ยะลา - กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ออกแถลงการณ์ มาตรการการสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ฉบับที่ 2 หลังเกิดเหตุระเบิดคาร์บอมบ์พร้อมวางมาตรการเข้มรักษาความปลอดภัยในพื้นที่
วันนี้ (11 เม.ย.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ในฐานะรองโฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน เรื่อง การออกแถลงการณ์ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เรื่องมาตรการการสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชน ฉบับที่ 2 หลังจากเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า
ตามที่ได้มีผู้ก่อเหตุรุนแรง ลอบวางระเบิดย่านชุมชนเขตเทศบาลนครยะลา อำเภอเมือง จังหวัดยะลา และโรงแรมลี การ์เดนส์ พลาซ่า ในเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา รวมทั่งที่ อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2555 ในเวลาที่ไล่เลี่ยกัน สร้างความเสียหายต่อชีวิตผู้บริสุทธิ์ และทรัพย์สินจำนวนมาก การก่อการร้ายดังกล่าวเป็นการจงใจใช้ความรุนแรงต่อพี่น้องประชาชนผู้บริสุทธิ์ โดยเลือกเป้าหมายที่เป็นพลเรือนโดยตรง ทำให้เหยื่อของความรุนแรงมีทั้งผู้สูงอายุ ผู้หญิง และเด็ก ซึ่งได้สร้างความหวาดกลัว และความไม่ปลอดภัยต่อสาธารณชน ทำลายระบบเศรษฐกิจ และความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนและนักท่องเที่ยว
รองโฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ระบุว่า กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ต้องขอโทษต่อพี่น้องประชาชนที่ไม่สามารถป้องกันไม่ให้เกิดเหตุร้ายขึ้นได้ และขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งมายังญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิต และผู้ได้รับบาดเจ็บอีกครั้งหนึ่ง พร้อมกับเชิญชวนพี่น้องประชาชน และองค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐ และเอกชนร่วมกันต่อต้านความรุนแรง และประณามผู้กระทำการอันโหดร้าย ปราศจากมนุษยธรรม แก่ประชาชนผู้บริสุทธิ์ในครั้งนี้
ซึ่ง พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ยืนยันเจตนารมณ์ที่ต้องการให้ประชาชนในพื้นที่มีความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สิน ให้อยู่ร่วมกันอย่างสันติภายใต้ความหลากหลายทางเชื้อชาติ ศาสนา และวัฒนธรรม
ซึ่งขณะนี้ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า และหน่วยงานต่างๆ มีภารกิจเร่งด่วนในการดำเนินการ ดังนี้ การเร่งเยียวยาให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบโดยเร็วที่สุด ซึ่งศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) รวมทั้งจังหวัดสงขลา และจังหวัดยะลา ได้จ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาให้แก่ผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ รวมทั้งช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเสียหายทางทรัพย์สิน พร้อมทั้งเยียวยาด้านจิตใจให้กลับคืนสู่ภาวะปกติโดยเร็ว มาตรการรักษาความปลอดภัยถือเป็นภารกิจที่สำคัญที่สุดและจำเป็นที่สุด โดยเร่งบูรณาการกำลังร่วมทุกภาคส่วน ในการดูแลพื้นที่ให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นศรัทธาให้กลับคืนมาโดยเร็วที่สุด
พ.อ.ปราโมทย์ ยังกล่าวอีกว่า สำหรับแผนในการดำเนินการคือ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พื้นที่ในเขตรอบนอก ให้หน่วยเฉพาะกิจประจำพื้นที่เพิ่มความเข้มในการตรวจ ณ ด่านตรวจ จุดตรวจ จุดสกัด ให้มีความเข้มข้นยิ่งขึ้น ในเขตพื้นที่เมือง จะมีการเสริมกำลังทหารเข้าดูแลความปลอดภัยสูงสุด
สำหรับในเขตเทศบาลนครยะลา ได้มีการประชุมปรับแผนการรักษาความปลอดภัย โดยการขยายพื้นที่ปลอดภัย (Safety Zone) ให้ครอบคลุมบริเวณย่านชุมชนถนนรวมมิตร โดยการนำกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร ฉก.ยะลา จำนวน 84 นาย เฝ้าระวังช่องทางเข้า 7 ช่องทาง และ อ.เมืองยะลา และเทศบาลนครยะลา จัดกำลัง อส. และ อพปร. รวม 96 นาย เฝ้าระวังช่องทางออก 8 ช่องทาง นอกจากนี้ ยังมีกำลังเสริมจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองยะลา ฉก.ทพ. 47 จัดเจ้าหน้าที่ อส.ทพ.หญิง ร่วมปฏิบัติภารกิจ
ซึ่งในการปฏิบัติภารกิจนั้น ได้มีการจัดตั้งจุดตรวจร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในส่วนของเทศบาลนครหาดใหญ่นั้น ได้กำหนดมาตรการรักษาความปลอดภัย โดยแบ่งพื้นที่เป็น 4 โซน และตั้งด่านตรวจ จำนวน 49 ด่าน ตลอด 24 สำหรับในช่วงเทศกาลวันสงกรานต์ ซึ่งกำหนดจัดงานในห้วงตั้งแต่ 11-13 เม.ย.55 ได้กำหนดมาตรการรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติม โดยจะมีกองอำนวยการร่วมรักษาความปลอดภัย ในเรื่องการเร่งติดตามจับคนร้ายมาลงโทษตามกระบวนการกฎหมายนั้น พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 4 ได้สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการกำลังเข้าดำเนินการ
ผลความคืบหน้าล่าสุด สามารถจับกุมกลุ่มบุคคลเป้าหมายที่เชื่อว่าน่าจะมีความเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ เป็นแกนนำระดับสั่งการ 1 คน ระดับปฏิบัติการอีกหลายคน ปัจจุบัน อยู่ระหว่างการสอบสวน และรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อติดตามจับกุมบุคคลต้องสงสัยที่ยังหลบหนี รวมทั้งได้มีการรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวกับการประกอบวัตถุระเบิดได้หลายรายการ
พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ กล่าวเพิ่มอีกว่า สำหรับคนที่ยังหลบหนีอยู่ ทางกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้เปิดโอกาสให้เข้ามารายงานตัวตามนโยบาย สานใจสู่สันติ และจะอำนวยความสะดวกเพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม โดยกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ยังคงยืนยันตามเจตนารมณ์เดิมในเรื่องการบังคับใช้กฎหมายตามหลัก “นิติธรรม” และเคารพในหลักสิทธิมนุษยชนอย่างเคร่งครัด