“ยุทธศักดิ์” กังวลโจรใต้ก่อเหตุช่วง 10 วันสุดท้ายรอมฎอน อ้างเชื่อได้บุญ-เฝ้าองค์อัลเลาะห์ สั่ง กอ.รมน.จับตา ชี้ก่อเหตุในเมืองมากกว่าชนบทเพราะอยากดัง ย้ำเซฟตี้โซนต้องปลอดภัย ส่วนคดีคาร์บอมบ์ยังไม่คืบ เผยคุยกลุ่มความไม่สงบด้วยสันติ มี 2 กลุ่มหลัก ประมาณ 9,000 คน พร้อมเยียวยาไฟใต้รายละ 500,000 บาท และคุยแนวร่วมที่มาจากเหตุกรือเซะและตากใบ เชื่อลดปัญหา โยน ศอ.บต.แจงประชาคมอาเซียน
วันนี้ (16 ส.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงความกังวลว่าอาจมีการก่อความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ก่อนสิ้นสุดเดือนรอมฎอน ในวันที่ 19 ส.ค.นี้ว่า ตนได้รับทราบเรื่องนี้จากการลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เมื่อวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา และสำนักข่าวกรองแห่งชาติได้แจ้งคำเตือนมาเช่นกัน ตนจึงได้เตือนหน่วยปฏิบัติที่ จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมาว่า ขอให้หน่วยปฏิบัติมีความระมัดระวังมากขึ้นในช่วง 10 วันสุดท้ายก่อนสิ้นสุดเดือนรอมฎอน เพราะมีการสร้างความเข้าใจที่ผิดในกลุ่มผู้ก่อความรุนแรงว่าถ้าเขาก่อความรุนแรงในช่วง 10 วันดังกล่าวจะทำให้ได้รับบุญมากขึ้น 3-4 เท่า และได้เฝ้าองค์อัลเลาะห์ คนพวกนี้จึงพยายามสร้างความรุนแรงในช่วงเวลาดังกล่าว
ทั้งนี้ ตนได้เห็นการเตรียมการของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ภาค 4 เป็นไปอย่างเข้มงวด เช่น การจัดตั้งด่านตรวจ การลาดตระเวน เป็นต้น ขณะที่การเตรียมการของแต่ละจังหวัดก็ทำได้อย่างดีมาก โดยผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาได้เรียกประชุมในเรื่องนี้แล้ว ซึ่งมีการวางแผน 3 ขั้นตอน และจัดการตรวจตราพื้นที่เป็น 3 วงรอบ คือวงรอบภายใน วงรอบกลาง และวงรอบภายนอก
พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าวว่า สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นประจำวันนั้นเป็นส่วนที่ลอดหูลอดตา ไม่คิดว่าจะมีการยิงชาวบ้าน แต่ขณะนี้เราสามารถตรวจสอบค้นหาสิ่งต่างๆ ได้เป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นการวางระเบิดหรือการก่อเหตุแบบต่างๆ ส่วนการสร้างสถานการณ์ให้ดูว่ามีความรุนแรงนั้นก็จะเกิดขึ้นในเขตเมืองมากกว่าเขตชนบท ซึ่งผู้ก่อเหตุต้องการสร้างสถานการณ์ให้มีความหมายหรือดังมากขึ้น ขณะที่การดูแลเซฟตี้โซนและเขตเมืองนั้นเรามีการดูแลอย่างเข้มงวดมากขึ้นตามนโยบายที่นายกรัฐมนตรีให้ไว้ว่าทหาร ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองต้องรักษาพื้นที่เหล่านี้ไว้ให้ดีที่สุด
เมื่อถามว่ากรณีที่จะมีเตรียมก่อเหตุคาร์บอมบ์ รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตอนนี้เรายังติดตามหาไม่พบ แต่เราพยายามตรวจค้นหาอยู่ ซึ่งตนยอมรับว่าเป็นเรื่องยาก เพราะเป็นพื้นที่กว้าง และมีการนำรถที่ถูกนำไปใช้ก่อเหตุ ซุกซ่อนโดยใช้ผ้าใบปิดคลุมรถไว้อยู่ในบ้านหรือสวนยาง จึงต้องใช้เจ้าหน้าที่จำนวนมากในการค้นหา อีกทั้งเราต้องระมัดระวังด้วยว่าจะถูกกับดักระเบิดของผู้ก่อเหตุ ดังนั้นต้องใช้การข่าวเข้ามาดำเนินการในเรื่องนี้ เราต้องพยายามไล่ตามจับ
เมื่อถามต่อว่า ความคืบหน้าเกี่ยวกับการพูดคุยหรือการเจรจากับผู้ก่อความไม่สงบ พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าวว่า ไม่ใช่การเจรจาเพราะจะมีการต่อรอง แต่เราใช้การพูดคุยเพื่อสันติภาพ ซึ่งการพูดคุยเพื่อสันติภาพถือเป็นนโยบายอยู่แล้วที่จะให้หน่วยปฏิบัติดำเนินการ ตนคิดว่าศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) กำลังดำเนินการอยู่แล้วในทางลับ เราหวังว่าจะทำเป็นขั้นตอนและจะมีการพัฒนาในอนาคตต่อไป ทั้งนี้ หน่วยปฏิบัติในพื้นที่รู้ว่าใครเป็นกลุ่มเป้าหมายในการพูดคุยดังกล่าว ซึ่งเขามีการรายงานทางลับเข้ามาตลอด โดยการพูดคุยดังกล่าวจะมีขึ้นกับกลุ่มผู้ก่อเหตุที่เป็นคนรุ่นใหม่ เพราะการก่อเหตุความไม่สงบในช่วงนี้เป็นฝีมือของกลุ่มนี้ ซึ่งมีประมาณ 2 กลุ่มหลักที่มีจำนวนสมาชิกและแนวร่วมรวมกันประมาณ 9,000 คน
พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าวว่า ในวันที่ 17 ส.ค.นี้ ศอ.บต.จะมีการจ่ายเยียวยาให้กับผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนใต้ รายละ 500,000 บาท ซึ่งเป็นวันก่อนสิ้นสุดเดือนรอมฎอน ซึ่งเป็นการรีบจ่ายให้เพื่อสร้างความสบายใจต่อทุกฝ่ายและทุกภาคส่วน ขณะเดียวกัน ศอ.บต.ถือโอกาสนี้ในการดึงญาติหรือตัวผู้ที่ได้รับผลกระทบต่อเหตุการณ์มัสยิด กรือเซะ และเหตุการณ์ที่ อ.ตากใบ โดยเฉพาะผู้ที่เป็นแนวร่วมการก่อเหตุความไม่สงบ ให้มาพูดคุย ในเมื่อเราสร้างความสบายใจให้กับคนเหล่านี้แล้ว ซึ่งเรื่องนี้จะเป็นการลดปัญหาให้กับพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ อีกทั้งตนจะให้ ศอ.บต.ทำความเข้าใจว่าจะมีการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในอีก 2 ปีข้างหน้า จึงไม่มีเรื่องของเขตแดนอีกต่อไป