเคลื่อนต่างๆ จะต้องขับเคลื่อนให้เร็วขึ้น เพื่อให้เป็นเอกภาพ ซึ่งตรงนี้ ต้องมาหารือในรายละเอียด และการทำงานต่างๆ ยังมีหลายปัจจัยที่ต้องให้เวลา ส่วนเรื่องการแบ่งแยกดินแดน ไม่ขอพูดตรงนี้ เพราะเกรงว่า หากสรุปไปจะเป็นข้อมูลที่ไม่ชัดเจน จะยิ่งทำให้เกิดความสับสน
ส่วนที่ฝ่ายค้านจะขอยื่นญัตติให้เปิดการอภิปรายทั่วไปสถานการณ์ความรุนแรงในภาคใต้ ก็ต้องแล้วแต่สภาฯ จะพิจารณา แต่รัฐบาลพร้อมที่จะรับฟังความคิดเห็นจากฝ่ายค้าน เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาการเมือง แต่เป็นปัญหาที่จะต้องทำงานร่วมกัน
เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่า นายกฯ จะลงพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์ด้วยตนเองหรือไม่ นายกฯ ไม่ได้ตอบคำถามดังกล่าว
**ขอกำลังกองทัพอากาศช่วย
ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ตนได้พูดคุยกับ ผบ.ทบ. และ ผบ.ทอ. ว่า จะนำกำลังทางอากาศเข้ามาช่วยดู แต่จะเป็นการปฏิบัติการที่เล็กๆ ไม่ถึงขั้นเอฟ 16 เพื่อใช้ในการลาดตระเวน โดยจะมีการติดอาวุธ เพราะว่าภารกิจประจำ เช่น บนถนนที่จะต้องไปส่งคน อย่างเช่นกรณีที่กลุ่มผู้ก่อเหตุปิดถนนยิงเจ้าหน้าที่ทหารจนเสียชีวิตถึง 4 นาย ทั้งนี้ คิดว่าถ้ามีเครื่องบินอยู่ข้างบน โอกาสคงเกิดขึ้นอยาก แต่ทั้งนี้ ก็ต้องให้ ผบ.เหล่าทัพ พูดคุยกันก่อน
**เล็งประกาศเคอร์ฟิวส์
เมื่อถามว่า จากที่ได้มีการหารือกับ ผบ.เหล่าทัพ ได้มีการพูดคุยเรื่องการบังคับใช้กฎหมายพิเศษเพื่อให้เกิดความรัดกุมอย่างไร พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า ได้มีการพูดคุยกัน และเป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องทำ จึงจะต้องขอโทษ หากเกิดความไม่สะดวก ก็ช่วยไม่ได้ เวลาอย่างนี้จะมาเอาใจกันว่าไม่สะดวกไม่ได้แล้ว ส่วนสถานการณ์ถึงขั้นประกาศเคอร์ฟิวหรือไม่นั้น อย่าเพิ่งพูด เรายังไม่ได้พูดในรายละเอียดกัน
ด้าน พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า เป็นไปตามที่เราคาดการณ์ไว้ เนื่องจากคนร้ายไม่สามารถปฏิบัติการได้อย่างคล่องตัว ส่วนจะสอดรับกับที่มีกระแสข่าวว่าจะมีการก่อเหตุคาร์บอมบ์อีก 5 คันหรือไม่นั้น ขณะนี้เจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยได้จัดเจ้าหน้าที่ดำเนินการหารถที่จะนำมาเป็นคาร์บอมอยู่ สิ่งที่ยากลำบาก คือ การแยกแยะระหว่างรถที่จะนำมาเป็นคาร์บอมบ์และรถของประชาชนทั่วไป
**“บิ๊กอ๊อด”ซัดพวกไม่มีศาสนา
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า ราษฎรในพื้นที่ก็จะได้รับประโยชน์จากรัฐบาลมากขึ้น ราษฎรจะเข้าใจมากขึ้นว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกิดจากการกระทำของบุคคลที่ไม่มีศาสนา ส่วนการทำงานของศูนย์ปฏิบัติการที่ตั้งขึ้น จะมีการทำเวิร์กชอปเสนอให้นายกรัฐมนตรีสั่งการไปยังทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างบูรณาการ แต่หากต่างคนต่างสั่ง จะไม่มีเอกภาพ การปฏิบัติงานจะทำให้เกิดช่องว่างได้ ทั้งนี้ รัฐมนตรีหรือผู้แทนจากทั้ง 17 กระทรวงจะต้องเข้าไปอยู่ในศูนย์ปฏิบัติการนี้ รวมทั้งอยู่ที่ กอ.รมน. ภาค 4 อย่างไรก็ตาม หากหน่วยงานไหนไม่ทำตาม ก็ต้องเอางบประมาณกลับมา และต่อไป กอ.รมน.ภาค 4 กับ ศอ.บต. จะมีอำนาจเลือกคนเข้าไปทำงานพื้นที่ได้มากขึ้น ส่วนการใช้กฎหมายเคอร์ฟิวนั้น หากมีความจำเป็นก็อาจจะใช้เป็นจุด ไม่ใช่ใช้เป็นพื้นที่
**ตร.มอบ"วรพงษ์"ดูแลไฟใต้
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษก ตร. แถลงว่า ขณะนี้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รอง ผบ.ตร. เป็นห่วงสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดภาคใต้และให้ความสำคัญมาก โดยได้เน้นย้ำให้ พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา ที่ปรึกษา (สบ 10) เข้าไปควบคุมดูแลแก้ไขปัญหา ยืนยันว่าเจ้าหน้าตำรวจทุกนายมีขวัญกำลังใจดี
กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าธง อ.รามัน จ.ยะลา ที่เสียชีวิตจากคาร์บอมบ์ 5 นาย เมื่อวันที่ 25 ก.ค.ริมถนนสายบ้านอูเป๊าะ-บ้านปากาสาแม หมู่ 7 ต.วังพญา อ.รามัน จ.ยะลา ได้รับความช่วยเหลือทั้งหมดจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติและส่วนอื่นๆ แล้วเป็นเงินจำนวนทั้งสิ้นรายละ 1,682,000 บาท ส่วนที่ได้รับบาดเจ็บอีก 1 ท่าน ได้มอบเงินช่วยเหลือไปแล้ว 105,000 บาท นอกจากนี้ ผบ.ตร.ยังได้สั่งการให้ดูแลเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน 6 นาย ที่ประสบเหตุระเบิดในวันที่ 29 ก.ค.อย่างดีด้วย
**เพื่อไทยโวยแทน”ปู”ครวญเพลง
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เป็นที่น่าเสียใจที่ประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรีใช้เวลาร้องเพลง สุขกันเถอะเรา ในขณะชาวปัตตานีไฟฟ้าดับทั้งเมือง ไม่รู้จะมีชีวิตรอดพ้นข้ามคืนได้หรือไม่
“ผมขอประณาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่มีความสุขบนความทุกข์ของประชาชน และขอให้กำลังใจทหาร ตำรวจประชาชนที่ได้รับผลกระทบ”นายชวนนท์ กล่าว
ด้านนายณัฐวุฒิ ไสยเกี้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นคนละวาระกัน คนปกติก็จะเข้าใจในทางเดียวกัน มีแต่คนของพรรคประชาธิปัตย์ ที่คิดวิปริต แตกต่างชาวบ้าน คิดโยงเอาสองเรื่องเข้ารวมกันได้