อีกไม่กี่วันก็จะก้าวเข้าสู่ปีใหม่ และปีหน้าก็พูดกันมากว่า รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อาจมีวันเป็นไปไม่ได้อยู่ถึงปี 2557
การผลักดันแก้ไขรัฐธรรมนูญ ถูกมองว่า จะนำไปสู่อวสานของรัฐบาลหุ่นเชิดพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพราะจะจุดชนวนให้เกิดการลุกฮือขับไล่
ถ้ามองกันขณะนี้ การแก้ไขรัฐธรรมนูญอาจเป็นเพียงประเด็นเดียวที่จะนำความล่มสลายมาสู่รัฐบาลพรรคเพื่อไทย แต่ก็ยังมีประเด็นอื่นที่เริ่มพูดถึงกันมากในช่วงปลายปี โดยเฉพาะประเด็นด้านเศรษฐกิจ
ปี 2556 แม้ประเมินกันว่า ภาพรวมเศรษฐกิจยังพอไปได้ อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจหรือจีดีพีจะอยู่ที่ 4.5-5% ชะลอตัวจากปีนี้เล็กน้อย แต่เศรษฐกิจภาคประชาชนจะซบเซาอย่างหนัก
ใครที่อยู่ในแวดวงธุรกิจจะรู้ว่า การค้าขายขณะนี้ซบเซาหนัก กำลังซื้อหดหาย และปีหน้ามีแนวโน้มว่า จะซบเซาหนักขึ้น การจับจ่ายใช้สอยของประชาชนจะฝืดเคือง ธุรกิจจำนวนมากจะล้มหายตายจาก หนี้ภาคครัวเรือนจะพุ่งขึ้นจนเกิดภาวะล้มละลายในภาคครัวเรือน
ธุรกิจขนาดใหญ่อาจได้รับอานิสงส์จากนโยบายประชานิยมของรัฐบาล เช่น อุตสาหกรรมรถยนต์ที่ยอดขายพุ่งกระฉูดเพราะนโยบายซื้อรถคันแรก แต่ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมต้องได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 300บาททั่วประเทศ
ค่าแรง 300 บาท ทำให้คนทำงานมีรายได้เพิ่มขึ้น แต่จำนวนคนทำงานที่ได้รับค่าแรง 300 บาท จะมีจำนวนน้อยลง เพราะต้องตกงานจากการปิดตัวของกิจการจำนวนมาก
คนที่ซื้อรถคันแรก ซึ่งมีจำนวนประมาณ 1 ล้านคน จากยอดจองซื้อรถยนต์คันแรกต้องอดออมเพื่อกันเงินไว้ผ่อนชำระค่ารถ จนไม่สามารถจับจ่ายใช้สอยทางอื่นได้
กำลังซื้อของคนอย่างน้อย 1 ล้านคนจะหดตัวลงหรืออาจจะมากกว่า เพราะคนในครอบครัวก็ต้องช่วยกันพยุงหาเงินผ่อนส่งรถ
และ 6 เดือนหลังของปีหน้า คงสามารถประเมินได้เบื้องต้นว่า คนที่แห่จองซื้อรถคันแรกนั้น จะแบกภาระผ่อนส่งรถได้สักกี่น้ำ มีจำนวนเท่าไหร่ที่ไปไม่รอด ถูกยึดรถและต้องเป็นหนี้ โดยมีเหลือรถยนต์ให้ขับ
ปัญหาเศรษฐกิจในปีหน้าจะปะทุขึ้น และกระตุ้นไม่ขึ้นเพราะฐานะทางการคลังของรัฐบาลไม่ดีนัก เงินจำนวนมหาศาลถูกทุ่มไปกับนโยบายประชานิยม เงินของประเทศส่วนหนึ่งถูกถ่ายเทสร้างความมั่งคั่งให้นักการเมือง
1 ปีเศษของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ไม่มีกระทรวงไหนที่มีผลงาน ไม่มีรัฐมนตรีคนใดที่แสดงความสามารถในการแก้ปัญหา มีแต่ข่าวแต่ละกระทรวง รัฐมนตรีแต่ละคนตั้งหน้าตั้งตากอบโกยผลประโยชน์ มีแต่ข่าวทุจริตในโครงการต่างๆ
ปัญหาทุกด้านของประเทศถูกทิ้งหมักหมม โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจซึ่งแทบไม่ได้รับความใส่ใจแก้ไข และมีความพยายามกลบเกลื่อนกันตลอด เช่น ปัญหาสินค้าราคาแพง ปัญหาค่าครองชีพที่พุ่งขึ้น ปัญหาหนี้สาธารณะที่ก่อตัวขึ้นหรือปัญหาการล่มสลายของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
ปัญหาที่ถูกทิ้งหมักหมมถึงจุดหนึ่งจะสุกงอม แต่ปีนี้ปัญหาเศรษฐกิจน่าจะถึงจุดระเบิด ประชาชนจำนวนมากจะเดือดร้อนจากภาวะค่าครองชีพ การค้าการขายจะฝืดเคือง ธุรกิจขนาดกลางขนาดเล็กจะร่อแร่
ปฏิกิริยาต่อต้านรัฐบาลจะขยายวงกว้างขึ้น และไม่ว่านางสาวยิ่งลักษณ์จะแต่งหน้าทาปากสวยขนาดไหน พูดจาจ๊ะจ๋าหวานเพียงใด แต่คงไม่ช่วยทำให้เกิดความพิศวาสได้อีกแล้ว
คนเมื่อไม่มีจะกิน คนเมื่อใกล้จะอดตาย ถ้ายังงมงายรักรัฐบาลยิ่งลักษณ์อีก คงไม่รู้จะว่าอะไรแล้ว
ยิ่งนานวัน รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นทุกที เพราะทหารก็ไม่ได้แสดงความเป็นปรปักษ์อย่างชัดเจน ตำรวจก็ยอมเป็นขี้ข้ารับใช้แทบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และมีมวลชนเสื้อแดงคอยคุกคามทำลายล้างฝ่ายตรงข้ามอีกด้วย จนไม่มีใครลุกขึ้นมาต่อต้านได้
แต่ปัญหาเศรษฐกิจจะเป็นตัวโค่นล้มรัฐบาลชุดนี้ จะเป็นตัวขับเคลื่อนให้เกิดการลุกฮือต่อต้านและขับไล่นางสาวยิ่งลักษณ์
ก้าวเข้าสู่ศักราชใหม่อาจเป็นการเริ่มต้นนับถอยหลังของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย และผลกระทบจากปัญหาดำรงชีพ อาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ประชาชนเห็นความไร้สาระการบริหารประเทศของนางสาวยิ่งลักษณ์ในทุกด้าน
อย่าหวังว่า รัฐมนตรีเศรษฐกิจจะกอบกู้วิบัติทางเศรษฐกิจได้ เพราะ 1 ปีเศษที่ผ่านมา นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง หัวหน้าทีมเศรษฐกิจไม่เคยแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจแต่อย่างใด และไม่เคยสร้างผลงานอะไรไว้สักชิ้นด้วยซ้ำ
ส่วนตัวนายกฯ ปูหรือนางสาวยิ่งลักษณ์ไม่ต้องพูดถึง เพราะอ่านภาษาไทยยังแทบไม่รู้เรื่อง นับประสาอะไรจะรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจที่กำลังรุกคืบในปีหน้า
แม้จะไม่เป็นข่าวเป็นคราวกันมากนัก แต่ประชาชนส่วนหนึ่งเตรียมใจกันไว้ล่วงหน้าแล้ว เศรษฐกิจปีหน้าแย่หนัก รัฐบาล “ปู”
เหนื่อยแน่และไม่น่าจะรอดจากปี 56 ยิ่งเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญตามคำบงการของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยิ่งเป็นการเร่งวันตาย
และไพร่สีกากีทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คงรับมือม็อบประชาชนทั้งประเทศไม่อยู่
ใกล้ผ่านพ้นไปอีกพ.ศ.แล้ว ทนๆ กันไปอีกนิด ทนอีกไม่กี่วันก็จะเข้าสู่ช่วงเวลานับถอยหลังของรัฐบาลยิ่งลักษณ์แล้ว ซึ่งประมวลจากหลายความเห็นมีบทสรุปสอดคล้องว่า
ปี 2556 รัฐบาล “ปู” จะสิ้นอายุขัย แต่ถ้าปีหน้ายังรอดอยู่ ประเทศคงรอดยาก
การผลักดันแก้ไขรัฐธรรมนูญ ถูกมองว่า จะนำไปสู่อวสานของรัฐบาลหุ่นเชิดพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพราะจะจุดชนวนให้เกิดการลุกฮือขับไล่
ถ้ามองกันขณะนี้ การแก้ไขรัฐธรรมนูญอาจเป็นเพียงประเด็นเดียวที่จะนำความล่มสลายมาสู่รัฐบาลพรรคเพื่อไทย แต่ก็ยังมีประเด็นอื่นที่เริ่มพูดถึงกันมากในช่วงปลายปี โดยเฉพาะประเด็นด้านเศรษฐกิจ
ปี 2556 แม้ประเมินกันว่า ภาพรวมเศรษฐกิจยังพอไปได้ อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจหรือจีดีพีจะอยู่ที่ 4.5-5% ชะลอตัวจากปีนี้เล็กน้อย แต่เศรษฐกิจภาคประชาชนจะซบเซาอย่างหนัก
ใครที่อยู่ในแวดวงธุรกิจจะรู้ว่า การค้าขายขณะนี้ซบเซาหนัก กำลังซื้อหดหาย และปีหน้ามีแนวโน้มว่า จะซบเซาหนักขึ้น การจับจ่ายใช้สอยของประชาชนจะฝืดเคือง ธุรกิจจำนวนมากจะล้มหายตายจาก หนี้ภาคครัวเรือนจะพุ่งขึ้นจนเกิดภาวะล้มละลายในภาคครัวเรือน
ธุรกิจขนาดใหญ่อาจได้รับอานิสงส์จากนโยบายประชานิยมของรัฐบาล เช่น อุตสาหกรรมรถยนต์ที่ยอดขายพุ่งกระฉูดเพราะนโยบายซื้อรถคันแรก แต่ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมต้องได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 300บาททั่วประเทศ
ค่าแรง 300 บาท ทำให้คนทำงานมีรายได้เพิ่มขึ้น แต่จำนวนคนทำงานที่ได้รับค่าแรง 300 บาท จะมีจำนวนน้อยลง เพราะต้องตกงานจากการปิดตัวของกิจการจำนวนมาก
คนที่ซื้อรถคันแรก ซึ่งมีจำนวนประมาณ 1 ล้านคน จากยอดจองซื้อรถยนต์คันแรกต้องอดออมเพื่อกันเงินไว้ผ่อนชำระค่ารถ จนไม่สามารถจับจ่ายใช้สอยทางอื่นได้
กำลังซื้อของคนอย่างน้อย 1 ล้านคนจะหดตัวลงหรืออาจจะมากกว่า เพราะคนในครอบครัวก็ต้องช่วยกันพยุงหาเงินผ่อนส่งรถ
และ 6 เดือนหลังของปีหน้า คงสามารถประเมินได้เบื้องต้นว่า คนที่แห่จองซื้อรถคันแรกนั้น จะแบกภาระผ่อนส่งรถได้สักกี่น้ำ มีจำนวนเท่าไหร่ที่ไปไม่รอด ถูกยึดรถและต้องเป็นหนี้ โดยมีเหลือรถยนต์ให้ขับ
ปัญหาเศรษฐกิจในปีหน้าจะปะทุขึ้น และกระตุ้นไม่ขึ้นเพราะฐานะทางการคลังของรัฐบาลไม่ดีนัก เงินจำนวนมหาศาลถูกทุ่มไปกับนโยบายประชานิยม เงินของประเทศส่วนหนึ่งถูกถ่ายเทสร้างความมั่งคั่งให้นักการเมือง
1 ปีเศษของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ไม่มีกระทรวงไหนที่มีผลงาน ไม่มีรัฐมนตรีคนใดที่แสดงความสามารถในการแก้ปัญหา มีแต่ข่าวแต่ละกระทรวง รัฐมนตรีแต่ละคนตั้งหน้าตั้งตากอบโกยผลประโยชน์ มีแต่ข่าวทุจริตในโครงการต่างๆ
ปัญหาทุกด้านของประเทศถูกทิ้งหมักหมม โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจซึ่งแทบไม่ได้รับความใส่ใจแก้ไข และมีความพยายามกลบเกลื่อนกันตลอด เช่น ปัญหาสินค้าราคาแพง ปัญหาค่าครองชีพที่พุ่งขึ้น ปัญหาหนี้สาธารณะที่ก่อตัวขึ้นหรือปัญหาการล่มสลายของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
ปัญหาที่ถูกทิ้งหมักหมมถึงจุดหนึ่งจะสุกงอม แต่ปีนี้ปัญหาเศรษฐกิจน่าจะถึงจุดระเบิด ประชาชนจำนวนมากจะเดือดร้อนจากภาวะค่าครองชีพ การค้าการขายจะฝืดเคือง ธุรกิจขนาดกลางขนาดเล็กจะร่อแร่
ปฏิกิริยาต่อต้านรัฐบาลจะขยายวงกว้างขึ้น และไม่ว่านางสาวยิ่งลักษณ์จะแต่งหน้าทาปากสวยขนาดไหน พูดจาจ๊ะจ๋าหวานเพียงใด แต่คงไม่ช่วยทำให้เกิดความพิศวาสได้อีกแล้ว
คนเมื่อไม่มีจะกิน คนเมื่อใกล้จะอดตาย ถ้ายังงมงายรักรัฐบาลยิ่งลักษณ์อีก คงไม่รู้จะว่าอะไรแล้ว
ยิ่งนานวัน รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นทุกที เพราะทหารก็ไม่ได้แสดงความเป็นปรปักษ์อย่างชัดเจน ตำรวจก็ยอมเป็นขี้ข้ารับใช้แทบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และมีมวลชนเสื้อแดงคอยคุกคามทำลายล้างฝ่ายตรงข้ามอีกด้วย จนไม่มีใครลุกขึ้นมาต่อต้านได้
แต่ปัญหาเศรษฐกิจจะเป็นตัวโค่นล้มรัฐบาลชุดนี้ จะเป็นตัวขับเคลื่อนให้เกิดการลุกฮือต่อต้านและขับไล่นางสาวยิ่งลักษณ์
ก้าวเข้าสู่ศักราชใหม่อาจเป็นการเริ่มต้นนับถอยหลังของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย และผลกระทบจากปัญหาดำรงชีพ อาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ประชาชนเห็นความไร้สาระการบริหารประเทศของนางสาวยิ่งลักษณ์ในทุกด้าน
อย่าหวังว่า รัฐมนตรีเศรษฐกิจจะกอบกู้วิบัติทางเศรษฐกิจได้ เพราะ 1 ปีเศษที่ผ่านมา นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง หัวหน้าทีมเศรษฐกิจไม่เคยแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจแต่อย่างใด และไม่เคยสร้างผลงานอะไรไว้สักชิ้นด้วยซ้ำ
ส่วนตัวนายกฯ ปูหรือนางสาวยิ่งลักษณ์ไม่ต้องพูดถึง เพราะอ่านภาษาไทยยังแทบไม่รู้เรื่อง นับประสาอะไรจะรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจที่กำลังรุกคืบในปีหน้า
แม้จะไม่เป็นข่าวเป็นคราวกันมากนัก แต่ประชาชนส่วนหนึ่งเตรียมใจกันไว้ล่วงหน้าแล้ว เศรษฐกิจปีหน้าแย่หนัก รัฐบาล “ปู”
เหนื่อยแน่และไม่น่าจะรอดจากปี 56 ยิ่งเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญตามคำบงการของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยิ่งเป็นการเร่งวันตาย
และไพร่สีกากีทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คงรับมือม็อบประชาชนทั้งประเทศไม่อยู่
ใกล้ผ่านพ้นไปอีกพ.ศ.แล้ว ทนๆ กันไปอีกนิด ทนอีกไม่กี่วันก็จะเข้าสู่ช่วงเวลานับถอยหลังของรัฐบาลยิ่งลักษณ์แล้ว ซึ่งประมวลจากหลายความเห็นมีบทสรุปสอดคล้องว่า
ปี 2556 รัฐบาล “ปู” จะสิ้นอายุขัย แต่ถ้าปีหน้ายังรอดอยู่ ประเทศคงรอดยาก