ยะลา - กอ.รมน.ภาค 4 สน. ชี้แจงเหตุการณ์คาร์บอมบ์หลังโรงแรม ซี.เอส.ปัตตานี ในขณะที่ ผบ.ทบ.สั่งทบทวนและปฏิบัติตามมาตรการในการรักษาความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด ในเขตพื้นที่ 7 หัวเมืองเศรษฐกิจใต้ใน 4 จังหวัด
วันนี้ (1 ส.ค.) เมื่อเวลา 08.15 น. ที่ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ รองโฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า จากกรณีเกิดเหตุการณ์ระเบิดบริเวณถนนด้านหลังโรงแรมซี.เอส.ปัตตานี เมื่อเวลา 19.00 น. คืนที่ผ่านมา (31 ก.ค.) นั้น
จากการตรวจสอบของหน่วยงานในพื้นที่ และชุด EOD พบเป็นระเบิดแสวงเครื่องบรรจุในถังแก๊สน้ำหนักประมาณ 50 กก. บรรทุกในรถยนต์ปิกอัพยี่ห้ออีซูซุ แบบตอนเดียว สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน บฉ 8515 ปัตตานี ซึ่งตรวจสอบแล้วเป็นรถยนต์ที่ถูกคนร้ายแต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่ปล้นชิงทรัพย์ และฆ่าราษฎรเสียชีวิตจำนวน 3 คน เหตุเกิดเมื่อ 25 มิ.ย. 2555 ในพื้นที่ ต.ปล่องหอย อ.กะพ้อ จ.ปัตตานี สำหรับทะเบียนรถดังกล่าวพบว่าเป็นทะเบียนป้ายปลอม โดยป้ายทะเบียนจริงคือ ถล 8055 กทม.
ผลจากแรงระเบิดทำให้หม้อแปลงไฟฟ้าระเบิด ทำให้ไฟฟ้าดับและเกิดไฟลุกไหม้บริเวณหลังครัวด้านหลังโรงแรม และทำให้ราษฎรได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจำนวน 5 คน คือ
1. นางเจ๊ะกอรีเย๊าะ ยือรา อายุ 35 ปี ถูกเศษกระจกบาดบริเวณต้นขา ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
2. นางศิริรักษ์ พรหมสิงห์ อายุ 53 ปี ถูกเศษกระจกบาดบริเวณข้อเท้า ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
3. นางรายอด๊ะ เจ๊ะอามะ อายุ 47 ปี ถูกเศษกระจกบาดบริเวณข้อเท้า ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
4. นายสมพร เนติ อายุ 42 ปี มีอาการหูอื้อ ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
5. ด.ญ.พัชรนันท์ เม้งทอง อายุ 6 ปี ถูกเศษกระจกบาดบริเวณข้อเท้า ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
พ.อ.ปราโมทย์กล่าวว่า ภายหลังเกิดเหตุหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 23 เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรเมือง ฝ่ายปกครอง และชุด EOD เข้าควบคุมพื้นที่และตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมจัดกำลังเข้าปฏิบัติตามแผนพิทักษ์เมืองปัตตานีในพื้นที่รับผิดชอบ โดยมุ่งเน้นเสริมกำลัง 4 ฝ่าย บริเวณ ด่านตรวจ จุดตรวจและจุดสกัดอย่างเข้มข้นตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งตรวจสอบข้อมูลจากกล้อง CCTV เพื่อดูเบาะแสและพฤติกรรมของกลุ่มคนร้ายที่ลักลอบนำรถยนต์คันดังกล่าวเข้ามาก่อเหตุในพื้นที่
ส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัยในห้วงต่อไปว่านั้น ทาง กอ.รมน.ภาค 4 จะเพิ่มมาตรการในการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมให้ปลอดภัย โดยให้ความสำคัญสูงสุดในห้วงเดือนรอมฎอน ด้วยมาตรการเพิ่มความเข้มข้นในการตั้งด่านตรวจ จุดตรวจ และจุดสกัดให้มากยิ่งขึ้น โดยเตรียมแผนปฏิบัติการในการขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาล ในเรื่องมาตรการรักษาความปลอดภัย ด้วยการบูรณาการปฏิบัติร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง กอ.รมน., ศอ.บต. และ 17 กระทรวงหลัก 66 หน่วยงานให้มีเอกภาพ โดยการจัดทำแผนปฏิบัติให้สอดคล้องกับ 29 เป้าหมายร่วมของสภาความมั่นคงแห่งชาติ
โดยให้ความเร่งด่วนในการรักษาความปลอดภัยในเขตพื้นที่ 7 หัวเมืองเศรษฐกิจ ซึ่งประกอบด้วย อ.เมือง อ.เบตง จ.ยะลา, อ.เมือง จ.ปัตตานี, อ.เมือง อ.ตากใบ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส และ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ให้ความปลอดภัยสูงสุด ด้วยวิธีการเสริมยุทโธปกรณ์พิเศษ เช่น CCTV, เสริมกำลังทหารดูแลเขตเมืองให้มากขึ้น รวมทั้งการทบทวนการกำหนดพื้นที่ปลอดภัย (Safety Zone) ให้มีความเหมาะสมด้วย
พ.อ.ปราโมทย์กล่าวเพิ่มเติมว่า กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า พร้อมทุ่มเทศักยภาพอย่างเต็มที่ในการรักษาความปลอดภัย ติดตามจับกุมผู้กระทำผิดมาลงโทษ ตามกฎหมายให้ได้ โดยยังคงยึดมั่นในหลักกฎหมายและหลักสิทธิมนุษยชนอย่างเคร่งครัด อย่างที่เคยปฏิบัติเสมอมา พร้อมทั้งขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนในการเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลพื้นที่ หากพบสิ่งผิดปกติ ทั้งบุคคล ยานพาหนะ หรือวัตถุต้องสงสัย แจ้งหมายเลข 1341 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง