รมว.กห.ขนทีมสอบแจง “อภิสิทธิ์” หนีทหาร ปัดเล่นเการเมือง ชูเอกสารต้นขั้วไม่มาเกณฑ์ทหารปี 30 อ้างหนังสือผ่อนผันสัสดีไม่อยู่ในระบบและมีพิรุธ แถม ส.ด.9 ลงวันไม่ตรงกัน แฉสอนหนังสือแค่ 35 วัน โยนกรมพระธรรมนูญจัดการต่อ จ่อปรึกษากฤษฎีกาถอดยศ ร.ต.พ่วงยึดเงินเดือน รับเกินอายุความตามล่าคนทำ ยันไม่มีสำเนา ส.ด.20 ชี้ชัดเป็นอาจารย์เพราะรักทหารจริงหรือไม่ ระบุ นั่งแถลงไม่ได้โต้แค่โชว์ข้อเท็จจริง ไม่ตอบ “พ่อมาร์ค” จัดการให้
คลิกที่นี่ เพื่อฟังเสียงสัมภาษณ์ "พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต"
วันนี้ (26 ก.ค.) ที่กระทรวงกลาโหม เมื่อเวลา 11.00 น. พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม พร้อมด้วย คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ประกอบด้วย พล.ร.อ.ชัยวัฒน์ พุกกะรัตน์ ที่ปรึกษา รมว.กลาโหม พล.อ.วรวิทย์ ชินะนาวิน เลขานุการ รมว.กลาโหม พล.อ.ม.ล.ประสบชัย เกษมสันต์ ที่ปรึกษาพิเศษสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ผอ.สำนักนโยบายและแผนกระทรวงกลาโหม พล.ต.พินิจ ฉัตรเสถียรพงษ์ ผู้ช่วยเจ้ากรมเสมียนตรา พล.ต.รณชัย มัญชุสุนทรกุล เจ้ากรมจเรทหารบก พล.ต.สุชาติ หนองบัว เจ้ากรมกำลังพลทหารบก ร่วมกันแถลงข่าวกรณีมีผู้ร้องเรียนว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านไม่เดินทางมาตรวจเลือกทหารตามขั้นตอน และมีการใช้เอกสารไม่ถูกต้อง
พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า ตนพร้อมคณะกรรมการสอบสวน ขอชี้แจงว่า เอกสารที่ตนมีอยู่เป็นต้นขั้วที่ทำให้รู้ถึงความเป็นมาว่า มีข้อเท็จจริงอย่างไรบ้าง โดยมูลเหตุที่มาชี้แจงในวันนี้มาจากการที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินได้ทำหนังสือมาถึงตน เนื่องจาก นายกมล บันไดเพชร สมาชิกพรรคเพื่อไทย ได้ร้องเรียนไว้กับทางสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ตนจึงได้ส่งเอกสารข้อเท็จจริงทั้งหมดไปให้ โดยมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีที่มีการร้องเรียน ว่า นายอภิสิทธิ์ ใช้เอกสารเท็จจริงในการบรรจุและแต่งตั้งยศ ทั้งนี้ ขอยืนยันว่า ตนไม่ได้มีเจตนาอย่างอื่นที่เกี่ยวข้องกับการเมือง เพราะได้ดำเนินการตามขอบเขตของกระทรวงกลาโหม และจากการตรวจสอบเอกสารหลักฐานต่างๆ ที่ประกอบด้วย เอกสารทางราชการพยานบุคคลผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ และผู้ที่ได้ดำเนินการด้วยตนเองได้ดำเนินการสอบสวนไว้หมดแล้ว
พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า เมื่อวันที่ 4 ก.ค.2529 นายอภิสิทธิ์ ได้ลงบัญชีขอขึ้นทหารกองเกินตามแบบ ส.ด.1 และรับใบ ส.ด.9 พร้อมหมายเรียกการเกณฑ์ทหาร ส.ด.35 คือ เมื่ออายุครบ 21 ปีจะต้องมารับหมายเรียก เพื่อเกณฑ์ทหารในปีต่อไป คือ วันที่ 7 เม.ย.2530 โดยใบ ส.ด.9 ดังกล่าวเป็นเอกสารจริง เพราะมีใบ ส.ด.1 ยืนยันว่า ถูกต้องทุกอย่าง ต่อมาวันที่ 19 มี.ค. 2530 ทางโรงเรียนนายร้อย จปร.เสนอเรื่องขอบรรจุนายอภิสิทธิ์ เข้ารับราชการในโรงเรียนนายร้อย จปร.แต่วันที่ 31 มี.ค.2530 กรมสารบรรณทหารบกได้ตรวจสอบหลักฐานเอกสารการบรรจุนายอภิสิทธิ์ ปรากฏว่า หลักฐานไม่ครบ จึงทำเรื่องกลับไปโรงเรียนนายร้อย จปร. เพื่อขอเอกสารใบหลักฐานการเกณฑ์ทหาร (ส.ด.43) เพิ่มเติม ต่อมาเมื่อวันที่ 7 เม.ย.2530 นายอภิสิทธิ์ จะต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหาร แต่ไม่ได้มาเกณฑ์ทหารหรือเรียกว่าหนีการเกณฑ์ทหาร ทางสัสดีจึงได้ลงในหลักฐานใบ ส.ด.16 ถือว่าเป็นคนขาดการตรวจเลือกฯในแขวงคลองตัน ลำดับที่ 229 เลขที่ ส.ด.43 ที่ 675 จากนั้นวันที่ 9 เม.ย.2530 นายอภิสิทธิ์ เขียนใบสมัครเข้ารับราชการที่โรงเรียนนายร้อย จปร.ซึ่งแสดงว่าในช่วงนี้มีการสร้างหลักฐานเรียบร้อยแล้ว
พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวอีกว่า ต่อมาเมื่อวันที่ 31 ก.ค.2530 มีหนังสือจากสัสดี กทม.รับรองว่า นายอภิสิทธิ์ มีชื่อเข้าบัญชีทหารกองเกินเมื่อวันที่ 1 ม.ค.2525 และได้รับการผ่อนผันตามมาตรา 29(3) เพื่อใช้เป็นเอกสารรับรองการบรรจุ ซึ่งเอกสารดังกล่าวชัดเจนว่า เป็นเอกสารที่ไม่อยู่ในระบบทางราชการ ส่วนจะเกี่ยวข้องกับการรับสมัครเข้าเป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อยจปร.หรือไม่นั้นตนไม่ทราบ แต่ถ้ามีการใช้หนังสือดังกล่าวขึ้นมา ตนบอกได้เลยว่าเป็นเอกสารที่ไม่อยู่ในระบบทางราชการ เนื่องจากพบข้อพิรุธหลายอย่าง ต่อมาเมื่อวันที่ 7 ส.ค.2530 มีคำสั่งกลาโหมที่ 720/30 ลงวันที่ 7 ส.ค.2530 บรรจุ นายอภิสิทธิ์ เป็นข้าราชการกลาโหมพลเรือนตำแหน่งอาจารย์โรงเรียนส่วนการศึกษา โรงเรียนนายร้อย จปร.ต่อมาเมื่อวันที่ 8 เม.ย.2531 มีการแจ้งว่า ใบ ส.ด.9 หาย และขอรับใบแทนฉบับที่ชำรุดเสียหาย โดยได้มีการบันทึกใหม่ว่าเข้าบัญชีทหารกองเกินลงวันที่ 8 เม.ย.2531 ซึ่งไม่ตรงกับครั้งแรกที่นายอภิสิทธิ์มาลงบัญชีทหารกองเกินเมื่อวันที่ 4 ก.ค.2529 ดังนั้น หลักฐานชิ้นนี้ชัดเจน เพราะมีต้นขั้วทั้งสองใบ ว่า ลงวันที่ไม่ตรงกัน เหตุผลที่ต้องทำใบ ส.ด.9 ใหม่ขึ้นมาเพื่อใช้เป็นเอกสารประกอบการขึ้นทะเบียนเอกสารกองประจำการ (ส.ด.3) เพราะหากมีการติดยศร้อยตรีแล้ว นายอภิสิทธิ์ ต้องขึ้นทหารกองประจำการเพื่อนับเวลาราชการ ซึ่งระเบียบดังกล่าวได้บังคับเป็นกฎหมาย ทั้งนี้มีข้อสังเกตว่าถ้าใช้เอกสาร ส.ด.9 ใบเดิมจะเห็นชัดว่า ขาดการเกณฑ์ทหาร ต่อมาเมื่อวันที่ 26 เม.ย.2531 นายอภิสิทธิ์ ได้รับการแต่งตั้งเป็นว่าที่ร้อยตรีและขึ้นทะเบียนทหารกองประจำการที่ จ.นครนายก
“ในช่วงนี้ นายอภิสิทธิ์ ได้นำใบ ส.ด.9 ซึ่งเป็นใบทดแทน ตรงนี้พิสูจน์ได้ว่าเป็นการใช้เอกสารที่ไม่อยู่ในระบบทางราชการ เรามีหลักฐานชัดเจนและระหว่างที่นายอภิสิทธิ์ เข้ารับราชการและขอลาออกเมื่อวันที่ 2 เม.ย.2532 นั้น ถือว่า นายอภิสิทธิ์ เป็นทหารเพียง 1 ปี และในช่วงรับราชการได้ลาไปต่างประเทศ 3 ครั้ง ลากิจ 2 ครั้ง ลาไปราชการ 1 ครั้ง โดยอ้างว่า ไปสอนหนังสือ ทั้งหมด 221 วัน มีวันทำงานรวมเพียง 35 วัน ตามระเบียบการลาของทางราชการสามารถลาได้เพียง 70 วัน ใน 1 ปีปฏิทิน ซึ่งการแถลงข่าววันนี้ตนทำตามขอบเขตที่กระทรวงกลาโหมกำหนด ส่วนจะต้องส่งข้อเท็จจริงให้กฤษฎีกาตีความหรือไม่นั้น เป็นประเด็นที่เกี่ยวกับกฎหมาย ทางกรมพระธรรมนูญจะดูแลในส่วนนี้ หากมีข้อสงสัยก็จะไปปรึกษากับทางกฤษฎีกา หากปรึกษาเรียบร้อยแล้วก็จะรายงานให้ตนทราบเพื่อดำเนินการต่อไป” พล.อ.อ.สุกำพล กล่าว
เมื่อถามว่า จะมีการดำเนินการกับ นายอภิสิทธิ์ ต่อไปอย่างไร พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า คงไม่ตอบในเรื่องอื่น ตนคงตอบได้เพียงในขอบเขตความรับผิดชอบของกระทรวงกลาโหมเท่านั้น นอกเหนือจากนั้น ถือว่า อยู่เหนือการควบคุมของตนเอง ส่วนการถอดยศและยึดเงินเดือนคืนหรือไม่นั้น ทางกระทรวงกลาโหม กำลังดูอยู่ ซึ่งอาจจะไปปรึกษากฤษฎีกา แต่เป็นเรื่องของกรมพระธรรมนูญที่จะต้องดำเนินการอย่างรอบคอบ ส่วนกรณีเรื่องเอกสารเท็จหมดอายุความหรือไม่นั้น ทางกรมพระธรรมนูญต้องดำเนินการชี้แจง ตนไม่ทราบเพราะไม่ได้จบกฎหมาย โดยหลังจากนี้กรมพระธรรมนูญจะดำเนินการชี้แจงอีกครั้ง
เมื่อถามว่า เราสามารถพิสูจน์ได้หรือไม่ว่า ใครเป็นผู้ทำเอกสารที่เกี่ยวข้องกับนายอภิสิทธิ์ พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า เรื่องนี้มันลึกและนานมาก ซึ่งระบบการเกณฑ์ทหารตั้งแต่ปี 2497 ยังไม่มีคอมพิวเตอร์จึงได้ใช้เอกสารเป็นใบสำคัญ ส.ด.ต่างๆ มากมายจึงทำให้ยุ่งยาก แต่ถ้ามองอีกแง่หนึ่งใบสำคัญต่างๆ เหล่านี้ก็เป็นหลักฐานการยืนยันตามขั้นตอนของการดำเนินการได้ ส่วนกรณีจะมีทหารคนใดเข้ามาช่วยนายอภิสิทธิ์ทำเอกสารดังกล่าวขึ้นมานั้น เป็นเรื่องของกองทัพบกที่ดำเนินการจบไปแล้วและเรื่องนี้ก็เกิดขึ้นนานมาแล้ว ตัวละครต่างๆ ได้เสียชีวิตและได้เกษียณอายุราชการไปแล้ว ซึ่งเรื่องนี้ผ่านมา 25 ปีแล้วน่าจะเกินอายุความ
เมื่อถามถึงกรณีที่ นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์นำใบ ส.ด.20 หรือใบผ่อนผันขณะศึกษาต่อที่ต่างประเทศของ นายอภิสิทธิ์ มาชี้แจง พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่า เป็นเอกสารจริงหรือไม่ แต่ว่าไม่มีการรับรองสำเนา ทั้งนี้ ใบ ส.ด.20 เป็นเอกสารทางราชการ นายอภิสิทธิ์ จะถือเพียงอย่างเดียว คือ ใบ ส.ด.41 ส่วนกรณี นายอภิสิทธิ์ ขาดงานสอนที่โรงเรียนนายร้อยจปร.จะต้องได้รับการลงโทษอย่างไรหรือนั้น เรื่องนี้เป็นเพียงข้อมูลที่คณะกรรมการได้มีการตรวจสอบและมีผู้อนุญาตให้ลาเรื่องนั้นก็จบไป แต่ชี้ให้เห็นว่าการที่นายอภิสิทธิ์ เข้ามาเป็นอาจารย์ในโรงเรียนนายร้อยจปร.นั้นมีความรักทหารจริงหรือไม่ เพราะทำงานแค่ไม่กี่วัน แต่ลากิจเป็นจำนวนมาก เมื่อถามต่อว่า จะมีการทวงถามจริยธรรมคุณธรรมจากนายอภิสิทธิ์ หรือไม่ พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า ตนพูดเฉพาะในขอบเขตของตน เรื่องนั้นอยู่นอกเหนืออำนาจ
เมื่อถามว่า สรุปว่า เรื่องนี้จะกลายเป็นโมฆะหรือไม่ พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า อะไรที่จบไปแล้วก็จบไป อะไรที่ยังไม่จบก็ไม่จบ เมื่อถามว่า การที่นำข้าราชการกระทรวงกลาโหม มาแถลงในครั้งนี้จะส่งผลต่อคดีความที่มีอยู่ในชั้นศาลที่บางฝ่ายจะนำไปใช้เป็นประโยชน์ พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า ตนพูดในขอบเขตของตนตามเอกสารข้อเท็จจริงที่มี เพราะสังคมมีความสงสัย เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ตนต้องออกมาตอบโต้ แต่เรามีเอกสารครบเราก็ต้องพูดไปตามข้อเท็จจริง เพื่อตอบผู้ตรวจการแผ่นดิน เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ พ่อของนายอภิสิทธิ์ เป็นผู้ดำเนินการทางเอกสารทั้งหมดให้ พล.อ.อ.สุกำพล หัวเราะ พร้อมกล่าวว่า “เป็นคำถามที่ดี แต่ผมไม่ขอตอบ”
มีรายงานในการแถลงข่าว ทางกระทรวงกลาโหมมีการนำเอกสารสำคัญทางราชการฉบับจริงและสำเนาหลายฉบับจากสัสดีเขตพระโขนงที่ระบุว่า นายอภิสิทธิ์ ไม่ได้เข้ารับการตรวจเลือกทหารตามขั้นตอนที่ถูกต้อง มาโชว์ให้สื่อมวลชนได้บันทึกภาพด้วย อาทิ บัญชีทหารกองเกินแบบ ส.ด.1 ใบขึ้นบัญชีทหารกองเกินใบต้นขั้ว ส.ด.9 ฉบับเมื่อวันที่ 4 ก.ค.29 และใบ ส.ด.9 ที่แทนฉบับชำรุดเสียหายฉบับเมื่อวันที่ 8 เม.ย.30 นอกจากนี้ ยังมีใบ ส.ด.16 บัญชีคนพ้นจากฐานะยกเว้นผ่อนผัน ที่ระบุว่า นายอภิสิทธิ์ พ้นจากฐานะคนผ่อนผันการเกณฑ์ตั้งแต่ปี 2530 และยังมีบัญชีคนที่ไม่มาตรวจเลือกทหารตั้งแต่ปี 2531—35 ที่ปรากฏชื่อนายอภิสิทธิ์ว่า ไม่ได้เข้ามารับการตรวจเลือกตามขั้นตอนด้วย
ทั้งนี้ สำหรับการพิจารณาของกรมพระธรรมนูญ หากพบว่า นายอภิสิทธิ์ มีความผิดจริงอาจจะต้องมีการถอดยศร้อยตรีของนายอภิสิทธิ์ ตามระเบียบกระทรวงกลาโหมว่าด้วยผู้ซึ่งไม่สมควรจะดำรงอยู่ในยศทหารและบรรดาศักดิ์ พ.ศ.2507 และอาจจะต้องงดการจ่ายเงินเดือน เงินปี บำเหน็จ บำนาญ และงดรับเบี้ยหวัด