ASTVผู้จัดการรายวัน- “มาร์ค”ขู่ฟ้อง “สุกำพล” ปูดข่าวหนีทหารรอบใหม่ ซัดรับงานช่วย “ตุ๊ดตู่” จำเลยหมิ่นประมาท 4 คดี “สุกำพล”ปัดเช็คบิลการเมือง อ้างมีเอกสารส่งเรื่องไป “ผู้ตรวจการแผ่นดิน”แล้ว! ไม่ฟันธง ทบ.ที่ผ่านมาช่วยปกปิดหรือไม่ ด้าน “วอลเปเปอร์”เปิดแถลงเคลียร์แทน!
วานนี้(19 ก.ค.55) ที่ กระทรวงกลาโหม เมื่อเวลา 11.00 น.พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม
กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินทำหนังสือถึงกระทรวงกลาโหมให้ตรวจสอบข้อเท็จ
จริง กรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี หลีกเลี่ยงการเกณฑ์ทหาร และมีการปลอมแปลงเอกสาร
ว่า เรื่องนี้สำนักงานตรวจการแผ่นดินขอหลักฐานมายังกระทรวงกลาโหม ซึ่งคงมีผู้ร้องเรียนมาจึงได้ขอ
เอกสารมายังกระทรวงกลาโหม โดยได้ส่งไปให้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 10 ก.ค.2555 ในเอกสารเป็นการรวบรวม
พยานหลักฐานต่าง ๆ ไม่ใช่ความรู้สึกนึกคิดก่อนส่งไป
โดยเอกสารระบุไว้ค่อนข้างชัดเจนว่า เรื่องนี้มีการหลบเลี่ยงการเกณฑ์ทหารในยุคนั้น แต่เป็นเรื่องอดีตที่นาน
แล้ว ส่วนนายอภิสิทธิ์ จะมีเจตนาหนีทหารหรือไม่นั้น ต้องถามนายสิทธิ์ แต่เอกสารระบุอย่างนั้น ส่วนที่มอง
กันว่าจะตราบาปของผู้นำฝ่ายค้านในสภาที่หนีทหารนั้น คงเป็นเรื่องของนายอภิสิทธิ์เอง กระทรวงกลาโหมมี
หน้าที่รวบรวมข้อมูล
ทั้งนี้ ได้ให้ทางกรมพระธรรมนูญไปดูรายละเอียด เพราะมีผลทางคดีมานานกว่า 20 ปีแล้ว โดยต้องศึกษาใน
รายละเอียดในขั้นตอนดำเนินการรวบรวมข้อมูล
“ไม่ได้เป็นการเช็คบิลทางการเมืองของนายอภิสิทธิ์ เพราะไม่ใช่ว่าอยู่ดี ๆ ผมจะมาทำเรื่องนี้ แต่เนื่องจากมี
คนร้องเรียนให้กระทรวงกลาโหมส่งเอกสารไป เพราะมีกฎเกณฑ์ว่าต้องส่งให้ภายใน 30 วัน และ
ทางกระทรวงกลาโหมก็ส่งไปตามข้อเท็จจริง”พล.อ.อ.สุกำพลกล่าว
พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า เอกสารดังกล่าวจะนำไปสู่การเป็น ส.ส.ของนายอภิสิทธิ์ หรือไม่นั้น เป็นเรื่องต่อไป
ในอนาคตเราต้องดูหน้าที่ของกระทรวงกลาโหมมีแค่ไหน เรื่องการเมืองก็เป็นเรื่องการเมืองไป
ส่วนที่นายอภิสิทธิ์ อ้างว่าเป็นอาจารย์ รร.นายร้อยพระจุลจอมเกล้า (จปร.)
แล้วไม่ต้องเป็นทหาร พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า การเป็นอาจารย์ถือว่ารับราชการ มี 2 ประเด็น คือ 1.ในช่วง
การเกณฑ์ทหารไม่ได้ไปเกณฑ์ เพราะบอกว่ามีการผ่อนผัน ซึ่งต้องดูหลักฐานบอกว่าผ่อนผันอย่างไร 2.มี
หลักฐานจริงหรือไม่ และตอนเข้าสมัครเป็นอาจารย์ รร.จปร. มีหลักฐานครบจริงหรือไม่ หรือ เป็นเอกสาร
เท็จหรือไม่
เมื่อถามว่า ผลการสอบสวนของกองทัพพบว่า มีการปลอมแปลงเอกสาร และลงโทษทหารที่เกี่ยวข้องไปแล้ว
พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า เรื่องนี้มีอยู่ชัดเจนและได้ส่งไปด้วย พร้อมรับรองสำเนาถูกต้องจากหน่วยที่ชัดเจน
ไม่ใช่ว่าไปขุดจากไหนมาซึ่งเป็นเรื่องจริงซึ่งเรื่องนี้เกิดมาเป็น 10 ปีแล้ว ส่วนถูกลงโทษหรือไม่ ตนไม่ทราบ
แต่มีรายงานว่า ให้เสนอแนะลงโทษ เพราะเอกสารที่ส่งมาทางกระทรวงกลาโหมเป็นสำเนา ส่วนเอกสารจริง
ส่งให้ ผู้บัญชาการทหารบกในอดีต แต่จะเป็นอย่างไรต่อ ไปยังไม่ได้สืบไปถึงขนาดนั้น แค่ส่งเอกสารหลัก
ฐานมาเราก็พอใจแล้ว
เมื่อถามว่า แสดงว่าในยุคที่ผ่านมากองทัพช่วยปกปิดในเรื่องนี้ พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า เอาอย่างนี้ในยุคตน
หลักฐานรวบรวมจากข้อเท็จจริงไมใช่หลักฐานที่ไปปั้นแต่งมา เป็นเอกสารที่รวบรวมได้มีอยู่ชัดเจน เรามี
อะไรก็ส่งให้ผู้ตรวจการแผ่นดินทุกอย่าง อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ไม่เหมาะสมที่จะเปิดเผยเอกสารคงต้องไปขอ
ทางผู้ตรวจการแผ่นดินตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร ทั้งนี้ในความคิดตน เรื่องการหนีทหารมีเยอะ หากมีใครร้อง
เรียนมาก็เป็นหน้าที่ที่ต้องดำเนินการ ส่วนจะให้ไปหาใครบ้างคงไม่ไหว
ส่วนกรณีที่นายอภิสิทธิ์ ยืนยันมาตลอดว่าไม่ได้หนีทหารนั้น ก็มีสิทธิ์ ยืนยัน แต่เป็นเรื่องของหลักฐานที่เรามี
อยู่ ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องเก่าที่ผ่านมาแล้ว แต่สมัยก่อนอย่างว่าเป็นอย่างโน้นอย่างนี้ แต่สมัยนี้มีนโยบายชัดเจน
และวันนี้ก็หายากหากใครจะทำแบบนี้ เพราะหลักฐานการเกณฑ์ทหารชัดเจนว่าทำอย่างไร มีขั้นตอนชัดเจน
เพราะมีอยู่ 5 ขั้นตอน ถ้าหายไป 1 ขั้นตอน เราก็สามารถดำเนินการได้ ไม่ใช่ว่าหายไปแล้วทำให้เราดำเนิน
การต่อไม่ได้
**อภิสิทธิ์ ขู่ฟ้อง “สุกำพล”ช่วยตู่
ด้าน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เห็นได้ชัดว่าพล.อ.อ.สุกำพลถูกกำหนดให้
ออกมาพูดเรื่องนี้ โดยตนยืนยันทุกอย่างตามเอกสารที่เคยชี้แจงในสภาแล้ว ไม่กังวลกับเรื่องนี้เพราะเรื่องอยู่
ในศาลแล้วและช่วง 2-3 วันที่ผ่านมามีการสืบพยาน โดยมีการซักค้านอย่างชัดเจนแล้ว การออกมาพูดของ
รมว.คงเพราะถูกกำหนดมาให้พูด เพราะขณะนี้นายจตุพร พรหมพันธ์ แกนนำนปช. ยังตกเป็นจำเลยอีก 4
คดี เลยมีควาพยายามทำเรื่องนี้กัน เพราะเรื่องที่อ้างว่าส่งไปถึงระทรวงกลาโหมและ ผู้ตรวจการแผ่นดิน เกิด
ขึ้นหลังจากที่ตนฟ้องนายจตุพรแล้ว และบางกรณี เช่นก่อนหน้านี้ส่งไปที่คณะกรรมการป้องกันและปราบ
ปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และกระทรวงกลาโหมก็เคยมีการชี้แจงไปแล้วก็ไม่พบอะไร
ส่วนจะฟ้องร้องพล.อ.อ.สุกำพลหรือไม่ ตอนนี้ตนยังไม่ได้เห็นในรายละเอียดว่ามีการกล่าวหาอะไรบ้าง แต่
หากมีการละเมิดสิทธิ์ตนก็จะใช้สิทธิ์ทางกฎหมาย โดยทางรัฐจะมีการใช้อำนาจไปรองรับคดีนี้ไม่ได้ ส่วน
เอกสารทางฝ่ายที่กล่าวหาเองก็มีการยอมรับว่า บางส่วนไม่อยู่แล้วเพราะเวลาผ่านมา 20 กว่าปี แต่จะนำมา
เป็นข้ออ้างไม่ได้ ทุกอย่างต้องว่ากันไปตามข้อเท็จจริง
**โชว์สด.9 ซัดบิ๊กโอ๋รับงาน
อีกด้านนายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ได้แสดงหลักฐานประกอบด้วย เอกสารสด.9 และ
ทะเบียนผ่อนผันของนายอภิสิทธิ์ (สด. 41) โดยระบุว่า เอกสารสด.9 เป็นเอกสารที่คนไทยอายุครบ 17 ปีทุก
คนต้องได้รับอยู่แล้ว ซึ่งในช่วงที่นายอภิสิทธิ์เป็นอาจารย์สอนหนังสือจะต้องได้รับการติดยศ แต่มีปัญหาเรื่อง
หาเอกสาร สด.9 ไม่เจอ จึงไปขอใหม่ พร้อมกับยื่นหลักฐานใบสด.20 รายชื่อทะเบียนนักเรียนที่ออกไป
ศึกษาต่างประเทศด้วย ซึ่งจากเอกสารดังกล่าว ยืนยันว่ามีชื่อของนายอภิสิทธิ์อยู่อันดับสาม จึงเป็นการยื่นหลัก
ฐานที่ครบถ้วน แต่ก็มีความพยายามสร้างกระแสด้วยการออกมาพูดปากเปล่าว่าไม่มีหลักฐานครบถ้วน
“มีการปล่อยข่าวมา 2 วันแล้ว ผมตั้งข้อสังเกตทำไมมาแถลงตอนนี้ แต่เมื่อดูคดีองนายจตุพรแล้วเห็นว่า
เป็นการช่วยเหลือกัน ซึ่งทางทีมกฎหมายกำลังมีพิจารณาดูถ้อยให้สัมภาษณ์ของรมว.กลาโหมว่ามีการพาดพิง
หมิ่นประมาทหรือไม่ ถ้าเข้าข่ายก็ดำเนินการตามกฎหมายได้ แต่เท่าที่ดูเบื้องต้นเป็นแค่ออกมาตั้งข้อสงสัย
และโยนให้ผู้ตรวจการแผ่นดิน ซึ่งต้องมีการถอดเทปรายละเอียดเพราะยังไม่เห็นถ้อยคำ เห็นแต่รายงานข่าว
และการให้สัมภาษณ์ที่ลุกลี้ลุกลน เหมือนไม่อยากจะพูดเรื่องนี้” นายศิริโชคกล่าว
**“สดศรี” ชี้ ไม่เกี่ยวกกต.
นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการกกต. กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับกกต. เพราะกกต.จะพิจารณา
เฉพาะคุณสมบัติในการลงสมัครรับเลือกตั้งหรือขาดคุณสมบัติในการดำรงตำแหน่งส.ส. ซึ่งกรณีนายอภิสิทธิ์
เข้ารับการตรวจเลือกทหารกองเกินหรือไม่ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 ไม่ได้กำหนดว่าผู้ที่จะลงสมัครรับ
เลือกตั้งจะต้องผ่านการเกณฑ์ทหารหรือไม่ ดังนั้นถ้าจะมีเรื่องของความผิดก็น่าจะเป็นเรื่องของความผิด
ตามพ.ร.บ.ทหารหรือความผิดทางอาญา
**ผู้ตรวจปัดดองเรื่อง “มาร์ค”
นายรักษเกชา แฉ่ฉาย รองเลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ในฐานะโฆษกสำนักงานผู้ตรวจการแผ่น
ดิน กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบตามคำร้องของนายนายกมล บันไดเพชร สมาชิกพรรคเพื่อไทย ที่ยื่น
หนังสือร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดินเนื่องจาก "รมว.กลาโหม" เพิกเฉยไม่ตรวจสอบนายอภิสิทธิ์ ทุจริตใช้
เอกสารหลักฐานปลอม เพื่อเข้ารับราชการเป็นอาจารย์ในโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (ร.ร.จปร.) แต่
ยังมีสิทธิที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางทหารว่า หลังจากที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินได้รับเรื่องร้องเรียนเมื่อ
วันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา ก็ได้ตรวจสอบเอกสารต่างๆทั้งหมด แต่ต้องใช้เวลามาก เพราะเป็นเรื่องที่เกิดมานาน
แล้ว เอกสารบางอย่างต้องใช้เวลาตรวจสอบนาน จากนั้นทางสำนักงานได้ส่งหนังสือสอบถามไปยังพล.อ.อ
.สุกำพล ผู้ที่ถูกร้องเรียนไปแล้ว เรื่องนี้ไม่ได้เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับจริยธรรม การแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือ
งบประมาณ ที่จะต้องเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะผู้ตรวจการแผ่นดิน แต่เข้าข่ายเป็นเรื่องทั่วไปที่
เกี่ยวข้องกับการไม่ปฏิบัติหรือละเลยการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่รัฐ
เรื่องนี้เป็นการร้องว่ารมว.กห.ละเลยไม่ปฏิบัติ ไม่ใช่การร้องนายอภิสิทธิ์
วานนี้(19 ก.ค.55) ที่ กระทรวงกลาโหม เมื่อเวลา 11.00 น.พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม
กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินทำหนังสือถึงกระทรวงกลาโหมให้ตรวจสอบข้อเท็จ
จริง กรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี หลีกเลี่ยงการเกณฑ์ทหาร และมีการปลอมแปลงเอกสาร
ว่า เรื่องนี้สำนักงานตรวจการแผ่นดินขอหลักฐานมายังกระทรวงกลาโหม ซึ่งคงมีผู้ร้องเรียนมาจึงได้ขอ
เอกสารมายังกระทรวงกลาโหม โดยได้ส่งไปให้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 10 ก.ค.2555 ในเอกสารเป็นการรวบรวม
พยานหลักฐานต่าง ๆ ไม่ใช่ความรู้สึกนึกคิดก่อนส่งไป
โดยเอกสารระบุไว้ค่อนข้างชัดเจนว่า เรื่องนี้มีการหลบเลี่ยงการเกณฑ์ทหารในยุคนั้น แต่เป็นเรื่องอดีตที่นาน
แล้ว ส่วนนายอภิสิทธิ์ จะมีเจตนาหนีทหารหรือไม่นั้น ต้องถามนายสิทธิ์ แต่เอกสารระบุอย่างนั้น ส่วนที่มอง
กันว่าจะตราบาปของผู้นำฝ่ายค้านในสภาที่หนีทหารนั้น คงเป็นเรื่องของนายอภิสิทธิ์เอง กระทรวงกลาโหมมี
หน้าที่รวบรวมข้อมูล
ทั้งนี้ ได้ให้ทางกรมพระธรรมนูญไปดูรายละเอียด เพราะมีผลทางคดีมานานกว่า 20 ปีแล้ว โดยต้องศึกษาใน
รายละเอียดในขั้นตอนดำเนินการรวบรวมข้อมูล
“ไม่ได้เป็นการเช็คบิลทางการเมืองของนายอภิสิทธิ์ เพราะไม่ใช่ว่าอยู่ดี ๆ ผมจะมาทำเรื่องนี้ แต่เนื่องจากมี
คนร้องเรียนให้กระทรวงกลาโหมส่งเอกสารไป เพราะมีกฎเกณฑ์ว่าต้องส่งให้ภายใน 30 วัน และ
ทางกระทรวงกลาโหมก็ส่งไปตามข้อเท็จจริง”พล.อ.อ.สุกำพลกล่าว
พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า เอกสารดังกล่าวจะนำไปสู่การเป็น ส.ส.ของนายอภิสิทธิ์ หรือไม่นั้น เป็นเรื่องต่อไป
ในอนาคตเราต้องดูหน้าที่ของกระทรวงกลาโหมมีแค่ไหน เรื่องการเมืองก็เป็นเรื่องการเมืองไป
ส่วนที่นายอภิสิทธิ์ อ้างว่าเป็นอาจารย์ รร.นายร้อยพระจุลจอมเกล้า (จปร.)
แล้วไม่ต้องเป็นทหาร พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า การเป็นอาจารย์ถือว่ารับราชการ มี 2 ประเด็น คือ 1.ในช่วง
การเกณฑ์ทหารไม่ได้ไปเกณฑ์ เพราะบอกว่ามีการผ่อนผัน ซึ่งต้องดูหลักฐานบอกว่าผ่อนผันอย่างไร 2.มี
หลักฐานจริงหรือไม่ และตอนเข้าสมัครเป็นอาจารย์ รร.จปร. มีหลักฐานครบจริงหรือไม่ หรือ เป็นเอกสาร
เท็จหรือไม่
เมื่อถามว่า ผลการสอบสวนของกองทัพพบว่า มีการปลอมแปลงเอกสาร และลงโทษทหารที่เกี่ยวข้องไปแล้ว
พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า เรื่องนี้มีอยู่ชัดเจนและได้ส่งไปด้วย พร้อมรับรองสำเนาถูกต้องจากหน่วยที่ชัดเจน
ไม่ใช่ว่าไปขุดจากไหนมาซึ่งเป็นเรื่องจริงซึ่งเรื่องนี้เกิดมาเป็น 10 ปีแล้ว ส่วนถูกลงโทษหรือไม่ ตนไม่ทราบ
แต่มีรายงานว่า ให้เสนอแนะลงโทษ เพราะเอกสารที่ส่งมาทางกระทรวงกลาโหมเป็นสำเนา ส่วนเอกสารจริง
ส่งให้ ผู้บัญชาการทหารบกในอดีต แต่จะเป็นอย่างไรต่อ ไปยังไม่ได้สืบไปถึงขนาดนั้น แค่ส่งเอกสารหลัก
ฐานมาเราก็พอใจแล้ว
เมื่อถามว่า แสดงว่าในยุคที่ผ่านมากองทัพช่วยปกปิดในเรื่องนี้ พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า เอาอย่างนี้ในยุคตน
หลักฐานรวบรวมจากข้อเท็จจริงไมใช่หลักฐานที่ไปปั้นแต่งมา เป็นเอกสารที่รวบรวมได้มีอยู่ชัดเจน เรามี
อะไรก็ส่งให้ผู้ตรวจการแผ่นดินทุกอย่าง อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ไม่เหมาะสมที่จะเปิดเผยเอกสารคงต้องไปขอ
ทางผู้ตรวจการแผ่นดินตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร ทั้งนี้ในความคิดตน เรื่องการหนีทหารมีเยอะ หากมีใครร้อง
เรียนมาก็เป็นหน้าที่ที่ต้องดำเนินการ ส่วนจะให้ไปหาใครบ้างคงไม่ไหว
ส่วนกรณีที่นายอภิสิทธิ์ ยืนยันมาตลอดว่าไม่ได้หนีทหารนั้น ก็มีสิทธิ์ ยืนยัน แต่เป็นเรื่องของหลักฐานที่เรามี
อยู่ ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องเก่าที่ผ่านมาแล้ว แต่สมัยก่อนอย่างว่าเป็นอย่างโน้นอย่างนี้ แต่สมัยนี้มีนโยบายชัดเจน
และวันนี้ก็หายากหากใครจะทำแบบนี้ เพราะหลักฐานการเกณฑ์ทหารชัดเจนว่าทำอย่างไร มีขั้นตอนชัดเจน
เพราะมีอยู่ 5 ขั้นตอน ถ้าหายไป 1 ขั้นตอน เราก็สามารถดำเนินการได้ ไม่ใช่ว่าหายไปแล้วทำให้เราดำเนิน
การต่อไม่ได้
**อภิสิทธิ์ ขู่ฟ้อง “สุกำพล”ช่วยตู่
ด้าน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เห็นได้ชัดว่าพล.อ.อ.สุกำพลถูกกำหนดให้
ออกมาพูดเรื่องนี้ โดยตนยืนยันทุกอย่างตามเอกสารที่เคยชี้แจงในสภาแล้ว ไม่กังวลกับเรื่องนี้เพราะเรื่องอยู่
ในศาลแล้วและช่วง 2-3 วันที่ผ่านมามีการสืบพยาน โดยมีการซักค้านอย่างชัดเจนแล้ว การออกมาพูดของ
รมว.คงเพราะถูกกำหนดมาให้พูด เพราะขณะนี้นายจตุพร พรหมพันธ์ แกนนำนปช. ยังตกเป็นจำเลยอีก 4
คดี เลยมีควาพยายามทำเรื่องนี้กัน เพราะเรื่องที่อ้างว่าส่งไปถึงระทรวงกลาโหมและ ผู้ตรวจการแผ่นดิน เกิด
ขึ้นหลังจากที่ตนฟ้องนายจตุพรแล้ว และบางกรณี เช่นก่อนหน้านี้ส่งไปที่คณะกรรมการป้องกันและปราบ
ปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และกระทรวงกลาโหมก็เคยมีการชี้แจงไปแล้วก็ไม่พบอะไร
ส่วนจะฟ้องร้องพล.อ.อ.สุกำพลหรือไม่ ตอนนี้ตนยังไม่ได้เห็นในรายละเอียดว่ามีการกล่าวหาอะไรบ้าง แต่
หากมีการละเมิดสิทธิ์ตนก็จะใช้สิทธิ์ทางกฎหมาย โดยทางรัฐจะมีการใช้อำนาจไปรองรับคดีนี้ไม่ได้ ส่วน
เอกสารทางฝ่ายที่กล่าวหาเองก็มีการยอมรับว่า บางส่วนไม่อยู่แล้วเพราะเวลาผ่านมา 20 กว่าปี แต่จะนำมา
เป็นข้ออ้างไม่ได้ ทุกอย่างต้องว่ากันไปตามข้อเท็จจริง
**โชว์สด.9 ซัดบิ๊กโอ๋รับงาน
อีกด้านนายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ได้แสดงหลักฐานประกอบด้วย เอกสารสด.9 และ
ทะเบียนผ่อนผันของนายอภิสิทธิ์ (สด. 41) โดยระบุว่า เอกสารสด.9 เป็นเอกสารที่คนไทยอายุครบ 17 ปีทุก
คนต้องได้รับอยู่แล้ว ซึ่งในช่วงที่นายอภิสิทธิ์เป็นอาจารย์สอนหนังสือจะต้องได้รับการติดยศ แต่มีปัญหาเรื่อง
หาเอกสาร สด.9 ไม่เจอ จึงไปขอใหม่ พร้อมกับยื่นหลักฐานใบสด.20 รายชื่อทะเบียนนักเรียนที่ออกไป
ศึกษาต่างประเทศด้วย ซึ่งจากเอกสารดังกล่าว ยืนยันว่ามีชื่อของนายอภิสิทธิ์อยู่อันดับสาม จึงเป็นการยื่นหลัก
ฐานที่ครบถ้วน แต่ก็มีความพยายามสร้างกระแสด้วยการออกมาพูดปากเปล่าว่าไม่มีหลักฐานครบถ้วน
“มีการปล่อยข่าวมา 2 วันแล้ว ผมตั้งข้อสังเกตทำไมมาแถลงตอนนี้ แต่เมื่อดูคดีองนายจตุพรแล้วเห็นว่า
เป็นการช่วยเหลือกัน ซึ่งทางทีมกฎหมายกำลังมีพิจารณาดูถ้อยให้สัมภาษณ์ของรมว.กลาโหมว่ามีการพาดพิง
หมิ่นประมาทหรือไม่ ถ้าเข้าข่ายก็ดำเนินการตามกฎหมายได้ แต่เท่าที่ดูเบื้องต้นเป็นแค่ออกมาตั้งข้อสงสัย
และโยนให้ผู้ตรวจการแผ่นดิน ซึ่งต้องมีการถอดเทปรายละเอียดเพราะยังไม่เห็นถ้อยคำ เห็นแต่รายงานข่าว
และการให้สัมภาษณ์ที่ลุกลี้ลุกลน เหมือนไม่อยากจะพูดเรื่องนี้” นายศิริโชคกล่าว
**“สดศรี” ชี้ ไม่เกี่ยวกกต.
นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการกกต. กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับกกต. เพราะกกต.จะพิจารณา
เฉพาะคุณสมบัติในการลงสมัครรับเลือกตั้งหรือขาดคุณสมบัติในการดำรงตำแหน่งส.ส. ซึ่งกรณีนายอภิสิทธิ์
เข้ารับการตรวจเลือกทหารกองเกินหรือไม่ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 ไม่ได้กำหนดว่าผู้ที่จะลงสมัครรับ
เลือกตั้งจะต้องผ่านการเกณฑ์ทหารหรือไม่ ดังนั้นถ้าจะมีเรื่องของความผิดก็น่าจะเป็นเรื่องของความผิด
ตามพ.ร.บ.ทหารหรือความผิดทางอาญา
**ผู้ตรวจปัดดองเรื่อง “มาร์ค”
นายรักษเกชา แฉ่ฉาย รองเลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ในฐานะโฆษกสำนักงานผู้ตรวจการแผ่น
ดิน กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบตามคำร้องของนายนายกมล บันไดเพชร สมาชิกพรรคเพื่อไทย ที่ยื่น
หนังสือร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดินเนื่องจาก "รมว.กลาโหม" เพิกเฉยไม่ตรวจสอบนายอภิสิทธิ์ ทุจริตใช้
เอกสารหลักฐานปลอม เพื่อเข้ารับราชการเป็นอาจารย์ในโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (ร.ร.จปร.) แต่
ยังมีสิทธิที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางทหารว่า หลังจากที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินได้รับเรื่องร้องเรียนเมื่อ
วันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา ก็ได้ตรวจสอบเอกสารต่างๆทั้งหมด แต่ต้องใช้เวลามาก เพราะเป็นเรื่องที่เกิดมานาน
แล้ว เอกสารบางอย่างต้องใช้เวลาตรวจสอบนาน จากนั้นทางสำนักงานได้ส่งหนังสือสอบถามไปยังพล.อ.อ
.สุกำพล ผู้ที่ถูกร้องเรียนไปแล้ว เรื่องนี้ไม่ได้เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับจริยธรรม การแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือ
งบประมาณ ที่จะต้องเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะผู้ตรวจการแผ่นดิน แต่เข้าข่ายเป็นเรื่องทั่วไปที่
เกี่ยวข้องกับการไม่ปฏิบัติหรือละเลยการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่รัฐ
เรื่องนี้เป็นการร้องว่ารมว.กห.ละเลยไม่ปฏิบัติ ไม่ใช่การร้องนายอภิสิทธิ์