ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - คนร้ายจอด “จยย.บอมบ์” ทิ้งหน้า ธนาคารอิสลาม สาขารามัน ก่อนกดบึ้ม ขณะทหารขับรถ จีเอ็มซีผ่าน ทำให้ทหารเจ็บเล็กน้อย 6 นาย “บิ๊กอ๊อด”ปัดไม่พบรถต้องสงสัยเตรียมคาร์บอมบ์ อ้างรอฝ่ายข่าวสรุป "มาร์ค" ลุยปัตตานีดูที่เกิดเหตุ 3 จุดชี้ ปชช.-จนท.ขวัญเสียแต่เข้มแข็ง ยันกฎหมายให้อำนาจนายกฯ เป็นซีอีโอแก้ปัญหาความมั่นคง "ปู" ต้องเข้ามารับผิดชอบเต็มตัว ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศเตรียมเชิญทูตโอไอซีร่วมถกแก้ปัญหา
วานนี้ (6 ส.ค.) เวลา 16.29 น. ศูนย์วิทยุ สภ.รามัน จ.ยะลาได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุระเบิดขึ้นที่บริเวณหน้าธนาคารอิสลาม สาขารามัน เขตเทศบาลกายูบอเกาะ อ.รามัน จ.ยะลา มีเจ้าหน้าที่ทหารได้รับบาดเจ็บรวม 6 นาย จึงได้แจ้ง พ.ต.ท.เตียน ทองสมสี พนักงานสอบสวน (สบ.3) สภ.รามัน ทราบ พร้อมประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ภ.จว.ยะลา เจ้าหน้าที่จากศูนย์พิสูจน์หลักฐานที่ 10 ยะลา เดินทางเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุทันที
เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุบริเวณด้านหน้าธนาคาร เจ้าหน้าที่พบว่าแรงระเบิดทำให้ตัวอาคารของธนาคารได้รับความเสียหายอย่างหนัก จากนั้นจึงได้กั้นจุดเกิดเหตุทันที เนื่องจากเกรงว่าคนร้ายอาจจะซุกระเบิดไว้อีกลูก พร้อมให้เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ภ.จว.ยะลา เข้าตรวจสอบ พบซากรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ 100 หมายเลขทะเบียน ขชข 800 สมุทรสาคร ในสภาพพังยับเยินจากแรงระเบิด นอกจากนั้นแรงระเบิดยังทำให้รถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ข้างๆ พังเสียหายอีก 7 คัน และรถยนต์ตราโล่ของตำรวจ ที่จอดอยู่ฝั่งตรงข้ามก็ถูกสะเก็ดระเบิดได้รับความเสียหาย
ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลรามัน คือ พลทหารจักรกฤษณ์ จานศร อายุ 22 ปี ถูกสะเก็ดระเบิดบริเวณใบหู ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย นอกจากนั้นยังมีทหารมีอาการจุก และหูอื้ออีกจำนวน 5 นาย ทั้งหมดเป็นทหารชุด รปภ.เส้นทาง และ รปภ.ครู ของ ร้อย.ร.15211 ฉก.ยะลา 12
**จนท.บล็อกเส้นทางเชื่อมต่อสงขลา
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงมาตรการป้องกันรักษาความปลอดภัยเพื่อป้องกันการก่อเหตุความไม่สงบในพื้นที่ จ.สงขลา ยังคงดำเนินการอย่างรัดกุม และต่อเนื่องโดยเฉพาะเส้นทางที่จะเข้าสู่ อ.หาดใหญ่ โดยทหารหน่วยเฉพาะกิจสงขลา ได้ทำการบล็อกเส้นทางที่เชื่อมต่อระหว่างพื้นที่ 4 อำเภอชายแดนสงขลาทั้ง อ.จะนะ อ.เทพา อ.นาทวี และ อ.สะบ้าย้อย ไปยัง อ.หาดใหญ่ และ อ.เมือง โดยการกระจายกำลังตั้งจุดตรวจจุดสกัดบนเส้นทางเลี่ยงเมือง ทั้งสายชายทะเลในพื้นที่ ต.นาทับ และเส้นทางลัดในพื้นที่ ต.คลองเปี๊ยะ อ.จะนะ นอกเหนือจากจุดตรวจถาวรบ้านควนมีดบนถนนสายเอเชีย ซึ่งเป็นกำลังหลักอยู่แล้ว เพื่อปิดเส้นทางที่อาจจะนำรถต้องสงสัยเข้ามาก่อเหตุในพื้นที่
** "มาร์ค"ลงตรวจพื้นที่ปัตตานี
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้เดินทางลงพื้นที่ จ.ปัตตานี โดยเดินทางไปที่ ร.ร.ซีเอส ซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุระเบิด เพื่อไปเยี่ยมประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และจะมีการพูดคุยสอบถามผู้เกี่ยวข้อง รวมถึงเจ้าหน้าที่ ประชาชนและสื่อมวลชน เพื่อรับฟังความคิดเห็น และรวบรวมข้อมูล นำเสนอรัฐบาลต่อไป
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า ก็เป็นเพียงการหารือในเชิงของการปฏิบัติ เช่น มีการพูดเรื่องเคอร์ฟิว หรือการปรับบางสิ่งบางอย่าง แต่ยังไม่ทราบว่า ภาพรวมของนโยบายจะมีการปรับเปลี่ยนอย่างไร หรือไม่ ซึ่งพรรคพยายามเสนอมาโดยตลอดว่า ภาพรวมของนโยบายมีความสำคัญ โดยเฉพาะการไปเปลี่ยนแปลงคนที่ทำนโยบายที่ได้รับการยอมรับออกไป อาจทำให้เกิดปัญหาความไม่ต่อเนื่อง และความไม่ชัดเจนของนโยบาย จึงคิดว่ารัฐบาลควรตั้งหลักรับฟังสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์นำเสนอไป และแก้ปัญหาที่เป็นช่องว่าง หลังจากมีการเปลี่ยนแปลงบุคลากร และไม่เดินตามนโยบายของ สมช. อย่างชัดเจน น่าจะเป็นเงื่อนไขสำคัญ
**รัฐบาลถอยหลังเอาการทหารนำการเมือง
สำหรับระดับนโยบาย พบว่า ความไม่ชัดเจนของรัฐบาลว่า จะผลักดันทิศทางไหน ทำให้เกิดความสับสนในระดับปฏิบัติ โดยเฉพาะเรื่องโครงสร้างการทำงาน เนื่องจากล่าสุด พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ว่าที่ ผบ.ตร. มีการเสนอความคิดที่จะย่อส่วน ศอ.บต. กลับไปอยู่ภายใต้ กอ.รมน. ซึ่งในพื้นที่ไม่ได้มองว่าเรื่องนี้ เป็นการเสนอโครงสร้างใหม่ แต่เป็นการถอยหลังกลับไป 4 ปี คือกลับสู่สถานการณ์ปี 50-51
"ผมอยากให้คิดดูให้รอบคอบเพราะถ้าปัญหาคือไม่มีซีอีโอดูแลอย่างที่ พล.ต.อ.อดุลย์กังวล ก็ควรเสนอให้นายกรัฐมนตรีทำหน้าที่ของตัวเองตามกฎหมาย เนื่องจากเป็นทั้ง ผอ.ศอ.บต.และประธาน กอ.รมน. ถือว่าเป็นซีอีโอ ที่คุมงานด้านความมั่นคงอยู่แล้ว และที่กฎหมายออกแบบมาเช่นนี้ ก็เพื่อให้นายกฯซึ่งคุมนโยบายสูงสุด เป็นผู้ตัดสินใจเนื่องจากงานด้านความมั่นคงต้องประสานหลายหน่วยงาน แต่ถ้านายกฯไม่ต้องการที่จะรับผิดชอบเอง ก็ควรมอบหมายให้รองนายกฯ คนใดคนหนึ่งรับผิดชอบให้ชัดเจน ไม่ใช่มีรองนายกฯ ถึงสามคนดูแลเรื่องนี้ เพราะจะทำให้เกิดความสับสนได้ ดังนั้นนายกฯ คือคนที่ต้องรักษาสมดุลในส่วนการบัญชาการตรงนี้ แต่ถ้าไปแก้ปัญหาโดยให้ ศอ.บต.กลับไปอยู่ภายใต้การดูแลของ กอ.รมน.นั้น ในพื้นที่เองก็มีความกังวล เพราะมองว่า จะกลายเป็นการส่งสัญญาณกลับไปใช้นโยบายการทหารนำการเมือง มาแก้ปัญหา แทนที่จะเป็นการเมืองนำการทหาร เหมือนในรัฐบาลที่แล้ว"
*** ‘ทักษิณ’เอี่ยวน้ำมัน-แลกนครปัตตานี!
แหล่งข่าวด้านความมั่นคง ยอมรับว่ากลุ่ม RKK นั้นมีหลายกลุ่ม มีหัวหน้า RKK บางกลุ่มที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับกลุ่มผลประโยชน์น้ำมันในอ่าวไทยด้วย ซึ่งมีข่าวลือที่แพร่กระจายในพื้นที่อย่างมากว่า มีการดึงชื่อของ พ.ต.ท.ทักษิณเข้าไปเกี่ยวข้องกับหัวหน้ากลุ่มก่อการไม่สงบบางกลุ่ม เพื่อต้องการผลประโยชน์น้ำมันดังกล่าวในภาคใต้ด้วย ทำให้เกิดเป็นเสียงเล่าลือกันว่าเป็นเรื่องนี้หรือไม่ ที่ทำให้ที่ผ่านมามีเรื่องของนโยบายเขตปกครองพิเศษนครปัตตานีเกิดขึ้นในพรรคเพื่อไทย เพื่อเอาใจหัวหน้ากลุ่มแบ่งแยกดินแดนบางกลุ่ม และผลประโยชน์ด้านทรัพยากรธรรมชาติที่จะเกิดขึ้นตามมา!
***ปลัดนัดทูตอิสลามถกไฟใต้พรุ่งนี้
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า ในวันที่ 7 สิงหาคมนี้ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ได้เชิญเอกอัครราชทูตประเทศมุสลิมและกรมที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ ประชุมร่วมกันเป็นการภายใน เพื่อนำไปเสนอที่ประชุมเชิงปฏิบัติการแก้ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ทำเนียบรัฐบาลในวันที่ 8 สิงหาคม ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และจะมีเอกอัครราชทูตประจำประเทศสมาชิกองค์การการประชุมอิสลาม หรือ โอไอซี เข้าร่วมประชุมดังกล่าวด้วย
**เผยประชุมศูนย์ดับไฟใต้นัดแรกพุธนี้
นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงปัญหาความไม่สงบเรียบร้อนในภาคใต้ว่าที่ผ่านมามีการพัฒนาความรุนแรงขึ้นแต่ผู้เสียชีวิตน้อยลง ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีปัจจัยหลายอย่างเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น คนรุ่นก่อนเขาอาจสงบลง แต่คนรุ่นใหม่อยู่เฉยๆไม่ได้ ก็อาจทำให้มีเหตุรุนแรงมากขึ้น ทั้งนี้ ในวันที่ 8 ส.ค.นี้ที่นายกฯเรียกประชุมหน่วยงานความมั่นคงต่างๆ มาหารือ จะมีการเน้นเรื่องการประกาศเคอร์ฟิวในพื้นที่โดยมีการหารือเรื่องผลได้ผลเสียต่างๆซึ่งต้องมีการวิเคราะห์เรื่องนี้โดยละเอียด ส่วนตัวอยากลงพื้นที่เพื่อรับฟังปัญหา แต่อยู่ระหว่าการหาเวลาเหมาะสมอยากให้ประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตาด้วย
วานนี้ (6 ส.ค.) เวลา 16.29 น. ศูนย์วิทยุ สภ.รามัน จ.ยะลาได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุระเบิดขึ้นที่บริเวณหน้าธนาคารอิสลาม สาขารามัน เขตเทศบาลกายูบอเกาะ อ.รามัน จ.ยะลา มีเจ้าหน้าที่ทหารได้รับบาดเจ็บรวม 6 นาย จึงได้แจ้ง พ.ต.ท.เตียน ทองสมสี พนักงานสอบสวน (สบ.3) สภ.รามัน ทราบ พร้อมประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ภ.จว.ยะลา เจ้าหน้าที่จากศูนย์พิสูจน์หลักฐานที่ 10 ยะลา เดินทางเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุทันที
เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุบริเวณด้านหน้าธนาคาร เจ้าหน้าที่พบว่าแรงระเบิดทำให้ตัวอาคารของธนาคารได้รับความเสียหายอย่างหนัก จากนั้นจึงได้กั้นจุดเกิดเหตุทันที เนื่องจากเกรงว่าคนร้ายอาจจะซุกระเบิดไว้อีกลูก พร้อมให้เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ภ.จว.ยะลา เข้าตรวจสอบ พบซากรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ 100 หมายเลขทะเบียน ขชข 800 สมุทรสาคร ในสภาพพังยับเยินจากแรงระเบิด นอกจากนั้นแรงระเบิดยังทำให้รถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ข้างๆ พังเสียหายอีก 7 คัน และรถยนต์ตราโล่ของตำรวจ ที่จอดอยู่ฝั่งตรงข้ามก็ถูกสะเก็ดระเบิดได้รับความเสียหาย
ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลรามัน คือ พลทหารจักรกฤษณ์ จานศร อายุ 22 ปี ถูกสะเก็ดระเบิดบริเวณใบหู ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย นอกจากนั้นยังมีทหารมีอาการจุก และหูอื้ออีกจำนวน 5 นาย ทั้งหมดเป็นทหารชุด รปภ.เส้นทาง และ รปภ.ครู ของ ร้อย.ร.15211 ฉก.ยะลา 12
**จนท.บล็อกเส้นทางเชื่อมต่อสงขลา
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงมาตรการป้องกันรักษาความปลอดภัยเพื่อป้องกันการก่อเหตุความไม่สงบในพื้นที่ จ.สงขลา ยังคงดำเนินการอย่างรัดกุม และต่อเนื่องโดยเฉพาะเส้นทางที่จะเข้าสู่ อ.หาดใหญ่ โดยทหารหน่วยเฉพาะกิจสงขลา ได้ทำการบล็อกเส้นทางที่เชื่อมต่อระหว่างพื้นที่ 4 อำเภอชายแดนสงขลาทั้ง อ.จะนะ อ.เทพา อ.นาทวี และ อ.สะบ้าย้อย ไปยัง อ.หาดใหญ่ และ อ.เมือง โดยการกระจายกำลังตั้งจุดตรวจจุดสกัดบนเส้นทางเลี่ยงเมือง ทั้งสายชายทะเลในพื้นที่ ต.นาทับ และเส้นทางลัดในพื้นที่ ต.คลองเปี๊ยะ อ.จะนะ นอกเหนือจากจุดตรวจถาวรบ้านควนมีดบนถนนสายเอเชีย ซึ่งเป็นกำลังหลักอยู่แล้ว เพื่อปิดเส้นทางที่อาจจะนำรถต้องสงสัยเข้ามาก่อเหตุในพื้นที่
** "มาร์ค"ลงตรวจพื้นที่ปัตตานี
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้เดินทางลงพื้นที่ จ.ปัตตานี โดยเดินทางไปที่ ร.ร.ซีเอส ซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุระเบิด เพื่อไปเยี่ยมประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และจะมีการพูดคุยสอบถามผู้เกี่ยวข้อง รวมถึงเจ้าหน้าที่ ประชาชนและสื่อมวลชน เพื่อรับฟังความคิดเห็น และรวบรวมข้อมูล นำเสนอรัฐบาลต่อไป
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า ก็เป็นเพียงการหารือในเชิงของการปฏิบัติ เช่น มีการพูดเรื่องเคอร์ฟิว หรือการปรับบางสิ่งบางอย่าง แต่ยังไม่ทราบว่า ภาพรวมของนโยบายจะมีการปรับเปลี่ยนอย่างไร หรือไม่ ซึ่งพรรคพยายามเสนอมาโดยตลอดว่า ภาพรวมของนโยบายมีความสำคัญ โดยเฉพาะการไปเปลี่ยนแปลงคนที่ทำนโยบายที่ได้รับการยอมรับออกไป อาจทำให้เกิดปัญหาความไม่ต่อเนื่อง และความไม่ชัดเจนของนโยบาย จึงคิดว่ารัฐบาลควรตั้งหลักรับฟังสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์นำเสนอไป และแก้ปัญหาที่เป็นช่องว่าง หลังจากมีการเปลี่ยนแปลงบุคลากร และไม่เดินตามนโยบายของ สมช. อย่างชัดเจน น่าจะเป็นเงื่อนไขสำคัญ
**รัฐบาลถอยหลังเอาการทหารนำการเมือง
สำหรับระดับนโยบาย พบว่า ความไม่ชัดเจนของรัฐบาลว่า จะผลักดันทิศทางไหน ทำให้เกิดความสับสนในระดับปฏิบัติ โดยเฉพาะเรื่องโครงสร้างการทำงาน เนื่องจากล่าสุด พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ว่าที่ ผบ.ตร. มีการเสนอความคิดที่จะย่อส่วน ศอ.บต. กลับไปอยู่ภายใต้ กอ.รมน. ซึ่งในพื้นที่ไม่ได้มองว่าเรื่องนี้ เป็นการเสนอโครงสร้างใหม่ แต่เป็นการถอยหลังกลับไป 4 ปี คือกลับสู่สถานการณ์ปี 50-51
"ผมอยากให้คิดดูให้รอบคอบเพราะถ้าปัญหาคือไม่มีซีอีโอดูแลอย่างที่ พล.ต.อ.อดุลย์กังวล ก็ควรเสนอให้นายกรัฐมนตรีทำหน้าที่ของตัวเองตามกฎหมาย เนื่องจากเป็นทั้ง ผอ.ศอ.บต.และประธาน กอ.รมน. ถือว่าเป็นซีอีโอ ที่คุมงานด้านความมั่นคงอยู่แล้ว และที่กฎหมายออกแบบมาเช่นนี้ ก็เพื่อให้นายกฯซึ่งคุมนโยบายสูงสุด เป็นผู้ตัดสินใจเนื่องจากงานด้านความมั่นคงต้องประสานหลายหน่วยงาน แต่ถ้านายกฯไม่ต้องการที่จะรับผิดชอบเอง ก็ควรมอบหมายให้รองนายกฯ คนใดคนหนึ่งรับผิดชอบให้ชัดเจน ไม่ใช่มีรองนายกฯ ถึงสามคนดูแลเรื่องนี้ เพราะจะทำให้เกิดความสับสนได้ ดังนั้นนายกฯ คือคนที่ต้องรักษาสมดุลในส่วนการบัญชาการตรงนี้ แต่ถ้าไปแก้ปัญหาโดยให้ ศอ.บต.กลับไปอยู่ภายใต้การดูแลของ กอ.รมน.นั้น ในพื้นที่เองก็มีความกังวล เพราะมองว่า จะกลายเป็นการส่งสัญญาณกลับไปใช้นโยบายการทหารนำการเมือง มาแก้ปัญหา แทนที่จะเป็นการเมืองนำการทหาร เหมือนในรัฐบาลที่แล้ว"
*** ‘ทักษิณ’เอี่ยวน้ำมัน-แลกนครปัตตานี!
แหล่งข่าวด้านความมั่นคง ยอมรับว่ากลุ่ม RKK นั้นมีหลายกลุ่ม มีหัวหน้า RKK บางกลุ่มที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับกลุ่มผลประโยชน์น้ำมันในอ่าวไทยด้วย ซึ่งมีข่าวลือที่แพร่กระจายในพื้นที่อย่างมากว่า มีการดึงชื่อของ พ.ต.ท.ทักษิณเข้าไปเกี่ยวข้องกับหัวหน้ากลุ่มก่อการไม่สงบบางกลุ่ม เพื่อต้องการผลประโยชน์น้ำมันดังกล่าวในภาคใต้ด้วย ทำให้เกิดเป็นเสียงเล่าลือกันว่าเป็นเรื่องนี้หรือไม่ ที่ทำให้ที่ผ่านมามีเรื่องของนโยบายเขตปกครองพิเศษนครปัตตานีเกิดขึ้นในพรรคเพื่อไทย เพื่อเอาใจหัวหน้ากลุ่มแบ่งแยกดินแดนบางกลุ่ม และผลประโยชน์ด้านทรัพยากรธรรมชาติที่จะเกิดขึ้นตามมา!
***ปลัดนัดทูตอิสลามถกไฟใต้พรุ่งนี้
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า ในวันที่ 7 สิงหาคมนี้ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ได้เชิญเอกอัครราชทูตประเทศมุสลิมและกรมที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ ประชุมร่วมกันเป็นการภายใน เพื่อนำไปเสนอที่ประชุมเชิงปฏิบัติการแก้ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ทำเนียบรัฐบาลในวันที่ 8 สิงหาคม ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และจะมีเอกอัครราชทูตประจำประเทศสมาชิกองค์การการประชุมอิสลาม หรือ โอไอซี เข้าร่วมประชุมดังกล่าวด้วย
**เผยประชุมศูนย์ดับไฟใต้นัดแรกพุธนี้
นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงปัญหาความไม่สงบเรียบร้อนในภาคใต้ว่าที่ผ่านมามีการพัฒนาความรุนแรงขึ้นแต่ผู้เสียชีวิตน้อยลง ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีปัจจัยหลายอย่างเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น คนรุ่นก่อนเขาอาจสงบลง แต่คนรุ่นใหม่อยู่เฉยๆไม่ได้ ก็อาจทำให้มีเหตุรุนแรงมากขึ้น ทั้งนี้ ในวันที่ 8 ส.ค.นี้ที่นายกฯเรียกประชุมหน่วยงานความมั่นคงต่างๆ มาหารือ จะมีการเน้นเรื่องการประกาศเคอร์ฟิวในพื้นที่โดยมีการหารือเรื่องผลได้ผลเสียต่างๆซึ่งต้องมีการวิเคราะห์เรื่องนี้โดยละเอียด ส่วนตัวอยากลงพื้นที่เพื่อรับฟังปัญหา แต่อยู่ระหว่าการหาเวลาเหมาะสมอยากให้ประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตาด้วย