“รมว.กลาโหม” ระบุทหารต้องทำงานหนัก รับผิดชอบหลายภารกิจ ทั้งแก้สถานการณ์ใต้ จับของเถื่อน-ยาเสพติด เรียกร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าช่วย เผยหารือ ผบ.ทอ. ส่งเครื่องบินช่วยคุ้มกันระหว่างทหารลาดตระเวน ป้องกันการซุ่มโจมตี ส่วนนายกฯ ตั้ง “ยงยุทธ-เฉลิม” ให้ช่วยดูแลในส่วนของตำรวจ
วันนี้ (1 ส.ค.) ที่กระทรวงกลาโหม เมื่อเวลา 08.30 น. พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กล่าวอ้างนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี หลบเลี่ยงการเกณฑ์ทหารว่า เอกสารชัดเจนตามหลักฐานที่มีอยู่ ตนมั่นใจไม่ใช่เรื่องเก่าเพราะมีหลักฐานอยู่ เพราะมีเอกสารบ่งบอกว่าเป็นแบบนั้น ส่วนที่นายอภิสิทธิ์ จะฟ้องตนเป็นเรื่องห้ามไม่ได้ อย่างเช่น สด.9 ที่ไม่เหมือนกันทำไมไม่เอาตัวจริงมายืนยัน ส่วนกรณีที่จะให้ทางกรมพระธรรมนูญไปเอาผิดอยู่ระหว่างขั้นตอนการตรวจสอบ ซึ่งขอยืนยันว่าเราไม่ได้รีบร้อนในการดำเนินการเรื่องนี้ แต่ทางกระทรวงกลาโหมมั่นใจว่า นายอภิสิทธิ์หนีจริง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีกลุ่มผู้ก่อเหตุลอบวางระเบิดโรงแรมซีเอสปัตตานี ว่า เหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ภาคใต้ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเพราะมีกลุ่มผู้ก่อเหตุที่พยายามจะเร่งให้ตัวเองมีความสำคัญมากขึ้น จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เราเสียกำลังพลไปมาก เราจะนำแผนที่มีอยู่เดิมไปปฏิบัติให้เร็วขึ้น ทั้งนี้ตนได้หารือกับ ผบ.เหล่าทัพ ซึ่งได้ลงความเห็นกันว่าต้องนำกำลังจากหลาย ๆ ส่วนมาช่วยกัน เราเห็นจุดอ่อนของกองทัพบก คือทำงานที่ไม่ใช้หน้าที่ของตนเองมาก ตนรู้สึกเหมือนจับฉ่ายไปหมดทำมากไป ซึ่งก็ไม่อยากจะโทษหน่วยอื่น แต่อยากให้หน่วยต่าง ๆ เหล่านั้นส่งกำลังมาให้มาเพื่อสนับสนุนทหารด้วย เช่น การจับกุมของเถื่อน ยาเสพติด ทหารไม่สมควรที่จะเข้าไปเกี่ยวข้องทำหน้าที่เพื่อสนับสนุนเท่านั้น เพราะทหารเองนั้นมีภารกิจมากอยู่แล้ว หน้าที่ตรงนี้ขาดกำลังตำรวจที่มาดูแล จึงต้องเสริมกำลังตำรวจมาจุดนี้ เพราะทหารอย่างเดียวรับภารกิจมากก็จะหนัก
พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า สำหรับภารกิจประจำที่ทหารทำอยู่นั้น ได้มาวิเคราะห์กันว่าทหารเป็นเป้านิ่ง ก็ต้องทำ เช่นการคุ้มครองพระ ครู นักเรียน ซึ่งมีเวลาไปกลับที่แน่นอน และก็จะต้องทำกันทั้งวัน ทำให้ผู้ก่อเหตุรู้การเคลื่อนไหวซึ่งมันเป็นเป้า จึงมีโอกาสที่จะถูกโจมตีมาก ส่วนเรื่องการวางระเบิดโรงแรมซีเอสปัตตานีนั้น ก็พลาดเหมือนกัน เพราะที่ผ่านมาโรงแรมนี้เคยถูกระเบิดมาแล้ว แต่ครั้งนี้เป็นครั้งที่สอง ซึ่งคิดว่าเป็นสถานที่ปลอดภัย แต่ก็มาโดน แต่ก็ยังดีที่เสียหายน้อยไม่มีคนได้รับบาดเจ็บ หรือ เสียชีวิต ทั้งนี้การที่ตนได้พูดคุยกับ ผบ.ทบ. และ ผบ.ทอ. ว่าจะนำกำลังทางอากาศเข้ามาช่วยดู แต่จะเป็นการปฏิบัติการที่เล็ก ๆ ไม่ถึงขั้นเอฟ-16 เพื่อใช้ในการลาดตระเวน โดยจะมีการติดอาวุธ เพราะว่าภารกิจประจำ เช่นบนถนนที่จะต้องไปส่งคน อย่างเช่นกรณีที่กลุ่มผู้ก่อเหตุปิดถนนยิงเจ้าหน้าที่ทหารจนเสียชีวิตถึง 4 นาย ทั้งนี้คิดว่าถ้ามีเครื่องบินอยู่ข้างบนโอกาสนั้น คงเกิดขึ้นอยาก แต่ทั้งนี้ก็ต้องให้ ผบ.เหล่าทัพ พูดคุยกันก่อน
เมื่อถามว่า การแบ่งงานให้หน่วยงานอื่น ๆ กับการเพิ่มกำลังทหารอย่างไหนจะดีกว่ากัน พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า ภารกิจของใครใครก็ทำ และจะต้องทำตลอดไม่ใช่จะทำแค่สองโมงเช้าถึงสี่โมงเย็น เพราะสถานการณ์ในพื้นที่ภาคใต้มีทั้งคืน การเอาทหารลงไปก็จะต้องเข้าใจว่าเพราะต้องทำงานทั้งวันก็แย่เหมือนกันมันโอเวอร์โหลด ที่ผ่านมาทหารทำหมดทุกอย่างตั้งแต่ยาเสพติด ของเถื่อน การดูแลปัญหาชายแดน การตั้งด่านตรวจค้น กำลังก็หมด ซึ่งแผนต่าง ๆ ที่มีอยู่ถือว่าดีอยู่แล้ว แต่การปฏิบัติการตามแผนเป็นไปตามที่ได้สั่งการไว้หรือไม่ เพราะหน่วยปฏิบัติมีอยู่มากก็จะต้องดูตรงนี้ให้ชัดเจนด้วย ถ้าหากหน่วยปฏิบัติได้ทำการตามแผนแล้วยังมีเหตุการณ์ขึ้นแสดงว่าแผนไม่ดีก็จะต้องไปปรับปรุงที่แผน สำหรับในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการก็จะต้องดูแลเรื่องของโรงเรียนปอเนาะ เพราะทุกกระทรวงได้รับงบประมาณมาเหมือนกัน ซึ่งก่อนหน้านี้ตนเคยบอกไปกับผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ไปแล้ว ในเรื่องเงินที่ส่งไปช่วยเหลือทั้งด้านการศึกษาตามรายหัวถึงมือผู้รับหรือไม่ เช่นมีนักเรียน 100 คน แต่ทำเงินเบิกไปเป็นนักเรียน 200 คน และถามว่างบประมาณส่วนนั้นไปไหน ไม่ใช่ว่านำงบประมาณส่วนนั้นกลับมาทำร้ายเรา ก็จะต้องดูด้วย
เมื่อถามถึงกรณีที่ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรนายกรัฐมนตรี ตั้งศูนย์ปฏิบัติการดับไฟใต้ที่มี พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ และ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่กำกับดูแลนั้น พล.อ.อ.สุกำลัง กล่าวว่า ศูนย์จะจัดตั้งอยู่ที่ กทม. ซึ่งต่อไปนี้ศูนย์ดังกล่าวจะคอยแก้ไขปัญหาให้เกิดปัญหาอะไรขึ้นก็จะต้องรีบแก้ไข ทั้งนี้ยืนยันว่าไม่ซ้ำซ้อนกลับหน่วยงานที่มีอยู่ เพียงแต่เพื่อให้การทำงานกระชับมากขึ้น ส่วนขวัญกำลังใจของทหารในพื้นที่ ทาง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ยืนยันว่า กำลังใจดี ซึ่งส่วนที่ ร.ต.อ.เฉลิม เข้ามาดูปัญหาไฟใต้ ก็จะดูแลในเรื่องของตำรวจเพื่อที่จะกำชับให้เกิดความรัดกุมตามความต้อง แต่ไม่ได้เข้ามาจุ้นจ้านในส่วนของกองทัพ ทั้งนี้จะให้กองทัพ และ ตำรวจ ผนึกกำลังกัน เมื่อถามว่า จากที่ได้มีการหารือกับ ผบ.เหล่าทัพ ได้มีการพูดคุยเรื่องการบังคับใช้กฎหมายพิเศษเพื่อให้เกิดความรัดกุมอย่างไร พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า ได้มีการพูดคุยกัน และเป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องทำ จึงจะต้องขอโทษหากเกิดความไม่สะดวกก็ช่วยไม่ได้ เวลาอย่างนี้จะมาเอาใจกันว่าไม่สะดวกไม่ได้แล้ว บางครั้งผู้ช่วยใหญ่ผู้ใหญ่บ้างคนขี้จักรยานยนต์ออกจากบ้านเวลาห้าทุ่มก็เรียบร้อย ซึ่งเป็นเรื่องที่เราห้ามไม่ได้ แต่ถ้าถึงเวลาและอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้เราก็ไม่ออกไป ก็จะมีการนำกฎหมายมาบังคับใช้ เพราะจำเป็นจะต้องทำแล้วในวันนี้ ถ้าหากมีการบังคับใช้กฎหมายแล้ว หากออกมาก็ซัดไปเลย ต้องเอามั้งไม่อย่างนั้นก็ไม่ไหว
เมื่อถามว่า สถานการณ์ถึงขั้นประกาศเคอร์ฟิวหรือไม่นั้น พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า อย่าเพิ่งพูดเรายังไม่ได้พูดในรายละเอียดกัน ตนยังตอบไม่ได้ต้องค่อย ๆ ว่ากันไป โดยเฉพาะรายละเอียดในกฎหมายฉบับนี้ เมื่อถามว่า รัฐบาลยังสามารถควบคุมสถานการณ์ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้หรือไม่ พล.อ.อ.สุกำพล ย้อนถามกลับสื่อว่าคุณคิดว่าได้หรือไม่ ผู้สื่อข่าวจึงได้ตอบกลับไปว่า สถานการณ์ในพื้นที่ยังมีการก่อเหตุเป็นรายวัน ซึ่งเป็นส่วนทางกลับที่รัฐบาลบอกคุมได้ แต่ รมว.กลาโหม ไม่ตอบคำถามสื่อ เมื่อถามว่า รมว.กลาโหม จะลงพื้นที่พร้อมนายกรัฐมนตรีเมื่อไหร่ พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรีว่าจะลงไปในพื้นที่เมื่อไหร่ ส่วนจำเป็นจะต้องลงหรือไม่นั้น ไม่ใช่ว่าถึงเวลาปุ๊บจะต้องลงพื้นที่ทันที วันนี้จะต้องส่งกำลังเข้าไปดูสถานการณ์ว่าเป็นอย่างไร ถ้านายกรัฐมนตรี หรือ ผมลงไป ก็จะต้องเอากำลังพลมาดูแลเป็น 100 คน ก็ทำงานกันไม่ได้ รอให้ถึงเวลาที่เหมาะสมค่อยไปไม่ใช่ไปสร้างภาพ แต่ก็ยอมรับว่าการที่นายกรัฐมนตรี หรือ ตนลงพื้นที่ ก็จะเป็นการลงไปให้กำลังใจกำลังพลในพื้นที่ เพียงแต่ต้องรอเวลาให้เหมาะสมเท่านั้น แต่ไม่ใช่เวลานี้เพราะมันยังไม่จำเป็น
ด้าน พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า เหตุคาร์บอมบ์บริเวณด้านหลังโรงแรมซีเอสปัตตานี จ.ปัตตานี ทางเจ้าหน้าที่ผู้ปฎิบัติงานได้วางกำลังในการปฎิบัติหน้าที่ไว้ทุกจุด เพื่ออุดช่องโหว่ ซึ่งก็เป็นไปตามที่เราคาดการณ์ไว้ เนื่องจากคนร้ายไม่สามารถปฏิบัติการได้อย่างคล่องตัว ส่วนจะสอดรับกับที่มีกระแสข่าวว่าจะมีการก่อเหตุคาร์บอมบ์อีก 5 คันหรือไม่นั้น ขณะนี้เจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยได้จัดเจ้าหน้าที่ดำเนินการหารถที่จะนำมาเป็นคาร์บอมอยู่ สิ่งที่ยากลำบากคือการแยกแยะระหว่างรถที่จะนำมาเป็นคาร์บอมบ์และรถของประชาชนทั่วไป หากเรามีมาตรการที่เข้มงวดมากเกินไปก็จะส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ จึงขอเรียนกับประชาชนในพื้นที่ว่าช่วงนี้อาจจะไม่ได้รับความสะดวกมากนัก ทั้งนี้ตนจะพยายามทำงานอย่างเต็มที่ และขอให้พี่น้องประชาชน หากพบเห็นหรือทราบเบาะแสคนร้ายหรือพบรถที่ผิดปกติ ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทางสายด่วน 1341 ตลอด24ชม. ทางเราพร้อมที่จะส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบทันที
เมื่อถามว่า มีการประเมินหรือยังว่ารถที่มีการสูญหายหรือถูกชิงทรัพย์ไปในพื้นที่ีมีกี่คัน พล.ท. อุดมชัย กล่าวว่า ตนมีแผนในการดำเนินการเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่ขอเปิดเผยให้ทราบ ในบางส่วนก็สามารถนำกลับคืนมาได้แล้ว บางส่วนอยู่ระหว่างการติดตาม เมื่อถามต่อว่าในการจัดตั้งศูนย์ปฎิบัติการในการดูแลพื้นที่3จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีศูนย์อยู่ในกทม. ในส่วนนี้ได้เริ่มประสานการทำงานร่วมกันหรือยัง พล.ท.อุดมชัย กล่าวว่า ในส่วนของตนทาง กองอำนวยการรักษาพวามมั่นคงในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เป็นผู้ดำเนินการ โดย กอ.รมน.ภาค4ส่วนหน้าได้ปฎิบัติตามนโยบายอยู่แล้ว