ชี้รถคันแรกสูบ"มนุษย์เงินเดือน"กระเป๋าแบนแถมโดนค่าแรง 300 บาททำกำลังซื้อสะดุด “เดอะมอลล์กรุ๊ป”โอดครวญกำไรหด แม้รายได้โตตามเป้าหมาย 10% มั่นใจปีหน้าภาพรวมดี เร่งอัดงบตลาด 2,000 ล้านบาท กระตุ้นยอดขาย ตั้งเป้า 51,230 ล้านบาทในปีหน้า
นายชำนาญ เมธปรีชากุล ผู้อำนวยการใหญ่อาวุโสฝ่ายการตลาด บริษัท เดอะมอลล์กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า เดอะมอลล์กรุ๊ปคาดว่าปีนี้จะทำรายได้รวมประมาณ 47,000 ล้านบาท เติบโตประมาณ 10% ซึ่งใกล้เคียงกันมาประมาณ 3 ปีติดต่อกัน แต่ในแง่กำไรปีนี้ลดลง อันเนื่องมาจากปัจจัยลบที่เกิดขั้นในปีนี้ โดยเฉพาะเรื่องของค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ที่ใช้ปีนี้แล้ว 7 จังหวัดทั่วประเทศ
และเรื่องของโครงการรถคันแรกของรัฐบาล
โดยในส่วนของค่าแรง 300 บาทนั้น ทำให้กลุ่มที่เป็นเจ้าของธุรกิจตัวเองลดการใช้จ่ายด้านการซื้อสินค้าลงเพราะมีภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากค่าแรง ส่งผลต่อกำลังซื้อโดยรวมลดลง ขณะที่บริษัทฯเองก็มีต้นทุนเพิ่มขึ้นเพราะต้องปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำให้มากกว่า 300 บาทด้วยซ้ำไป และปีหน้าที่จะใช้ทั่วประเทศก็จะยิ่งส่งผลกระทบตามมาอีกด้วย
ขณะที่เรื่องแคมเปญรถคันแรก ก็ส่งผลกระทบ เพราะกลุ่มเป้าหมายที่เป็นเฟิร์สทจ๊อบเบอร์ที่ต้องกันเงินไว้ส่วนหนึ่งในการผ่อนรถ ทำให้กำลังซื้อก็ลดลงเช่นกัน
นอกจากนั้นยังเป็นผลมาจากปีนี้ทางกลุ่มมีการรีโนเวตสาขาเดิมมาก ทำให้โอกาสในการจำหน่ายสินค้าน้อยลง ซึ่งยอดการใช้จ่ายของลูกค้าในห้างเดอะมอลล์มีประมาณ 1,800 – 2,500 บาทต่อคน ส่วนในซูเปอร์มาร์เก็ตประมาณ 600- 800 บาทต่อคน เพิ่มขึ้นเล็กน้อย อย่างไรก็ตามปัจจัยลบส่งผลกระทบในช่วงแรกเท่านั้นเอง แต่พอเข้าช่วงปลายปีก็เริ่มดีขึ้นแล้ว
อย่างไรก็ตาม นายชำนาญประเมินว่า ตลาดค้าปลีกปีหน้า 2556 จะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น เพราะมีปัจจัยบวกหลายปัจจัยเป็นตัวเสริมเช่น การเมืองที่คาดว่าจะสงบนิ่ง 2.ภาคการเกษตรที่เติบโตมากขึ้น 3.ค่าแรงขั้นต่ำ300บาทในแง่ผู้บริโภคจะมีกำลังซื้อมากขึ้น 4.เรื่องของ3จีที่ปีหน้าคงจะเกิดขึ้นแน่นอนส่งผลให้ภาคธุรกิจขับเคลื่อนได้ดีขึ้น
แต่ปัจจัยลบก็ยังมีเช่น การเกิดขึ้นจำนวนมากของคอมมูนิตี้มอลล์ที่จะมาแย่งลูกค้าจากห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้าไปส่วนหนึ่ง โดยเฉพาะเมื่อรถจากแคมเปญรถคันแรกเข้าสู่ตลาดมากขึ้นทำให้เกิดภาวะรถติด ซึ่งผู้บริโภคจะปรับพฤติกรรมไปใช้จ่ายในศูนย์การค้าหรือคอมมูนิตี้มอลล์ที่ใกล้บ้านมากขึ้น
ส่วนการจัดโปรโมชั่นที่ต้องเน้นทั้งอีโมชันนัลและฟังค์ชันนัลมากขึ้น การเน้นอีเวนต์ที่มีคุณภาพไม่เน้นปริมาณ การทำกลยุทธ์การตลาดแต่กระขายไปยังแต่ละกลุ่มสินค้า มากขึ้น โดยใช้งบการตลาดประมาณ 4% จากยอดขายปีหน้าที่ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 51,230 ล้านบาท หรือเติบโตประมาณ 8-10% เช่นเดิม หรือใช้งบการตลาดประมณ 2,000 ล้านบาท
ช่วงปลายปี บริษัทใช้งบการตลาด 200 ล้านบาท ล่าสุดเดอะมอลล์กรุ๊ป จัดงาน “2013 LOL Lucky Out Loud” วันที่ 6 ธ.ค. 55 – 6 ม.ค. 56 ใช้งบประมาณ 20 กว่าล้านบาท จัดตกแต่งทั้ง 3 ห้างให้มีบรรยากาศสวยงามต้อนรับคริสต์มาสและปีใหม่ รวมทั้งกิจกรรมและการลดราคาสินค้าและชิงโชครางวัลใหญ่ รถยนต์ซูบารุ 2 คัน และรางวัลอื่นรวมมูลค่ากว่า 5 ล้านบาท คาดว่าจะทำยอดขายในช่วงดังกล่าวได้ 6 ,000 ล้านบาท ทั้งนี้จากตัวเลขของศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่าเทศกาลแห่งความสุขนั้นเป็นช่วงที่มีการใช้จ่ายค่อนข้างสูง มีมูลค่าตลาดรวมกว่า 19,000 ล้านบาท
นายชำนาญ เมธปรีชากุล ผู้อำนวยการใหญ่อาวุโสฝ่ายการตลาด บริษัท เดอะมอลล์กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า เดอะมอลล์กรุ๊ปคาดว่าปีนี้จะทำรายได้รวมประมาณ 47,000 ล้านบาท เติบโตประมาณ 10% ซึ่งใกล้เคียงกันมาประมาณ 3 ปีติดต่อกัน แต่ในแง่กำไรปีนี้ลดลง อันเนื่องมาจากปัจจัยลบที่เกิดขั้นในปีนี้ โดยเฉพาะเรื่องของค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ที่ใช้ปีนี้แล้ว 7 จังหวัดทั่วประเทศ
และเรื่องของโครงการรถคันแรกของรัฐบาล
โดยในส่วนของค่าแรง 300 บาทนั้น ทำให้กลุ่มที่เป็นเจ้าของธุรกิจตัวเองลดการใช้จ่ายด้านการซื้อสินค้าลงเพราะมีภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากค่าแรง ส่งผลต่อกำลังซื้อโดยรวมลดลง ขณะที่บริษัทฯเองก็มีต้นทุนเพิ่มขึ้นเพราะต้องปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำให้มากกว่า 300 บาทด้วยซ้ำไป และปีหน้าที่จะใช้ทั่วประเทศก็จะยิ่งส่งผลกระทบตามมาอีกด้วย
ขณะที่เรื่องแคมเปญรถคันแรก ก็ส่งผลกระทบ เพราะกลุ่มเป้าหมายที่เป็นเฟิร์สทจ๊อบเบอร์ที่ต้องกันเงินไว้ส่วนหนึ่งในการผ่อนรถ ทำให้กำลังซื้อก็ลดลงเช่นกัน
นอกจากนั้นยังเป็นผลมาจากปีนี้ทางกลุ่มมีการรีโนเวตสาขาเดิมมาก ทำให้โอกาสในการจำหน่ายสินค้าน้อยลง ซึ่งยอดการใช้จ่ายของลูกค้าในห้างเดอะมอลล์มีประมาณ 1,800 – 2,500 บาทต่อคน ส่วนในซูเปอร์มาร์เก็ตประมาณ 600- 800 บาทต่อคน เพิ่มขึ้นเล็กน้อย อย่างไรก็ตามปัจจัยลบส่งผลกระทบในช่วงแรกเท่านั้นเอง แต่พอเข้าช่วงปลายปีก็เริ่มดีขึ้นแล้ว
อย่างไรก็ตาม นายชำนาญประเมินว่า ตลาดค้าปลีกปีหน้า 2556 จะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น เพราะมีปัจจัยบวกหลายปัจจัยเป็นตัวเสริมเช่น การเมืองที่คาดว่าจะสงบนิ่ง 2.ภาคการเกษตรที่เติบโตมากขึ้น 3.ค่าแรงขั้นต่ำ300บาทในแง่ผู้บริโภคจะมีกำลังซื้อมากขึ้น 4.เรื่องของ3จีที่ปีหน้าคงจะเกิดขึ้นแน่นอนส่งผลให้ภาคธุรกิจขับเคลื่อนได้ดีขึ้น
แต่ปัจจัยลบก็ยังมีเช่น การเกิดขึ้นจำนวนมากของคอมมูนิตี้มอลล์ที่จะมาแย่งลูกค้าจากห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้าไปส่วนหนึ่ง โดยเฉพาะเมื่อรถจากแคมเปญรถคันแรกเข้าสู่ตลาดมากขึ้นทำให้เกิดภาวะรถติด ซึ่งผู้บริโภคจะปรับพฤติกรรมไปใช้จ่ายในศูนย์การค้าหรือคอมมูนิตี้มอลล์ที่ใกล้บ้านมากขึ้น
ส่วนการจัดโปรโมชั่นที่ต้องเน้นทั้งอีโมชันนัลและฟังค์ชันนัลมากขึ้น การเน้นอีเวนต์ที่มีคุณภาพไม่เน้นปริมาณ การทำกลยุทธ์การตลาดแต่กระขายไปยังแต่ละกลุ่มสินค้า มากขึ้น โดยใช้งบการตลาดประมาณ 4% จากยอดขายปีหน้าที่ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 51,230 ล้านบาท หรือเติบโตประมาณ 8-10% เช่นเดิม หรือใช้งบการตลาดประมณ 2,000 ล้านบาท
ช่วงปลายปี บริษัทใช้งบการตลาด 200 ล้านบาท ล่าสุดเดอะมอลล์กรุ๊ป จัดงาน “2013 LOL Lucky Out Loud” วันที่ 6 ธ.ค. 55 – 6 ม.ค. 56 ใช้งบประมาณ 20 กว่าล้านบาท จัดตกแต่งทั้ง 3 ห้างให้มีบรรยากาศสวยงามต้อนรับคริสต์มาสและปีใหม่ รวมทั้งกิจกรรมและการลดราคาสินค้าและชิงโชครางวัลใหญ่ รถยนต์ซูบารุ 2 คัน และรางวัลอื่นรวมมูลค่ากว่า 5 ล้านบาท คาดว่าจะทำยอดขายในช่วงดังกล่าวได้ 6 ,000 ล้านบาท ทั้งนี้จากตัวเลขของศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่าเทศกาลแห่งความสุขนั้นเป็นช่วงที่มีการใช้จ่ายค่อนข้างสูง มีมูลค่าตลาดรวมกว่า 19,000 ล้านบาท