xs
xsm
sm
md
lg

กองทัพยันมุ่งมั่นทุเลาบึ้มป่วนใต้ ขอ ปชช.อย่าตกใจเกินเหตุ-ร่วมมือแจ้งข่าวสาร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด (แฟ้มภาพ)
โฆษก ทบ.ยังไม่ฟันธงคาร์บอมบ์หรือซุกระเบิดที่ รร.ซีเอสปัตตานี ชี้คนร้ายพยายามหวังผลให้เกิดความรุนแรง น้อมรับเสียงวิจารณ์หากช่วยทำให้สถานการณ์ภาคใต้ดีขึ้น ระบุทหารทุกนายที่ลงพื้นที่มีการอบรมอย่างดี ผบ.ทบ.สั่งปรับแผนให้ทันกับสถานการณ์

วานนี้ (31 ก.ค.) พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ถึงกรณีการสร้างสถานการณ์ของกลุ่มก่อความไม่สงบบริเวณโรงแรมซีเอส ปัตตานี ว่าขณะนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้ 100% ว่าเหตุระเบิดที่บริเวณโรงแรมซีเอส ปัตตานี เป็นการระเบิดรถยนต์ หรือคาร์บอมบ์ แต่ตนไม่อยากให้ใช้คำว่าคาร์บอมบ์ แต่อาจจะเป็นระเบิดที่คนร้ายนำมาซุกซ่อนเอาไว้ และกดระเบิดด้วยรีโมตคอนโทรล แต่ขณะนี้ต้องรอการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่เก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิดหน่วยเฉพาะกิจอโณทัย (ฉก.อโณทัย) และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องก่อน แต่เบื้องต้นได้รับรายงานว่าจุดเกิดเหตุอยู่บริเวรนอกรั้วด้านหลังโรงแรมซีเอสปัตตานี โดยที่ไม่มีใครเสียชีวิต ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมสถานการณ์ และได้กันประชาชนออกมาอยู่ในพื้นที่ที่ปลอดภัยแล้ว ทั้งนี้ มาตรการการป้องกันที่เข้มงวดของทางโรงแรม และเจ้าหน้าที่ทำให้ไม่มีความสูญเสียเกิดขึ้น เนื่องจากคนร้ายไม่สามารถเข้ามาลอบวางระเบิดในเขตโรงแรมได้

พ.อ.สรรเสริญกล่าวว่า เหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นเป็นความพยายามของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบที่ต้องการแสดงให้เห็นว่าพวกเขาสามารถก่อเหตุได้ทุกที่ทุกเวลา และพยายามสร้างสถานการณ์ให้สังคมเห็นว่ามีเหตุร้ายต่อเนื่อง และให้เห็นว่าการแก้ไขปัญหาทำไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ทหารก็พร้อมปฏิบัติงานตามแนวทางของยุทธศาสตร์ เข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา อีกทั้งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้กำชับให้ทหารทำตามอย่างเต็มที่ ซึ่งการปฏิบัติงานสามารถป้องกันไม่ให้เกิดเหตุร้ายมากไปกว่านี้ได้

“เมื่อเกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้นมาทหารก็ไม่อยากให้ตื่นเต้นตกใจมาก ไม่ใช่ว่าไม่เป็นห่วงกำลังพล หรือประชาชนในพื้นที่ แต่ผู้ที่รับผิดชอบในทุกระดับชั้นต่างพยายามกำกับงานในพื้นที่เพื่อให้ทุกคนปลอดภัย แต่เหนือสิ่งใด ประชาชน ครู นักเรียน และข้าราชการในพื้นที่ต้องปลอดภัยด้วย เราทำเต็มที่ อย่าตื่นเต้นตกใจ มันจะทำให้ฝ่ายที่ก่อเหตุมีความรู้สึกฮึกเหิมเหมือนกับทำงานได้สำเร็จ แทนที่แรงกดดันจะตกอยู่กับกลุ่มที่ก่อเหตุการณ์ แต่กลับมาอยู่ที่เจ้าหน้าที่ ทั้งนี้การแก้ไขปัญหาเป็นการบูรณาการในการแก้ไขปัญหาแบบทุกมิติ ทุกยุทธศาสตร์ สิ่งสำคัญในการแก้ไขปัญหาคือการ เข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา”

พ.อ.สรรเสริญกล่าวอีกว่า กรณีที่กองทัพถูกวิพากษ์วิจารณ์นั้น หากทำให้ดีขึ้นหรือมองปัญหาที่ถูกมุมถูกต้องก็จะเป็นส่วนช่วยเจ้าหน้าที่สามารถที่จะมองเห็นปัญหาร่วมกัน และหาทางแก้ไข แต่การวิพากษ์วิจารณ์บางส่วนมันไม่ได้ทำให้สถานการณ์ดีขึ้น แต่ยิ่งทำให้บันทอนกำลังใจผู้ปฏิบัติงาน ส่วนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ระบุว่าอยากให้ประชาชนมาช่วยดูแลทหารนั้น ผู้บัญชาการทหารบกหมายความว่าสังคมอยู่ในต่างคนต่างดูแลกัน เจ้าหน้าที่ทำงานเพื่อความปลอดภัยของประชาชน ครู นักเรียน และข้าราชการ ดังนั้นประชาชนก็ต้องให้ข้อมูลข่าวสาร เพื่อให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานได้ดีขึ้น การให้ข้อมูลข่าวสารซึ่งเจ้าหน้าที่ทำอยู่แล้ว แต่นักวิพากษ์วิจารณ์ หรือแม้กระทั่งผู้บัญชาการทหารบกได้สั่งการให้มีการตั้งจุดตรวจ ด่านตรวจ ที่เข้มแข็ง ทั้งจุดตรวจลอย เพื่อไม่ให้ผู้ก่อเหตุจับทิศทางได้ถูก ติดกล้องทุกพื้นที่ ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าไปขัดผลประโยชน์ ในเรื่องค้าของเถื่อนในพื้นที่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้บั่นทอนเจ้าหน้าที่

พ.อ.สรรเสริญบอกว่า ทหารทุกหน่วยที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลาทหารทุกหน่วยได้ฝึกอบรม และมีการฝึกอย่างดี ไม่ได้ส่งทหารไปแบบไม่มีความพร้อม แต่การอยู่ในพื้นที่จะต้องมีการปรับเปลี่ยน ทั้งนี้ รมว.กลาโหมได้สั่งการผ่านมายัง ผู้บัญชาการทหารบก ซึ่งผู้บัญชาการทหารบกก็ได้เน้นว่าการปฏิบัติจะต้องปรับให้เข้ากับสถานการณ์อย่างเข้มงวด อย่าทำงานแบบรูทีน เพราะเมื่อเรามีการพัฒนา ทางกลุ่มก่อความไม่สงบก็มีการพัฒนาเช่นกัน กองทัพยืนยันจะมุ่งมั่นที่จะทำงานในพื้นที่ภาคใต้ให้สถานการณ์เบาลง หรือดีขึ้นอย่างเต็มความสามารถต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น