xs
xsm
sm
md
lg

“ยุทธศักดิ์” อ้างโจรใต้ชิงเป็นใหญ่ทำป่วนหนัก ยันศูนย์ปฏิบัติฯ หวังสั่ง จนท.มีเอกภาพ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี (แฟ้มภาพ)
รองนายกรัฐมนตรีเผยเตือนหลายครั้งแล้วเดือนรอมฎอนเหตุใต้จะแรง รับมีคาร์บอมบ์เพิ่ม ยันได้ตัวคนร้ายทุกครั้ง ชู กอ.รมน.ภาค 4 ทำชาวบ้านเชื่อมั่นมาก อ้างโจรใต้ชิงความเป็นใหญ่ทำป่วนหนัก ระบุศูนย์ปฏิบัติการฯ หวังสั่งการอย่างมีเอกภาพ โอ่ยุทธศาสตร์เริ่มเห็นแสงสว่าง เชื่อเบาลงในไม่กี่ปี เน้นแยกปลาออกจากน้ำ บอกไม่ต้องห่วงเงินเยียวยา จนท. แย้มอาจเคอร์ฟิวเป็นจุดๆ

วันนี้ (1 ส.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 10.00 น. พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงสถานการณ์ความมั่นคงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ยังคงเกิดเหตุต่อเนื่องว่า เราก็รู้แล้วว่าเดือนรอมฎอนได้เตือนหลายครั้งแล้วว่าจะเกิดเหตุ ช่วงนี้ได้บอกทุกครั้งที่ลงไปพื้นที่ แต่ก็ยังเกิดเหตุ บางครั้งรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะตอนนี้ใช้คาร์บอมบ์มากขึ้น ขณะที่การประมาณสถานการณ์ทราบว่าจะเกิดสถานการณ์รุนแรง เนื่องจากกองอำรวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4) โดยเฉพาะ พล.ท อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 ที่ปฏิบัติการค้นหากกดดันตลอดเวลาและขณะนี้สามารถได้ตัวบุคคลสำคัญทุกครั้งที่มีการปฏิบัติการ เพราะฉะนั้นการทำงานของ กอ.รมน.ภาค 4 ทำให้ประชาชนในพื้นที่เกิดความเชื่อมั่นการทำงานของรัฐบาลมากขึ้น หากปล่อยให้สถานการณ์เป็นแบบนี้ต่อไปประชาชนก็จะทอดทิ้ง ฝ่ายผู้ก่อการร้ายจึงจำเป็นที่จะต้องก่อเหตุเป็นผลงานและมีความรุนแรงมากขึ้น รวมทั้งขณะนี้มีการแย่งชิงความเป็นใหญ่ภายในของกลุ่มผู้ก่อเหตุจึงต้องแสดงผลงานให้มากและรุนแรงมากขึ้น ทั้งนี้ แนวโน้มสถานการณ์จะรุนแรงต่อเนื่องไม่ได้ เพราะขณะนี้ กอ.รมน.ภาค 4 ได้เพิ่มการดำเนินการเข้มงวดมากขึ้น เพิ่มกำลัง วิธีการ และเพิ่มจุดตรวจมากขึ้น โดยร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่กระทรวงมหาดไทยด้วย ขณะเดียวกันการทำงานในพื้นที่ก็จะไม่ซ้ำซ้อน เพราะมีการบูรณาการของทุกหน่วยงานที่ได้รับงบประมาณไปทำงานของทุกกระทรวงทุกอย่างก็จะดีขึ้น

“ราษฎรในพื้นที่ก็จะได้รับประโยชน์จากรัฐบาลมากขึ้น ราษฎรจะเข้าใจมากขึ้นว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกิดจากการกระทำของบุคคลที่ไม่มีศาสนา เช่น เมื่อวันที่ 31 ก.ค. เกิดเหตุคาร์บอมบ์ใต้หม้อแปลงไฟฟ้าที่โรงแรมซีเอส ปัตตานี หลังจากนั้นก็มีการยิงเข้าไปในร้านน้ำชาอ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี มีชาวมุสลิมทั้งนั้นบาดเจ็บทั้งหมด 6 คน เขาทำงานแบบรุนแรง หวังว่าจะให้เข้าใจว่าเป็นการทำงานของเจ้าหน้าที่ แต่ไม่ใช่ และเรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้นเป็นเงื่อนไขสงครามอะไร เพราะเป็นการทำงานแบบโจร เมื่อทำงานเสร็จก็หลบหายไป” พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าว

เมื่อถามว่า การทำงานของศูนย์ปฏิบัติการที่ตั้งขึ้นจะช่วยอะไรได้บ้าง พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าวว่า หลังจากมีการทำเวิร์คชอร์ปครั้งต่อไปจะมีการเสนอให้นายกรัฐมนตรีสั่งการไปยังทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งการทำงานจะต้องบูรณาการอย่างเต็มที่โดยต้องเชื่อฟังผู้มีอำนาจสั่งการ เช่น ผู้ว่าราชการจังหวัดก็จะฟังคำสั่งจากกระทรวงมหาดไทย แต่หากทุกอย่างมารวมกันอยู่ที่ศูนย์ปฏิบัติการนั้น การสั่งการก็จะออกจากศูนย์รวมนี้ แต่หากต่างคนต่างสั่งจะไม่มีเอกภาพการปฏิบัติงานและจะทำให้เกิดช่องว่างได้ ทั้งนี้ รัฐมนตรีหรือผู้แทนจากทั้ง 17 กระทรวงจะต้องเข้าไปอยู่ในศูนย์ปฏิบัติการนี้ รวมทั้งอยู่ที่ กอ.รมน.ภาค 4 ด้วย อย่างไรก็ตาม หากหน่วยงานไหนไม่ทำตามก็ต้องเอางบประมาณกลับมา และต่อไป กอ.รมน.ภาค 4 กับศูนย์อำนวยการบริหารงานจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) จะมีอำนาจเลือกคนเข้าไปทำงานพื้นที่ได้มากขึ้น

เมื่อถามว่า ขณะนี้แม่ทัพภาคที่ 4 ยังคงมีศักยภาพหรือไม่ พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าวว่า เป็นคนที่ทำงานในพื้นที่มากกว่า 30 ปี ได้ทุ่มเททำงานเต็มที่ สำหรับยุทธวิธีของภาครัฐนั้น ขณะนี้เราเป็นฝ่ายระวังป้องกัน ด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจที่จำกัด แต่ฝ่ายก่อเหตุไปดูจุดที่อ่อนแอและเริ่มจุดนั้น ซึ่งยืนยันว่าเราก็รู้ว่าสู้อยู่กับโจรกลุ่มไหน มีกี่กลุ่ม เป็นใครบ้าง แต่หาตัวไม่พบเพราะมีการซุ่มซ่อนอยู่ในลักษณะของโจร ทั้งนี้ยืนยันว่า หลังจากนี้สถานการณ์จะดีขึ้น ยุทธศาสตร์ที่วางไว้แนวทางปฏิบัติที่ทุกคนที่ทำงานเริ่มมองเห็นแสงสว่างแล้วว่าการทำงานเป็นขั้นตอนนับจากนี้จะเห็นขั้นตอนที่ดีขึ้นและเชื่อว่า สถานการณ์จะเบาบางลงได้ในอนาคตในอีกไม่กี่ปี ไม่กี่เดือนนี้ เดินทางมาถูกทางและวางยุทธศาสตร์ถูกแล้ว ขณะเดียวกันก็ยังมีการใช้ยุทธศาสตร์แยกปลาออกจากน้ำอยู่ด้วย

เมื่อถามว่า มีการสะท้อนว่าอยากให้เพิ่มเงินเยียวยาให้กับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานอยู่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าวว่า เราดูแลอยู่แล้วตามระเบียบและเราดูแลอย่างดี ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนี้ ซึ่งขณะนี้ทุกอย่าง โดยเฉพาะขวัญกำลังใจ ของเจ้าหน้าที่ กอ.รมน. มีกำลังและมองเห็นได้ดีขึ้น ซึ่งเมื่อการประชุมความมั่นคงเมื่อวันที่ 31 ก.ค.นั้น พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองผบ.ตร.ก็ชี้แจงด้วยว่าหากทำได้อย่างนี้ตั้งแต่สมัยที่อยู่ในพื้นที่ก็จะทำให้ทุกอย่างเรียบร้อยดีกว่านี้

เมื่อถามว่า ในพื้นที่มีการเสนอให้ใช้กฎหมายเคอร์ฟิว พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าวว่า หากมีความจำเป็นก็อาจจะใช้เป็นจุด ไม่ใช่ใช้เป็นพื้นที่ แต่ขณะนี้ยังไม่มีการพิจารณาที่จะใช้เคอร์ฟิว ส่วนกรณีที่งานของกองทัพบกมีมากเกินไปจนโหลดนั้น ขณะนี้ก็กำลังจะมีการปรับกองพลที่ 15 ให้มีกำลังที่สมบูรณ์เต็มที่เพื่อเข้าไปทดแทนกำลังของหน่วยอื่น ซึ่งจะแล้วเสร็จเมื่อใดนั้นก็ต้องสอบถามจาก พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม
กำลังโหลดความคิดเห็น