รองโฆษกกองทัพบก ชี้แจงขั้นตอนการตรวจเลือกทหารเกณฑ์ ชี้ กรณี “อภิสิทธิ์” ถามมีใบ “ส.ด.43” หรือ “ส.ด.8” อย่างใดอย่างหนึ่งหรือไม่ ย้ำ ใครทุจริตจะต้องถูกลงโทษ อีกด้านประณามผู้ก่อความไม่สงบในช่วงถือศีลอด ชี้ ถือว่าไม่ยึดถือศาสนา เผยเพิ่มเจ้าหน้าที่ วอนชาวบ้านเป็นหูเป็นตา
วันนี้ (20 ก.ค.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.ท.วันชนะ สวัสดี รองโฆษกกองทัพบก กล่าวชี้แจงกรณีที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ทำหนังสือถึงกระทรวงกลาโหม ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี หลีกเลี่ยงการเกณฑ์ทหาร ว่า ในส่วนกองทัพบกเราไม่ทราบรายละเอียดในการดำเนินการทางด้านเอกสารอย่างชัดเจน ว่า ผิดพลาด หรือมีข้อมูลขั้นต้นเป็นอย่างไร แต่ขอเรียนขั้นตอนในการตรวจเลือกทหารเกณฑ์ว่า ขั้นแรกชายไทยทุกคนอายุ 17 ปีบริบูรณ์ ต้องมาแสดงตนเพื่อมาขึ้นบัญชีทหารกองเกิน และรับใบ ส.ด.9
จากนั้นเมื่ออายุ 20 ปี จะต้องมารับหมายเรียก คือ ใบ ส.ด.35 โดยแบ่งเป็น 2 กรณี คือ กรณีที่เป็นนักศึกษา เพื่อนำหมายเรียกไปทำเรื่องผ่อนผันต่อสถาบันการศึกษา และกรณีที่ไม่ได้เป็นนักศึกษาต้องรอเกณฑ์ในปีถัดไป เมื่ออายุ 21 ปี คนที่ไม่ได้ผ่อนผันต้องมาเกณฑ์ทหาร และมาจับใบดำใบแดง ส่วนคนที่ผ่อนผันก็ต้องมารายงานตัว ในกรณีที่จับได้ใบดำจะได้ใบ ส.ด.43 ที่ออกจากคณะกรรมการและมีลายเซ็นของประธานคณะกรรมการตรวจเลือก ซึ่งถือเป็นหลักฐานราชการที่ความสำคัญ ส่วนคนที่ได้ใบแดง และต้องเป็นทหารเกณฑ์จะได้ใบ ส.ด.43 เช่นกัน โดยจะปั๊มว่า ได้เป็นทหารเหล่าทัพใด และต้องไปรายงานตัวตามวันเวลาที่กำหนด โดยเมื่อเข้ารับราชการเสร็จจะได้รับใบ ส.ด.8
“ส่วนกรณี นายอภิสิทธิ์ นั้น ไม่รู้ว่า นายอภิสิทธิ์ ได้รับการผ่อนผัน หรือได้รับการยกเว้นในกรณีไหน แต่ถ้าได้รับการตรวจเลือกจริง ต้องดูว่า นายอภิสิทธิ์ มีใบ ส.ด.43 หรือใบ ส.ด.8 หรือไม่ ถ้ามีใบใดใบหนึ่ง ถือว่าได้ทำตามขั้นตอนอย่างถูกต้อง ทั้งนี้ กองทัพบกเน้นย้ำเสมอว่า ถ้ามีการทุจริตการตรวจเลือกจริง แสดงว่า ต้องเกิดขึ้นจากกำลังพลของเราส่วนหนึ่ง ซึ่งกองทัพบกมีความจริงจังกับการทุจริต ไม่ว่าจะเป็นการกระทำเพื่อไม่ให้ได้รับราชการ หรือการกระทำเพื่อให้ได้รับราชการ เช่น เรียกรับเงิน ถ้าเรารู้ตัวว่า เป็นใคร จะต้องถูกลงโทษ โดยทหารจะต้องถูกลงโทษเป็นสองเท่า บางครั้งโทษกฎหมายอาญาทางทหารเอาผิดไม่ได้ แต่อาจโดนวินัยทางทหาร อย่างไรก็ตาม ทางกองทัพบกยินดีที่จะให้ข้อมูลต่อทางกระทรวงกลาโหมทุกอย่าง เพื่อความโปร่งใส และตรวจสอบได้” รองโฆษกกองทัพบก กล่าว
พ.ท.วันชนะ ยังแถลงถึงมาตรการในการรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในช่วงเดือนรอมฎอน หรือช่วงถือศีลอดของชาวมุสลิม ว่า การดูแลในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้แบ่งออกเป็น 2 งาน คือ งานด้านยุทธการ คือ การตั้งจุดตรวจ จุดสกัด และงานด้านกิจการพลเรือน โดยในงานด้านยุทธการเราไม่เพิ่มเติมอะไรเป็นพิเศษ เพราะเราทำเต็มที่แล้ว แต่เราอาจจะใช้เจ้าหน้าที่เพิ่มมากขึ้น
ส่วนงานด้านกิจการพลเรือน เราใช้วิธีการเข้าใจ เข้าถึง พัฒนา คือ ในช่วงนี้ชาวมุสลิมจะตื่นตั้งแต่ตี 4 เพื่อตื่นขึ้นมารับประทานอาหารก่อนที่พระอาทิตย์จะขึ้น ดังนั้น เราต้องปล่อยให้เขาดำเนินชีวิตตามหลักศาสนาของเขา ขอให้ประชาชนทุกคนเป็นหูเป็นตา และช่วยกันประณามผู้ก่อเหตุ ซึ่งเป็นข้อยืนยันว่า หากก่อเหตุในช่วงนี้แสดงว่า ผู้ก่อเหตุไม่ยึดถือตามหลักศาสนาอย่างคร่งครัด เพราะในเดือนพิเศษเขาควรให้ความสำคัญเรื่องการรักษาศีล และรักษาธรรมที่ดี
